ตอนที่ 10
สิงห์บอกอันยาให้ลงแข่ง เธอแปลกใจที่ยังให้ โอกาสเธออีก ฟองคำเผยว่า ไม่เคยเห็นลูกชายมีอาการแบบนี้มาก่อน เขาทุ่มเทให้กับงานของเขามาก เวลาโทร.กลับมาบ้านจะคุยแต่เรื่องงาน มาช่วงหลังที่พูดถึงผู้หญิงให้ฟัง อันยาทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะเป็นตัวเอง
“เขา บอกว่าเธอเป็นเลขาที่ดี ไม่เคยเจอใครที่เหมือนเธอมาก่อน เขาคงจะไว้ใจเธอมาก ถึงได้เจ็บมาก...ที่ฉันเล่าให้เธอฟัง ไม่ใช่ว่าฉันให้อภัยเธอได้หมดหรอกนะ ลูกฉันเจ็บ ฉันก็เจ็บ แต่ถ้าแสนเป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ฉันก็เชื่อว่าผลต้องแก้ที่เหตุ ฉันไม่อยากให้ลูกฉันติดอยู่กับความผิดพลาดในอดีต”
อันยาอึ้งพูดอะไรไม่ออก เดินครุ่นคิดไปตามทาง ทวยเทพเข้ามาขวาง ห้ามไม่ให้เธอลงแข่ง แต่อันยากลับบอกให้เขากลับไปเสีย ทวยเทพโวย
“แผนการ คุณสำเร็จไปแล้วยังจะยุ่งกับมันอีกทำไม อย่าบอกนะว่า เพราะรักมัน รักไอ้ด็อกเตอร์กระจอกนั่น!” เห็นอันยานิ่ง เขายิ่งปรี๊ด “ไม่จริงใช่ไหม! ผมต่างหากที่ทำเพื่อคุณมาตลอด แม้แต่เรื่องไอ้ด็อกเตอร์นี่ ผมก็ช่วยคุณ”
อันยาสวนทันควัน “คุณไม่ควรช่วยฉัน! สิ่งที่คุณควรจะทำคือเตือนฉัน ห้ามฉันไม่ให้ทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นต่างหาก”
“คุณโทษผมงั้นเหรอ เพราะผมรักคุณนะ ถึงได้ตามใจคุณทุกอย่าง” ทวยเทพรวบแขนเธอ
“คุณไม่ได้รักฉัน คุณรักตัวเอง คุณยอมตามใจฉันเพราะกลัวว่าฉันจะไม่รักคุณ ถ้าคุณรักฉันจริง ต่อให้ต้องเสียฉันไป คุณก็จะไม่ยอมให้ฉันทำเรื่องผิดๆ แบบนั้น” อันยาสะบัดแขนออกทวยเทพงงอันยาพูดอะไรไม่เข้าใจ ดึงเธอให้กลับไปเคลียร์กันที่กรุงเทพฯ อันยาโวย เขาต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ เพราะตนไม่เคยรักเขาและไม่มีทางจะรักด้วย ทวยเทพผงะ ไม่ยอมแพ้ เขารวบตัวอันยามากอด
“ไม่พอใจก็จะทิ้งกันงั้นเหรอ เป็นตายยังไงผมก็ต้องพาคุณกลับไปด้วยให้ได้”
อันยาดิ้นรนร้องให้ปล่อย สิงห์กับคนงานสามคนถือจอบเสียมผ่านมาเข้าช่วย ทวยเทพตกใจรีบปล่อยอันยา แต่ไม่วายต่อว่า “คุณมันโง่ เอาสมองไปไว้ซะที่ไหน แล้วคุณจะต้องเสียใจ”
อันยาโล่งอกเมื่อทวยเทพเดินไป หันมาขอบคุณสิงห์...ด้านแสนยืนเครียดกับคำพูดของทวยเทพที่ยังรบกวนจิตใจว่า...คนระดับด็อกเตอร์ เวลาโง่ นี่โง่ดักดาน โดนผู้หญิงคนเดิมหลอกปั่นหัวได้อีก ต้องยกตำแหน่งที่สุดแห่งความโง่ให้...แสนพยายามสลัดคำพูดนั้นออกจากหัว หันมาเจอปุ๊กลุกยืนอยู่ เขายิ่งเหนื่อยใจ แต่ยังถามอย่าง
สุภาพว่าเธอทำแบบนี้ทำไม ที่บอกทุกคนว่า เด็กในท้องเป็นลูกตน ปุ๊กลุกยืนยันว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกเขา เธอเอ่ยอย่างปวดร้าว
“ฉันตั้งท้องลูกคนนี้เพราะพี่...วันนั้น ที่กรุงเทพฯ ฉันรอพี่ แล้วฉันก็นึกว่าคนที่มาหาฉันเป็นพี่ ฉันตั้งท้องเด็กคนนี้เพราะพี่”
“ใคร ใครเป็นพ่อของเด็ก ปุ๊กลุก”
“ฉันบอกแล้วไงว่าพี่คือพ่อเด็ก เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะพี่ เพราะงั้น พี่ต้องรับผิดชอบ”
แสนถามตรงๆว่า พ่อเด็กไม่รับผิดชอบหรือ ปุ๊กลุกสวนทันควันว่าตนไม่ต้องการ ตนต้องการแสนเป็นพ่อของลูกคนเดียว แสนแย้งว่าเขาคิดกับเธอเพียงพี่ชาย
“ไม่! ฉันไม่ต้องการให้พี่เป็นพี่ฉัน...พี่ยังไม่ยอมรับฉันกับลูกวันนี้ก็ไม่เป็นไร ฉันรอได้ ฉันจะรอวันที่พี่ยอมรับพวกเราเป็นครอบครัว เด็กคนนี้กับฉันจะรอ...อนาคตของฉันกับลูกขึ้นอยู่กับพี่นะ พี่แสน...ยังไงฉันก็จะรอ” ปุ๊กลุกเว้าวอนแล้วผละจากไป ไม่เปิดโอกาสให้แสนปฏิเสธ
ooooooo
พนักงานในเพียงพอดี ล้อเมขลากันใหญ่ว่ามีแฟนแล้วไม่บอกกันบ้าง เมขลางงพอมองไปเห็นว่าคิมหันต์มาหาก็ตกใจ คิมหันต์ทำหน้าเจื่อนๆที่เป็นต้นเหตุให้เธอโดนเพื่อนล้อ เมขลาว่าไม่เป็นไร ห่วงแต่เขาจะมีปัญหากับแฟน คิมหันต์รีบบอกว่าตนยังไม่มีแฟน เมขลาแอบเขิน
ที่คิมหันต์มาหาเพราะอยากให้ช่วยกันหาหลักฐานล้างความผิดให้กับแสน เมขลาสงสัย ทำไมไม่ให้ตำรวจจัดการ คิมหันต์ตอบว่า โกมลเป็นผู้มีอิทธิพล พรรคพวกมาก ต้องหาหลักฐานด้วยตัวเอง เมขลาย้อนถามไม่กลัวตัวเองต้องรับโทษด้วยหรือ
“กลัวสิครับ แต่ทีด็อกเตอร์ยังต้องมาเสียชื่อกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ เราก็แค่รับผิดในสิ่งที่เราทำ แค่นี้ทำไม จะรับไม่ได้ล่ะครับ”
“ขอบคุณคุณคิมและอันโกะมากนะคะ ที่เลือกจะทำความดีลบล้างความผิด”
คิมหันต์แย้งว่า ตนต่างหากที่ต้องขอบคุณ เมขลาลืมตัวจับมือคิมหันต์สัญญาจะช่วยอีกแรง เขายิ้มกริ่มมองมือเธอ เมขลารู้สึกตัวรีบปล่อยมือเขา ยิ้มเขินๆ คิมหันต์รู้สึกว่าเธอช่างน่ารัก
เย็นวันนั้น คุณหญิงเหมือนและอิงค์กี้ได้พักบ้านคนงานห้องติดกัน ทั้งสองมองตาปริบๆ เพราะคิดว่าจะได้อยู่เรือนรับรองหรูหน่อย หนานปิงบอกว่า ไฟก็ใช้ตะเกียงจุดเอา น้ำให้ไปตักที่บ่อมาอาบ สองสาวทำหน้าเหวอ ปุ๊กลุกหัวเราะเยาะ แล้วหันมาแขวะอันยาจะอยู่ได้ไหมแบบนี้ สองสาวไฮโซหันขวับมาจิกตามองอันยาก่อนจะถามหนานปิง
“ขอเจรจาค่ะ...ทำไมพ่ออุ๊ยต้องให้ว่าที่หลานสะใภ้มาลำบากแบบนี้ด้วยคะ...พวกเราไม่ใช่คนงานอพยพ” สองสาวไฮโซช่วยกันถาม
“ครอบครัวฉันทุกคนเคยอยู่ เคยกินเคยนอนแบบนี้ แล้วก็ต้องทำงานเป็นถึงจะคุมคนงานอยู่ ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ก็ไม่เหมาะจะมาเป็นหลานสะใภ้ฉันหรอก”
อิงค์กี้หันมาถามอันยาไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือ อันยาตอบเรียบๆว่า “ฉันไม่ได้หวังว่าจะอยู่สุขสบายอยู่แล้ว”
หนานปิงแอบยิ้มชอบใจ คุณหญิงเหมือนโวยที่อันยาจะอยู่แข่งปลูกสตรอว์เบอร์รี่ชิงตัวแสนด้วย อันยานิ่งไม่ตอบ ถือกระเป๋าเข้าที่พัก ปุ๊กลุกถือกระเป๋าตามเข้ามาอยู่ด้วย อันยางง
“คุณปู่ให้เธอไปนอนสบายๆที่บ้าน ทำไมไม่ไป จะมาลำบากที่นี่ทำไม”
“ฉันจะนอนที่ไหน ทำไมหล่อนต้องเดือดร้อน กลัวอะไรมิทราบ”
“อย่างเธอไม่มีอะไรให้ฉันกลัวหรอก ที่พูดเนี่ยสงสารเด็ก ทำอะไรหัดคิดถึงลูกในท้องบ้าง” อันยาส่ายหน้าเหนื่อยใจ
ปุ๊กลุกหาว่าอันยาแสร้งสร้างภาพรักเด็ก ตนไม่มีวันยอมให้เธอปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้สะดวกๆ...ด้านสินกับฟองคำตกใจเมื่อรู้ว่าหนานปิงให้พวกสี่สาวปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในที่ที่ไม่มีสปริงเกอร์ ทั้งที่วันๆต้องรดน้ำถึงสามสี่หน ทำกันคนละไร่ พวกเธอจะทำได้อย่างไร หนานปิงหัวเราะหุหุ สมัยหนุ่มๆตนยังทำได้ สินถามว่าพวกเธอจะเอาไหลมาจากไหน
“หากันเองสิวะ...จะได้รู้ไงว่าใครมีกึ๋น ถ้ารัก หลานชายเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รี่จริง ต้องรู้ว่าจะหาไหลต้นอ่อนสตรอว์เบอร์รี่ดีๆได้จากไหน” หนานปิงเดินยิ้มกริ่มออกไป
สินหันมาคุยกับฟองคำ ตกลงพ่อจะให้หนูอันยาแก้ตัวกับแสน หรือจะให้ลูกเราโสดไปจนตาย ลำบากขนาดนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะทนไหว ฟองคำถอนใจ
สิงห์เห็นแสนยืนดูไร่อยู่ จึงเข้ามาถามทำไมไม่ไปกินข้าว ยังโกรธอยู่หรือ แสนส่ายหน้า
“พ่ออุ๊ยไม่น่าทำแบบนี้ พี่ก็ด้วย ทำไมถึงต้องหาเรื่องให้อันยาลงแข่ง”
“ถ้าไม่แคร์เขา ทำไมนายจะต้องเดือดร้อนด้วย”
แสนชะงัก “ถ้าเป็นคนที่ทำกับพี่ขนาดนั้น มาอยู่ใกล้ๆถามจริงพี่จะรู้สึกยังไง”
“แสน...ไม่ใช่ฉันไม่ห่วงความรู้สึกนาย แต่...เพราะพวกเราเป็นห่วงถึงไม่อยากให้นายหนีจากความรู้สึกของตัวเอง”
“ผมไม่รู้ว่าทุกคนคิดอะไรกันอยู่ แต่เรื่องระหว่างผมกับอันยา มันจบไปแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว”
“แปลว่ามันเคยมี...”
“เคยหรือไม่เคยมันก็ไม่สำคัญ ผมไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีก อย่าเอาผมไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก” แสนหงุดหงิดเดินหนี สิงห์เปรยไล่หลัง ดูสิว่าจะไม่เกี่ยวไปได้นานแค่ไหน
คืนนั้น คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้กลัวความวังเวงและเสียงนก จำต้องนอนห้องเดียวกันโดยขีดเส้นแบ่งเขต...ด้านอันยาอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมาเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ กว่าจะได้ต้องเขย่งอยู่บนโอ่งอย่างทุลักทุเล โทร.หาคิมหันต์ให้ช่วยหาข้อมูลการปลูกไร่สตรอว์เบอร์รี่
“ไหนบอกจะไปขอโทษเขาไง ไหงเปลี่ยนไปทำไร่สตรอว์เบอร์รี่ซะแล้ว” คิมหันต์หัวเราะลั่นเมื่อฟังเรื่องราว “ที่แท้ก็จะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ไถ่โทษ ความรัก
มันทำให้คนเราเพี้ยนได้จริงๆเลยนะ อูย...อย่าเพิ่งด่า นี่ถ้าเทียบกับความพยายามร้ายๆที่ผ่านมา ปลูกต้นไม้ก็ยังช่วยลดโลกร้อนได้เอาเป็นว่าผมเชียร์เจ๊ก็แล้วกัน”
อันยาฝากคิมหันต์ดูแลย่า เพราะตนคงต้องอยู่ที่ไร่อีกระยะหนึ่ง...อันยาวางสาย ลืมไปว่าตัวเองยืนอยู่บนโอ่งจะก้าวเดินหวิดตกลงไป ทำเอาใจหายวาบ นึกว่าเอาชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว
พอกลับเข้ามาในห้อง ปุ๊กลุกแกล้งนอนกางแข้งขากลางฟูก ทำให้อันยาต้องดึงผ้ามาปูนอนมุมห้อง ไม่ใช่เพราะกลัวแต่ไม่อยากมีเรื่องกับคนท้อง
ooooooo
รุ่งเช้า คิมหันต์โทร.รายงานข้อมูลแก่อันยา เขาอดถามเธอไม่ได้ว่าใส่ชุดอะไรทำไร่ อันยาตอบว่าชุดธรรมดาที่เคยใส่ เพราะจะให้แต่งแบบอื่นคงไม่มีแรงทำไร่ พลันสายตาเธอเห็นแสนเดินอยู่จึงรีบวางสายจากคิมหันต์ วิ่งไปหาแสน
อันยาร้องเรียกแสน แต่เขาทำไม่ได้ยิน จงใจเดินผ่านไปเฉยๆ อันยาวิ่งตามมาดักหน้าหยุดหอบก่อนจะขอถามอะไรสักหน่อย เขากลับบอกให้ไปถามคนอื่น อันยาเหวอ
“ฉันแค่จะถามว่า...”
“ผมมีธุระต้องรีบไป” แสนตัดบทเดินหนีไปขึ้นรถขับออกไป
อันยายืนอึ้งแค่จะขอติดรถไปด้วยคน...อันยาตัดสินใจเดินไปตามทาง พักใหญ่มีเด็กชายตัวอ้วนขี่จักรยานมาชวนไปด้วยกัน เธอดีใจมาก แต่เด็กชายขี่ไปได้ไม่นานก็หยุด กล่าวเสียงอ่อย
“เป็นตะคริว ปั่นบ่ไหว” อันยาจำต้องขี่ให้เด็กชายตัวอ้วนซ้อนท้ายแทน ทั้งแดดทั้งฝุ่น ขี่ขึ้นเนินขาสั่นพั่บๆเหงื่อไหลโซมกาย แต่เธอก็ไม่ท้อ
ทางไร่ คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้ต่างใช้เงินจ้างคนงานหาซื้อไหลมาให้ ทั้งสองหงุดหงิดที่เล็บทำมาสวยๆต้องหัก จึงใช้วิธีปาไหลลงบนที่ดิน เกิดการกระทบกระทั่งจนกลายเป็นทะเลาะ ขว้างปาข้าวของใส่กัน ปุ๊กลุกยืนดูสะใจที่ตัวเองไม่ต้องลงมืออะไรก็ทำให้คู่ต่อสู้พังพินาศไปเอง จากนั้นปุ๊กลุกก็สร้างภาพด้วยการตะโกนให้ทุกคนมาเห็น
“ช่วยด้วยค่า...ทะเลาะกันเละตุ้มเป๊ะหมดแล้วค่า...”
คนงานมุงดูกันเพียบ หนานปิงวิ่งเข้ามาเอ็ดตะโรให้หยุด ถ้าไม่หยุดจะไล่ออกจากไร่ สองสาวชะงัก จิกตาใส่กัน หนานปิงเหน็บ
“อายุขนาดนี้ การศึกษาก็มี ทำอะไรหัดใช้หัว อย่าใช้แต่มือ แต่เท้า แต่ปากแก้ปัญหา คนเขาจะพูดเอาได้ว่าไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครสอน...ไม่กล้าขุดดิน ไม่กล้าจับไหล ทำไม่ได้แบบนี้ก็กลับไปซะ อย่ามาเสียเวลากัดกันที่นี่”
ปุ๊กลุกยิ้มสะใจ พลันนึกได้ว่า อันยาหายไปไหน...
ในขณะที่แสนจอดรถอุดหนุนผลไม้ชาวบ้านที่เอามาขายริมทาง อันยาปั่นจักรยานอย่างเหนื่อยหอบพาเด็กอ้วนซ้อนท้ายเข้ามา ทั้งสองเห็นกันต่างชะงัก แสนไม่พอใจหาว่าเธอตามตื๊อ อันยาอธิบายว่า ไม่ได้ตาม แต่เขาไม่ฟัง เด็กอ้วนจึงบอกอันยาให้ขี่ต่อไป ตนจะรออยู่ที่นี่ อันยาสะบัดหน้าจากแสนก่อนจะปั่นจักรยานออกไป
แสนเข้าขวางหน้า “จะไปไหนอีกเดี๋ยวก็หลงป่าเหมือนคราวที่แล้ว กลับไปไร่เลย”
“ไม่กลับ! รับรองว่าครั้งนี้ฉันไม่หลง”
“ก็แน่สิ ขี่รถตามผมจะหลงได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้ตามจริงๆ รถคุณจอดอยู่โน่นไม่ใช่เหรอคะ”
“ถ้าไม่ได้ตามแล้วคุณจะมาอยู่นี่ได้ยังไง...กลับไร่ไปซะ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขามากกว่านี้”
อันยาน้อยใจรวบรวมสติกล่าวเสียงสั่น “ขอพูดครั้งสุดท้าย ฉันไม่ได้ตาม ส่วนฉันจะไปไหนเป็นตายร้ายดียังไง จะไม่ให้เดือดร้อนคุณ ไม่ต้องมาใจดีกับผู้หญิงแย่ๆอย่างฉันหรอกค่ะ”
แสนมองตามหลังอันยาที่ถีบจักรยานออกไปอย่างระอาในความดื้อรั้นของเธอ...เขาตัดสินใจขับรถตามเธอไปห่างๆ แม้ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำแบบนี้ทำไม ทันใดเขาเห็นอันยาขี่รถเข้าไปในศูนย์เพาะไหล เขาแปลกใจมาก...
อันยาเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ บอกเขาว่าเธอคือคนที่โทร.มาเมื่อเช้า เจ้าหน้าที่เชื้อเชิญพาไปเอาไหลที่เตรียมไว้ให้
“นี่คือตัวอย่างที่ยังไม่ได้เพาะลงดินครับ ไหลหรือต้นอ่อนสตรอว์เบอร์รี่พวกนี้ได้มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของต้นแม่พันธุ์ที่คัดสรรมาดีแล้ว ถ้านำไปปลูกจะได้ต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่แข็งแรง ทนทานต่อโรค...ปกติจะต้องจองไว้ก่อน แต่พอดีที่ไร่แสนรักเขาใช้เยอะ ทางเราเพาะเผื่อไว้ เลยพอมีเหลือให้คุณ”
อันยาตาโพลงเมื่อรู้ว่าที่ไร่แสนรักใช้ไหลที่ศูนย์นี้...แสนแอบมองอันยาอย่างนึกไม่ถึง
ooooooo
แสนกลับมาต่อว่าสิงห์ หาว่าให้ข้อมูลอันยา สิงห์ปฏิเสธแถมชมว่าอันยาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆรู้จักหาข้อมูล ตากแดดตากลม ทนจับจอบจับเสียม มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆส่วนใครจะเห็นหรือไม่ อยู่ที่ใช้ตาหรือใจดู แสนอึ้งนิ่งคิด
รถของศูนย์วิจัยเพาะพันธุ์ต้นไหล แล่นเข้ามาจอดในไร่แสนรัก ช่วยอันยายกไหลลงมาวางให้ หนานปิง แสนและฟองคำเห็นแล้วทึ่ง ชมกันใหญ่ที่รู้จักค้นคว้าข้อมูล คุณหญิงเหมือนและอิงค์กี้ ที่พักเหนื่อยทำแผลจากการทะเลาะกันเอง ได้ยินเกิดความไม่พอใจ ปุ๊กลุกซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำไร่ กำลังคั้นน้ำสตรอว์เบอร์รี่อยู่พลอยเจ็บใจไปด้วย
อันยาทำการรดน้ำต้นไหลที่ยังไม่ได้ลงดิน แสนเดินเข้ามาหา เธอจึงบอกเขาว่า รู้แล้วใช่ไหมตนไม่ได้ตามเขา คงไม่รำคาญตนอีก แต่แสนกลับตอบว่า
“ถึงคุณจะพยายามยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ที่ผมมาบอกเพราะไม่อยากให้คุณเสียเวลาไปฟรีๆกลับไปซะเถอะ”
อันยาหน้าเจื่อนหมดแรงรดน้ำ ค่อยๆทรุดนั่งลงมองแสนเดินจากไป คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้เข้ามาเยาะเย้ย แสนออกปากไล่ขนาดนี้ แสดงว่าเหลืออดเจ้าของบ้านไล่ก็ควรจะไป อันยาได้ยินแล้วยิ่งจี๊ดอยากจะโต้กลับ แต่เสียงเตือนของย่าลอยมาในหัว
“ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง หนูก็ต้องเข้มแข็งจำไว้ว่าย่า...รักหนู เอาใจช่วยหนูอยู่นะลูก”
อันยาตั้งสติได้ กลั้นความรู้สึกต่างๆอดทนอย่างถึงที่สุด เดินไปโดยไม่ตอบโต้อะไร สองสาวไฮโซงงแต่ไม่วายเยาะหยันถากถางไล่หลัง...อันยาน้ำตาไหลพรากไม่ให้ใครเห็น
ปุ๊กลุกถือตะกร้าใส่ปิ่นโตเข้ามาระหว่างที่สองสาวถกเถียงกันเรื่องอันยา แกล้งเปรย “เฮ้อ ไม่รู้คุณแม่ฟองคำจะเลี้ยงข้าวพวกเธอทำไม วันๆมานั่งลอยชายไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์เล้ย สู้คนท้องยังไม่ได้ ยังรู้จักหยิบฉวยช่วยงานนั่นนี่”
อิงค์กี้แขวะ ทำงานเอาหน้า ปุ๊กลุกสวนแล้วมีใครปิดทองหลังพระบ้าง เอาหน้ากันทุกคนแต่ก็สู้ตนไม่ได้ คุณหญิงเหมือนมองปิ่นโตอาหารแล้วนึกได้
เช้าวันใหม่ สินยืนมองอันยาถืออุปกรณ์ทำสวนผ่านไป หนานปิงหาว่าลูกเขยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แอบมองสาว ฟองคำเดินมาถามมีอะไรกัน สินรีบบอกก่อนที่พ่อจะหาความ
“ฉันมองหนูอันยา แต่ไม่ได้คิดอะไรไม่ดี คือ...ฉันสงสัยว่าวันนี้เขาจะแต่งแฟชั่นอะไรลงมาทำไร่ ก็ไม่เคยเห็นคนแต่งตัวแบบนี้มาทำไร่ จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ลูกชายเราด้วยไง แม่หนูเนี่ยต่างกับลูกชายเราสุดขั้ว เหมือนสตรอว์เบอร์รี่กับต้นประดู่ มันจะเข้ากันได้ไหม”
ฟองคำตำหนิสามีช่างเปรียบเทียบ หนานปิงเห็น ด้วยกับลูกเขยเป็นครั้งแรก ไม่ทันไรคุณหญิงเหมือนเข้ามาหา เธอเกริ่นแนะนำตัวให้ผู้ใหญ่รู้จักตัวตน ว่าเป็นนักเรียนนอก มีเชื้อมีสาย สินขัดขึ้นว่าอย่ามัวเสียเวลา ให้เข้าเรื่องเลย
ปุ๊กลุกกับอิงค์กี้ รีบแต่งตัวให้ดูดีเพื่อมาประจบเอาใจบ้าง เกรงคุณหญิงเหมือนจะแอบแทงข้างหลังพวกตน ต่างจากอันยาที่ก้มหน้าก้มตาลงไหลบนที่นาจนเต็มแปลงอย่างเหนื่อยยาก แสนแอบมาหงุดหงิดไม่พอใจอยู่มุมหนึ่ง สิงห์เข้ามาแหย่ ถามหงุดหงิดอะไรแต่เช้า
“ไม่ได้หงุดหงิด”
“เสียงหงุดหงิดชัดแบบนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่หงุดหงิด ระวังนะ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ”
“ผมไม่ได้เกลียด! แค่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึง ไม่ยอมเข้าใจอะไรสักที”
“ฉันว่าอันยาก็คงอยากจะถามนายแบบนี้เหมือนกัน...เหนื่อยไหม สู้กับใจตัวเอง”สิงห์เยาะ
แสนเดินหนีเข้าไปในห้องเก็บเครื่องมือทำไร่ ค้นหากรรไกรตัดกิ่งไม้ ได้ยินเสียงประตูคิดว่าสิงห์ตามมา จึงโพล่งขึ้น
“ถ้าพี่จะมาพูดเรื่องอันยาอีก ก็เชิญไปคุยกับคนอื่นเถอะ...”
อันยายืนอึ้ง แสนหันมาเห็นชะงักทำทีไม่ไยดี ค้นของต่อไป อันยากล้ำกลืนความเจ็บช้ำ หยิบที่ตักดินแล้วเอ่ยถามเขา
“ฉันได้ข้อมูลว่าต้นสตรอว์เบอร์รี่มีทั้งโรคทั้งแมลงกวนเยอะแยะเลย ท่าทางจะปลูกยากเหมือนกันนะ ขอสูตรสารสกัดสะเดาได้ไหมคะ จะทำเอาไว้ฉีดพ่นกันแมลง”
แสนไม่ตอบ หยิบกรรไกรตัดกิ่งไม้แล้วเดินออกไป อันยาทนไม่ไหว ตามมาขวางหน้าถามอีกครั้ง แสนนิ่งสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วทีผม ขอให้คุณกลับไป คุณยังไม่เห็นฟังผมเลย ทำไมฮะอันยา ทำไมต้องมาพยายามทำไร่ด้วย ทำไมคุณถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรซะที”
“ก็เพราะฉันเข้าใจไง ว่าทำให้คุณรู้สึกแย่แค่ไหน ฉันถึงยังกลับไปไม่ได้ เมื่อก่อนฉันทำร้ายคุณ ฉันรู้ว่ามันผิด แต่สิ่งที่ฉันกำลังทำตอนนี้ ที่ฉันพยายามชดใช้ความผิดนั้นอยู่ คุณช่วยตอบฉันหน่อยสิ ว่าฉันทำผิดตรงไหน” อันยาน้ำตาคลอเบ้า “ฉันพยายามขอโทษคุณ มันผิดตรงไหนใช่...คุณมีสิทธิ์จะโกรธจะเกลียดฉัน แต่ฉันก็มีสิทธิ์จะขอโทษ หนึ่งครั้ง สิบครั้ง ร้อยครั้ง พันครั้ง...ขอโทษ จนกว่าคุณจะเข้าใจว่าฉันเสียใจมากแค่ไหนกับเรื่องที่ผ่านมา ฉันขอโทษ ได้ยินไหมคะ คุณแสน” น้ำตาอันยาไหลพราก เดินจากไป ทำให้แสนเครียด เจ็บปวดไม่ต่างกัน
ooooooo
คุณหญิงเหมือนมาต่อรองกับหนานปิง ขอแข่งขันในสิ่งที่ตัวเองถนัดด้วยการทำอาหาร อิงค์กี้กับปุ๊กลุกตามมาได้ยิน ค่อนขอดช่างเสนอโปรเจกต์อย่างหน้าไม่อาย สินตัดบทให้แสนเป็นคนตัดสินใจ พอหนานปิงเรียกแสนมาถาม เขาไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับการแข่งขันทุกอย่าง
“แกไม่ชอบใช่ไหม ที่ทุกคนเขามาแข่งชิงตำแหน่งเมียแก งั้นแข่งทำอาหารครั้งนี้ ฉันให้โอกาสแกเป็นคนตัดสิน” หนานปิงสรุปดื้อๆ “ถ้าแกกินอาหารของใครไม่หมด ก็ให้คนนั้นกลับบ้านไป ถ้าชอบใครก็เลือกซะ ทีนี้แกจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าตัวเองไม่เกี่ยว ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
แสนไม่พอใจ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ไม่ต้องการเป็นกรรมการ หนานปิงเอ็ด ถ้าเช่นนั้นตนกับสินจะเป็นคนตัดสินว่าใครควรกลับบ้านไป สิงห์แย้ง
“แล้วที่อันยาเขาลงแรงปลูกสตรอว์เบอร์รี่ไปแล้วล่ะ มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย ที่จู่ๆจะมาเปลี่ยนกติกากันเองแบบนี้”
“แต่หญิงว่ายุติธรรมค่ะ ใครเลือกทำอาหารโหวต” คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้ยกมือ “สองในสามของผู้เข้าแข่งขันเลือกวิธีนี้ ถือว่าเสียงข้างมากชนะค่ะ”
สิงห์อึ้ง หนานปิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แสนถอนใจมันอะไรกันนักหนา...เมื่อทุกคนมาบอกอันยา เธอหน้าเหวอเพราะทำอาหารไม่เป็น สบตาหนานปิงปริบๆเชิงขอความเห็นใจ
“ถ้าฉันไม่เปลี่ยนกติกา เดี๋ยวเขาจะหาว่าเผด็จการ ในเมื่อเสียงข้างมากเขาอยากทำอาหารความจริงไม่ต้องปลูกสตรอว์เบอร์รี่ต่อเธอก็สบายนะ ไม่ต้องมาเดินตากแดดใส่ปุ๋ย รดน้ำต้นไม้อีกตั้งเป็นเดือนๆ”
อันยาห่วงต้นที่ลงมือปลูกไปแล้ว สิงห์จะให้คนงานมารดน้ำต่อแทน แต่หนานปิงกลับให้ปล่อยไปตามบุญตามกรรม อันยาอึ้งเสียดาย...สิงห์เดินแยกมากับหนานปิง เขาต่อว่าที่หนานปิงให้ทิ้งต้นไม้เหล่านั้น ทั้งที่เคยสอนตนว่า ต้นไม้ทุกต้นเป็นของขวัญจากธรรมชาติ หนานปิงโต้ว่า
“อันนั้นน่ะฉันไม่ได้เป็นคนตัดสิน ต้นไม้จะถูกทิ้งหรือว่ามีคนดูแล ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ฉัน”
สิงห์แปลกใจ แล้วมันขึ้นอยู่ที่ใคร หนานปิงอมยิ้มจะได้พิสูจน์ใจว่าที่สะใภ้...ทั้งสองมาแอบดูอันยา เห็นยังคงรดน้ำต้นไหลที่ลงไปอย่างขะมักเขม้น สิงห์ว่าหนานปิงช่างแผนสูงจริงๆ
เย็นวันนั้น สิงห์เห็นอันยายังมารดน้ำต้นไม้อยู่ จึงถามจะทำอีกทำไม อันยาบ่นเสียดาย ลงแรงปลูกกับมือ ทิ้งไม่ลง สิงห์ถามตรงๆ เจ็บใจไหมที่โดนสองไฮโซแทงลับหลังแบบนี้
“คงไม่เจ็บเลยมั้ง ฉันก็เป็นคนนะคุณสิงห์ โดนแกล้งมันก็จี๊ด แต่ว่า...ฉันพอแล้วล่ะ เรื่องฟัดกับคนอื่น ขัดแข้งขัดขากันเพื่อจะเอาชนะน่ะ พอแล้ว เมื่อก่อนฉันเคยอยากเอาชนะจนยอมทำทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเลวๆ สุดท้ายฉันซึ้งแล้วว่า รางวัลที่ได้มาจากการทำลายคนอื่น มันน่าอายมากกว่าน่าภูมิใจ”
“ถ้าไม่อยากชนะคนอื่น แล้วจะเหนื่อยแข่งต่อเพื่อ...”
“ฉันอยากให้คุณแสนรู้ว่าฉันเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมามากแค่ไหน แค่เขาเข้าใจฉันมากขึ้นสักนิดก็ยังดี” อันยาสลดลง สิงห์รับรู้ว่าเธอมีความหวังแม้จะน้อยนิด
ooooooo
ด้านโกมล มีความสุขกับการขายดิบขายดีปุ๋ยและยาฆ่าแมลงให้กับชาวนา พอได้ยินปรานีใช้เด็กในบ้านไปโอนเงินให้ปุ๊กลุกก็อารมณ์เสียสั่งห้าม จะไปดูลูกเองว่าอยู่อย่างไร ปรานีหวั่นใจกลัวสามีจะรู้ว่าลูกสาวท้อง ก็ร้องไห้รำพันว่าเขาไม่ได้ห่วงลูกจริง แต่อยากไปจับผิดลูกมากกว่า
“ถามจริงๆพี่น่ะเคยรัก เคยห่วงลูกเราบ้างไหม วันๆสนใจแต่เพื่อนฝูง แล้วก็ร้านปุ๋ยนั่น ลูกมันถึงได้เป็นแบบนี้” ...แม้โกมลจะไม่สนใจคำพูดของภรรยา แต่ก็แปลกใจที่มันติดคาใจอยู่
วันต่อมา อันยาแอบมาหาฟองคำ สารภาพว่าตนทำอาหารไม่เป็น อยากขอยืมครัวฝึกซ้อมและถ้าเป็นไปได้ อยากให้ช่วยสอนตนด้วย สิงห์ช่วยพูดกับฟองคำอีกแรง
“แหม ก็โจทย์ของพ่ออุ๊ยยากจะตาย ให้ทำอาหารจากสตรอว์เบอร์รี่ คนทำอาหารไม่เป็นจะเหลือเหรอครับ”
“แล้วมีเวลาแค่วันเดียวเนี่ย มันจะทันเหรอ”
สิงห์ว่ายังดีกว่าไม่ฝึกเลย ฟองคำคิดสักพักก่อนจะบอกว่า มันจะไม่ยุติธรรมถ้าตนสอนสูตรเด็ดให้อันยา และถ้าใครรู้จะถูกปรับแพ้ได้ สิงห์กับอันยาเห็นจริง
“ให้สอนจานเด็ดคงไม่ได้ แต่ถ้าช่วยฝึกพื้นฐานให้ ฉันก็ไม่ขัดข้อง...สนใจไหมล่ะ แล้วสูตรเด็ดเธอก็คิดต่อยอดจากพื้นฐานเอาเอง”
อันยายิ้มออก เท่านี้ตนก็สู้เต็มที่ สิงห์พลอยดีใจไปด้วย...ฟองคำเริ่มสอนตั้งแต่ล้างผัก ผักใบต้องแกะใบออก ผักหัวต้องลอกเปลือกก่อนค่อยล้าง ผักชีต้องล้างอย่างเบามือ และสอนวิธีหั่น อันยาน้ำตาไหลพรากเมื่อหั่นหอมหั่นพริก หั่นผักมีดก็บาดมือเลือดไหล เวลาผัดก็กระโดดหยองแหยงเพราะน้ำมันกระเด็น ดูทุลักทุเลไปทุกเรื่อง แต่เธอก็สู้ไม่ถอย
“อยากให้นายแสนมาเห็นจริงๆ ว่าเพราะมันปากแข็งทำให้ใครบางคนต้องบาดเจ็บ”
“ฉันไม่อยากให้เขามาสงสาร หรือว่าสมเพชฉันหรอกค่ะ แค่อยากให้เขาเห็นความตั้งใจของฉันมากกว่า...
แต่ฝึกมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้วยังไปไม่ถึงไหนกันเลย” อันยาชักจ๋อย
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันยาก หรือเกินความสามารถหรอกนะ แค่ทำสิ่งที่มันตรงใจกรรมการ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว” สิงห์ให้กำลังใจ “น้าฟองสอนจานเด็ดให้คุณไม่ได้ แต่ผมบอกใบ้ให้คุณได้นะ ว่ากรรมการชอบอะไร คำใบ้คือ...ความภูมิใจในท้องถิ่น”
อันยาครุ่นคิด มันควรจะเป็นอะไร ตัดสินใจโทร.ไปปรึกษาย่า ลดาแนะนำให้ทำน้ำพริกและบอกสูตรเด็ดหลานสาว อันยาจดอย่างตั้งใจ แอบมีความหวังเล็กๆขึ้นมา
ooooooo
วันรุ่งขึ้น หนานปิงและสินตื่นเต้นที่จะได้ชิมฝีมือสาวๆ ฟองคำค้อนสามีและพ่ออุ๊ยที่ความจริงเจ้าเล่ห์ สินรีบออกตัวตนไม่เกี่ยว แสนเป็นคนตัดสิน แสนเดินมาพอดี สินเห็นลูกชายจะออกไปข้างนอก รีบดักคอ แน่ใจหรือที่ให้พ่อกับตาเลือกผู้หญิงให้
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าเรื่องนี้ผมไม่เกี่ยว ถึงผลการแข่งจะออกมาเป็นยังไง ผมก็ไม่รับรองอะไรทั้งนั้น”
“แกก็ทำได้อยู่แค่นี้แหละ พูดแต่ว่าไม่เกี่ยวๆยังไงคนชนะเขาก็ต้องหวัง ต้องรอแกอยู่ดี”
“พ่ออุ๊ย ผมขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ พ่ออุ๊ยจัดการแข่งแบบนี้ ทำให้หวังอะไรกันผิดๆ มันดีแล้วเหรอครับ”
“แสน แกมองว่าฉันทำไม่ถูก แต่สิ่งที่แกทำ ก็คือไม่ทำอะไรเลย ได้แค่หนีอย่างเดียว ถ้าแกคิดว่าตัวเองมีวิธีการที่ดีกว่าฉัน ก็ช่วยทำให้เห็นหน่อยสิ ว่าที่ถูกน่ะมันเป็นยังไง”
แสนถึงกับอึ้งกับสิ่งที่หนานปิงพูด...ปุ๊กลุกซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องลงแข่งอะไร แต่กลับได้ใจหาทางแกล้งอันยา เห็นอันยาเตรียมวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารท่าทางมีความสุข ก็แกล้งยกของผ่านหน้า เปรยว่ามีแต่คนใจดำไม่คิดจะช่วยคนท้องคนไส้ อันยาเหล่มองอดไม่ได้ต้องช่วย ปุ๊กลุกยิ้มกริ่ม แอบเอาเกลือมาโรยบนส่วนผสมที่อันยาเตรียมไว้ก่อนจะวิ่งตามอันยาไป
ไม่ทันไร คุณหญิงเหมือนให้คนงานถือข้าวของมาวางที่โต๊ะทำอาหารของตน มองไปเห็นของอันยาวางอยู่อีกโต๊ะ ก็ขุ่นใจ แกล้งเอาพริกไปยัดใส่เครื่องผสมของอันยา อิงค์กี้มาถึงเห็นคุณหญิงเหมือนเดินไปจากโต๊ะอันยา ก็เข้าใจว่าของบนโต๊ะเป็นของคุณหญิงเหมือน จึงแกล้งเอาพริกไทยโรยลงไปมากมายบนส่วนผสมนั้น
“ดูซิว่าความอร่อยแบบชาววังจะสู้ความซ่าของพริกไทยอินเตอร์ได้รึเปล่า”
เมื่อถึงเวลาแข่งขัน แสนจำต้องมานั่งรวมอยู่กับหนานปิง สิน ฟองคำและสิงห์ ด้วยสีหน้านิ่ง สิงห์แอบขำที่แสนทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้น สินเริ่มประกาศ
“ต่อไปนี้จะเป็นการแข่งขันทำอาหารจาก สตรอว์เบอร์รี่ แสนลูกชายฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่า อาหารของใครโดนใจเขามากที่สุด คนนั้นก็จะได้รับเลือกให้อยู่ที่ไร่นี้ต่อไป แต่ถ้านายแสนไม่กินอาหารของใคร คนนั้นก็จะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน”
“คุณพ่อ พ่ออุ๊ยคะ ทำไมคนชนะถึงไม่ได้เป็นสะใภ้ไปเลยล่ะคะ” อิงค์กี้ยกมือถาม
“วอนซะแล้ว! ฉันอุ้มท้องลูกพี่แสนอยู่ทั้งคน คนอื่นจะมาเป็นเมียพี่แสนได้ยังไงล่ะ” ปุ๊กลุกโวย หนานปิงรีบเบรก บอกว่าเรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันก่อนว่า จริงหรือไม่จริงปุ๊กลุก หน้าเสีย
สินชูมือประกาศเริ่มการแข่งขัน แต่ละคนลงมือทำอาหารที่ตนถนัด โดยมีสตรอว์เบอร์รี่เป็นส่วนผสม อิงค์กี้ แปลกใจทำไมคุณหญิงเหมือนไม่ได้อยู่โต๊ะที่ตนใส่พริกไทย...อันยาลงมือโขลกน้ำพริกเสียงดังแข็งขันสิน กระซิบกับหนานปิง ท่าทางใช้ได้ ปุ๊กลุกอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
เมื่อหมดเวลา สินประกาศให้ทุกคนวางมือ “ใครจะออกมานำเสนอเมนูอาหารจากสตรอว์เบอร์รี่ก่อนเป็นคนแรก”
คุณหญิงเหมือนยกมือก่อน “ยำสตรอว์เบอร์รี่พฤกษาแสนรักค่ะ...ตำรับนี้ หญิงดัดแปลงมาจากสูตรยำผลไม้ทรงเครื่องของทางวัง น้ำยำหอมและกลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนที่ไหนแน่ๆค่ะ”
“อืม ไม่ธรรมดา” สินลองชิมเอ่ยปากชม
อิงค์กี้หน้าตึง ถือจานของตัวเองออกมาพรีเซนต์ “พาสต้าซอสสตรอว์เบอร์รี่แสนรักค่ะ อิงค์กี้ได้สูตร ของน้ำซอสมาจากเชฟมิชลินในโรงแรมห้าดาวเลยนะคะ”
สินตักชิม รู้สึกรสชาติดีจริงๆ ต่อไปอันยายกจานน้ำพริก ของตัวเองออกมาวาง พร้อมเครื่องเคียงผักพื้นเมืองและสตรอว์เบอร์รี่ “น้ำพริกล้านนาสูตรพิเศษใส่สตรอว์เบอร์รี่ค่ะ”
สองสาวไฮโซมองอย่างเหยียดๆเพราะเป็นอาหารพื้นๆ แต่สินกลับชมว่า น่าปลื้มใจที่เห็นความสำคัญของผักพื้นบ้าน สินตักชิม แล้วต้องชะงักทำหน้าปูเลี่ยนๆ หนานปิงถามเป็นอย่างไรบ้าง หยิบผักมาตัก สินปรามไม่เหมาะกับเด็กและคนชราสองสาวไฮโซหัวเราะคิก
อาหารทั้งสามจานถูกวางลงตรงหน้าแสน สินบอกถึงตาเขาแล้ว รักใครชอบใครก็กินซะให้หมดคุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้ยืนลุ้น สินหันมากระซิบกับฟองคำและหนานปิง
“หนูอันยาคราวนี้คงรอดยาก ปกติแสนมันก็โกรธอยู่แล้ว แล้วยังทำอาหารออกมา รสชาติ... ” สินพูดไม่ออก
สิงห์ยื่นหน้ามาถามเป็นอย่างไรหรือ อันยาเป็นห่วงแสน โพล่งขึ้นว่า “กินไม่ได้ ฉัน ฉันขอน้ำพริกคืนอย่าเพิ่งกินนะคะคุณแสน”
คุณหญิงเหมือนกับอิงค์กี้เยาะหยันดีที่ยังรู้ว่ารสชาตินรกแตก เป็นอันตรายต่อคนกินได้ แสนมองอันยานิ่งๆ ก่อนจะเริ่มกินอาหารของคุณหญิงเหมือนจนหมด อิงค์กี้หน้าเสีย แต่แล้วแสนก็มากินอาหารของเธอจนหมดเช่นกัน ฟองคำกระซิบถามอันยา มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไรอันยาก้มหน้ายอมรับผิดที่ตัวเองไม่ได้ชิมก่อน แสนคงไม่กินของตนแน่ อันยาเดินเศร้าๆออกไป สิงห์ตามไปถามจะไปไหน
“เก็บของน่ะสิ ฉันแพ้แล้ว อย่าว่าแต่เขาจะกินอาหาร ที่ฉันทำเลย แค่มอง เขายังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ”
“นายแสนมองหรือไม่มอง คุณไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่าไหม” สีหน้าสิงห์เร่งเร้าให้กลับไป
อันยาเดินมาถึงเห็นแสนกำลังกล้ำกลืนกินน้ำพริกของเธอ จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด เพราะมันทั้งเผ็ด ทั้งเค็ม และเห็นว่าอาหารของสองสาวเขาก็ทานจนหมด สองสาวพยายามขอร้องให้แสนหยุดกิน อันยาน้ำตาคลอ ถามสิงห์ว่าแสนกินเข้าไปได้อย่างไร สิงห์ก็พูดไม่ออก
หนานปิงกระซิบถามสิน ไหนว่ารสชาติไม่เอาไหน แล้วแสนกินได้อย่างไร สินเองก็อึ้ง หนานปิงหัวเราะหึหึ “เออ ไอ้นี่มันแข็งแต่ปาก พอให้มันตัดสินใจ ก็เห็นชัดๆว่าใจอ่อน”
แสนรวบช้อน “ผมตัดสินแล้ว คงจะพอใจกันแล้ว นะครับ”
คุณหญิงเหมือน อิงค์กี้งงหมายความว่าอย่างไร แสนกุมท้องเดินออกไป สินจึงตอบแทนลูกชาย เขาตั้งใจกินของทุกคนหมด แสดงว่าให้ทุกคนเท่ากัน
สองสาวขัดใจ ถกเถียงกันเอง หนานปิงประกาศขัดขึ้น “ให้ฉันพูดบ้างแล้วกันนะ ผลการแข่งขันโดยรวมของพวกเธอไม่เท่ากัน”
“ไม่เท่า...พ่ออุ๊ยเลือกคนที่เหมาะสมได้แล้วใช่ไหมคะ”
“คนที่มีคะแนนนำน่ะคือ...อันยา”
สองสาวเหวอ แต่ปุ๊กลุกโวยวายว่าอันยาทำอาหารห่วยที่สุด หนานปิงจึงบอกว่า ส่วนที่อันยาชนะคือลงไหลปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ครบถ้วน สองสาวแย้งว่าอันนั้นไม่นับ
“ใครบอก ฉันให้โอกาสพวกเธอพิสูจน์ตัวเองในแบบที่เธอบอกว่าถนัดแล้ว แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะล้มกติกาของตัวเอง ลองคิดให้ดีๆ คนที่ลงมือทำมากกว่า แต่ได้ผลเท่ากับคนที่ลงมือทำน้อยกว่า จะยุติธรรมได้ยังไง เสียงข้างมากไม่ใช่ว่าจะถูกเสมอไปนะ”
สามสาวจี๊ดเถียงไม่ออก สิงห์แสดงความยินดีกับอันยา เธอเข้ามาขอบคุณหนานปิง แต่เขากลับบอกให้ไปขอบคุณคนที่ช่วยให้เธอได้อยู่ต่อดีกว่า อันยาตาวาวรีบไปหาแสนทันที
ooooooo
แสนนั่งแสบท้องจากการกินน้ำพริกของอันยาอยู่ในห้อง พลันมีเสียงเคาะประตู เขาชะงักเมื่อเปิดประตูพบว่า อันยาถือถาดใส่น้ำสมุนไพรมาให้ เขาจะปิดประตู เธอท้วง
“อย่าเพิ่งค่ะ อย่างน้อยก็รับน้ำสมุนไพรนี่ก่อน ฉันอุตส่าห์ต้มและคั้นเองกับมือเลยนะคะ คราวนี้ฉันชิมแล้ว รับรองว่ารสชาติปกติ” เห็นแสนลังเลจึงดันใส่มือเขา “ฉันขอร้อง เผื่อมันจะได้ช่วยให้คุณแสบท้องน้อยลง”
แสนขอบใจเสียงแผ่วเบา อันยารีบขอบคุณที่เขาอุตส่าห์กินอาหารของตนจนหมด
“อย่าเข้าใจผิด ผมแค่...ไม่ต้องการให้พวกคุณมาเอาชนะกันด้วยวิธีการแบบนี้ อีกอย่างข้าวทุกเม็ด อาหารทุกอย่างมีคุณค่า น้ำพริกของคุณ ถ้าผมไม่กินก็คงจะต้องทิ้ง ผมกินเพราะเสียดายอาหารก็เท่านั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ จะกินเพราะอะไรฉันก็ดีใจ จริงๆนะคะ แล้วฉันสัญญา วันหลังฉันจะทำอาหารที่ดีกว่านี้ให้” อันยายกนิ้วก้อยสัญญา
แสนมองท่าทีกระตือรือร้นของอันยาเกือบเผลอยิ้ม รีบวางฟอร์มขรึมติง “คงดีกว่า ถ้าคุณจะไม่ทำอาหารอีก”
แสนปิดประตูห้อง ทำเอาอันยาเหวอ แต่ก็แอบยิ้มอยู่ในที...แสนมองแก้วน้ำสมุนไพรเห็นมีริบบิ้นผูกรอบแก้ว ติดข้อความไว้ด้วยว่า...หายไวๆนะคะ คุณแสน... เขาอดยิ้มไม่ได้ พอดื่มรู้สึกว่ารสชาติดีอย่างที่บอก เคลิ้มไปชั่วอึดใจก็นึกได้ สลดลงตำหนิตัวเองไม่น่าเผลอใจอีก
หลังจากนั้นสองสาวไฮโซต้องช่วยกันล้างจาน ไม่วายทะเลาะสาดฟองใส่กัน ปุ๊กลุกเข้ามาถากถาง มัวทะเลาะกันเองแทนที่จะไปสกัดดาวรุ่ง...ในขณะที่ อันยาโทร.ไปเล่าให้ย่าฟัง ลดาถอนใจกับความใจแข็งของแสน จะไปช่วยพูดกับแสนให้
“เดี๋ยวเขาจะหาว่าอันทำให้คุณย่าลำบากน่ะสิคะ อันทำผิดเองก็ขอแก้ไขเอง...แล้วที่บ้านคุณแสนเขาก็อุตส่าห์ให้โอกาสทั้งที...ที่อันง้อเขาขนาดนี้ คุณย่าคิดว่าอันทำไม่ถูกรึเปล่าคะ”
ลดาให้กำลังใจและเตือนอย่าลืมที่จะรักตัวเองด้วย...พอวางสาย ลดาหวนคิดถึงอดีต เปิดลิ้นชักหยิบกล่องไม้มาเปิด ในนั้นมีผ้าเช็ดหน้าระบายลูกไม้โดยรอบ มุมหนึ่งปักคำว่า “NP”
“อันทำให้ฉันนึกถึงตัวเองเหลือเกิน ถ้าเมื่อก่อน ฉันมีความกล้าแค่ครึ่งนึงของหลาน เรื่องของเราก็คงไม่ต้องจบลงแบบนั้น...” ลดาน้ำตาซึมคิดถึงใครคนหนึ่งจับใจ
ขณะเดียวกัน หนานปิงยืนเหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่าง คิดถึงใครบางคน คนงานเคาะประตูเอาผ้าซักแล้วมาเก็บเข้าตู้ เขาเห็นผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ ผืนหนึ่งในตู้ จึงถามว่าจะให้เก็บไปซักไหม หนานปิงหันขวับมาหยิบผ้านั้นอย่างหวงแหน
“บอกตั้งกี่ที ไม่รู้จักจำ ผืนนี้ฉันซักเอง”
คนงานยิ้มเข้าใจว่าเป็นของแม่อุ๊ยท่ีจากไปแล้ว หนานปิงมองผ้าที่ปักคำว่า “LD” เศร้าๆ
“ไม่โกรธใช่ไหมเดือน...ที่ฉันยังไม่ลืมเขา อย่างน้อยฉันขอเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความทรงจำคงไม่ว่าฉันนะ”
ด้านคิมหันต์มาเล่าเรื่องอันยาให้เมขลาฟัง ทั้งสองตกลงจะต้องช่วยอันยาให้ได้ คิมหันต์ตัดสินใจจะเข้าไปหาหลักฐานในบ้านโกมล เมขลาจะทำทีมาขอข้อมูลคนงานในร้านของโกมล เพื่อให้คิมหันต์แอบเข้าไปค้นห้องทำงาน...
ส่วนอิงค์กี้ยังไม่ยอมรามือจากแสน อุ๊บอิ๊บผู้จัดการส่วนตัวเร่งให้กลับไปทำงานที่รับไว้ จึงแนะแผนเผด็จศึกให้แก่อิงค์กี้ เหมือนอย่างในละคร อิงค์กี้ดีใจ รีบเข้าไปตีสนิทหนานปิงเห็นกำลังเล่นหมากรุกกับสิน จึงท้าดวลกับหนานปิง ถ้าตนชนะสามารถขออะไรได้หนึ่งอย่าง หนานปิงชะล่าใจตอบตกลง แต่แล้วเขาก็แพ้อิงค์กี้ เขาถามเธอไปหัดเล่นจากที่ไหน
“พ่อหนูเป็นเซียนหมากรุกค่ะ คุณปู่แพ้แล้ว ต้องทำตามสัญญานะคะ”
หนานปิงดักคอห้ามขอแสน อิงค์กี้ยิ้มกริ่มขอให้แสนพาตนไปเที่ยวน้ำตก...พอแสนรู้ก็แปลกใจ ทั้งสินและหนานปิงขอร้อง ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้ สิงห์สงสัยต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงไปชวนอันยาเที่ยวน้ำตกในวันเดียวกัน
ooooooo