พาไปคุยคลุกฝุ่น PM 2.5 หลายคนรู้ดีมลภาวะเกิดขึ้นเพราะตัวเรา และทุกอย่างต้องเริ่มแก้ไขที่ตัวเรา แต่อยากจะวอนรัฐบาล และหน่วยงาน เทคแอ็กชั่นให้เป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา "ไทยรัฐออนไลน์" ได้ทำโพลในแฟนเพจเฟซบุ๊ก ไทยรัฐออนไลน์ ได้เชิญชวนชาวโซเชียล มาร่วมโหวตว่า "รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาฝุ่นได้ถูกจุดหรือไม่" โดยมีผู้เข้าร่วมในโพลครั้งนี้ 62,000 คน หรือแอคเคาต์

จากผลการโหวต พบว่า 58,000 คน คิดว่ารัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาฝุ่นได้ไม่ถูกจุด และอีก 3,300 คน คิดว่า รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาฝุ่นได้ถูกจุด

ทั้งนี้ ลองมาฟังเสียงของคนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 ในวันที่ 20 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ค่า PM 2.5 พุ่งสูง สภาพอากาศร้อนอบอ้าว มีละอองฝนเล็กน้อย และสภาพท้องฟ้าเป็นสีเหลืองหม่นๆ ที่หลายคนบอกมองไม่เห็นตึกสูงเฉียดฟ้า

...

เริ่มกันที่ ธัญเทพ เชียงทอง อายุ 26 ปี ที่แวะมาออกกำลังกายยามเช้าท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 เปิดเผยกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ว่า ส่วนตัวยังไม่ค่อยเจอเอฟเฟกต์เรื่องฝุ่นเท่าไร แต่ครอบครัว และเพื่อนๆ ก็มีบ่นเหมือนกัน ปกติ 2-3 วันก็จะมาวิ่งออกกำลังกาย ส่วนตัวก็จะป้องกันปัญหาเรื่องฝุ่นอยู่แล้ว เช่น ถ้าออกไปข้างนอกก็จะใส่หน้ากากแบบ N95 แต่พอเอามาลองใส่วิ่งแล้ว มันหายใจไม่ออก มันไม่สบาย และมันแน่นเกินไปก็ต้องหยุดไป

ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องฝุ่นเนี่ย จริงๆ แล้วเราต้องไปดูที่ต้นตอก่อนว่าเกิดจากอะไร เช่น การเผาป่า การเผาไร่ การก่อสร้าง การใช้รถใช้ถนน เราก็ควรไปแก้ที่ตรงนั้น จริงๆ เข้าใจว่าทุกอย่างควรจะเริ่มที่ตัวเรา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นการแก้ปัญหาที่ช่วยบรรเทาฝุ่นในช่วงระยะสั้น แบบเป็นรูปธรรมเลย 

"จริงๆ ผมอยากให้ ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแอ็กชั่นให้มากกว่านี้ อยากให้รู้สึกว่ารัฐบาลแก้ปัญหานะและอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด ส่วนการแก้ปัญหาระยาวคือ ควรมีมาตรการที่ดีกว่านี้ อยากให้รัฐบาลเห็นเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ และควรผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ"

ขณะที่ สมพงษ์ หล้าสมบูรณ์ พนักงานสายตรวจ ขสมก.วัย 58 ปี ที่ยืนเด่นริมถนนพหลโยธิน หน้าสวนจตุจักร อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มายืนรอขึ้นรถเมล์ และโบกรถเมล์คันใหญ่ให้เข้าป้าย กล่าวว่า ผลกระทบเรื่องฝุ่นส่วนใหญ่ก็จะมีน้ำมูก แสบตา ผู้โดยสารก็มีบ่นๆ ว่า เหมือนจะเป็นหวัด ไอ้ที่ผมใส่อยู่ก็รู้ว่ามันกันไม่ค่อยได้ และก็ใส่แบบนี้มานานแล้วใส่มาเป็น 10 ปี แม้ตอนนี้อายุ 58 ปี แต่ผลตรวจสุขภาพก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ในฐานะที่เราทำงานในส่วนขนส่ง ก็จะเข้มงวดกวดขันเรื่องของควันดำอยู่เสมอ โดยเฉพาะรุ่นเก่าๆ ที่ยังใช้พวกดีเซล ก็จะรายงาน และแจ้งเตือนไม่ให้ใช้ เดี๋ยวนี้รถ ขสมก. และรถร่วมใหม่ๆ ก็หันมาใช้แก๊สก็ลดเรื่องควันดำไปพอสมควร

"การแก้ปัญหาทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเราก่อน ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อยากช่วยกันจัดการ และแก้ปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด แต่สิ่งแรกที่เราต้องช่วยกัน ต้องช่วยกันมลภาวะ ลดโลกร้อนก่อน เช่น หันมาใช้รถขนส่งสาธารณะ เป็นต้น"

ขณะที่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่ขอเปิดเผยนาม ผู้ที่ยืนเข้มริมถนนเพื่อตรวจตราความผิดปกติ และระแวดระวังภัย บอกว่า ผมมาทำงานตรงนี้ประมาณ 1 เดือน ที่ทำงานก็แจกหน้ากากอนามัยนะ แต่ก็ไม่ได้ใส่เพราะมันทำงานไม่ถนัด ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน บวกกับเหงื่อออกมันก็จะไม่สะดวกเท่าไร

เขากล่าวติดตลกว่า "จริงๆ พอใส่แมสก์ เราก็จะทำงานยากนิดหนึ่ง เพราะจะไม่สามารถจดจำใบหน้าใครได้เท่าไร เวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็จะเห็นแค่ตาอย่างเดียว เพราะหน้ากากอนามัยมันบัง ถ้าถามว่าจะแก้ปัญหาเรื่องอย่างไร ก็ไม่รู้สิ เพราะทุกคนก็ต้องเดินทางใช้รถ ใช้ถนน มันเป็นปัญหามานานแล้ว ถ้าแก้ได้เขาก็แก้ไปนานแล้ว แต่ถ้าเขาแก้ได้ก็ดีไป"