เมืองไทยไม่เคยตกเทรนด์ ไม่เว้นแม้กระทั่งความเป็นโสด ที่นับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้น จนธุรกิจช่วยหาคู่ยังคงอยู่จากแอนะล็อก มาจนถึงดิจิทัล เพราะถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครในโลกนี้อยากโสด เหงา เปล่าเปลี่ยว เดียวดายไปจนตาย
หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เชื่อว่าหลายคนใจจดใจจ่อซื้อ "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ฉบับวันอาทิตย์เพื่ออ่านคอลัมน์ยอดฮิต "มาลัยเสี่ยงรัก" พื้นที่สำหรับคนโสดที่อยากลองรัก
ทั้งนี้ "มาลัยเสี่ยงรัก" ได้โลดแล่นเป็นกามเทพแผลงศรให้กับชายโสด หญิงเหงา มายาวนานกว่า 45 ปี โดยคอลัมน์นี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2516 กามเทพคนแรก คือ "ลุงหนวด" กามเทพคนที่สอง คือ "ศิวารมย์" ซึ่งคอลัมน์นี้ปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561
เมื่อหมดยุคแอนะล็อก เข้าสู่โลกดิจิทัล คนไม่อยากโสด คนขี้เหงา ก็คงยังดำเนินต่อไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ พื้นที่ และความเร็ว ทำให้คนโสดมีโอกาสได้เจอกันง่ายขึ้น เร็วขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์จนคำว่าโสดเริ่มหายไป
...
ขณะที่โลกดิจิทัล โซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้คนรู้จักกันง่ายขึ้น แต่ใช่ว่าคนโสดจะน้อยลง หากวัดจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก ที่นายนาธาน ชาร์ป ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Facebook Dating เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคนที่โชว์สถานะโสด ว่าทั่วโลกนั้นมีถึง 200 ล้านคน ก็เห็นช่องทางธุรกิจจับคู่ และเปิดให้บริการแล้วในหลายประเทศ และประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ ที่เปิดให้บริการ โดยช่วง 30 วันที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยมีประมาณ 45 ล้านบัญชี มีประมาณ 15 ล้านบัญชีที่บอกสถานะตัวเองว่าโสด มีแฟนหรือแต่งงาน ซึ่งใน 15 ล้านบัญชีนี้ บอกว่าโสดถึง 70% ตัวเลขนี้หลายคนอาจไม่ได้บอกสถานะที่แท้จริง แต่คือโอกาสธุรกิจการหาคู่ทางออนไลน์ ในยุคที่ใครๆ อยากบอกว่าโสด แต่ไม่อยากเหงา
เหงา เศร้า กว่าโสด
ทั้งนี้ นักศึกษาวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการตลาด MK 20B ได้ทำวิจัย "Lonely in the deep เจาะลึกตลาดเหงา" (อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่) จากกลุ่มตัวอย่างชายหญิงจำนวน 1,126 คน อายุระหว่าง 18-60 ปี โดยเน้นไปที่วัยทำงานที่มีอายุ 23-40 ปี ถึง 44.3% และการวิจัยดังกล่าวได้ใช้ผลทดสอบความเหงาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UCLA Loneliness Scale) เป็นเกณฑ์วัดความเหงาของกลุ่มตัวอย่างอีกด้วย
จากการวิจัยพบว่า ในประเทศไทยสามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่มดังนี้ กลุ่มคนไม่เหงา ที่ได้ผลคะแนนจาก UCLA ต่ำกว่า 20 คะแนน หมายถึงกลุ่มที่ไม่มีความเหงา แต่ที่น่าตกใจ คือ กลุ่มคนเหงาเท่าอวกาศ ที่ได้ผลคะแนนจาก UCLA ตั้งแต่ 21-60 คะแนน หมายถึง คนกลุ่มที่เริ่มมีความเหงา เหงามาก จนกระทั่งมีแนวโน้มเหงาเรื้อรัง
- คนเหงาเท่าอวกาศ เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- คนเหงาเท่าอวกาศ เป็นคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานที่มีอายุ 23-40 ปี คิดเป็น 49.3%
- คนเหงาเท่าอวกาศกว่า 50% อยู่ในสถานภาพหย่าร้าง จากการสัมภาษณ์เชิงลึกของกลุ่มตัวอย่างดังกล่าว ให้เหตุผลว่า "ผมรู้สึกเหมือนตกลงมาจากหน้าผา ชีวิตกำลังไปได้สวย จู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่เหลืออะไรเลย รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง"
- คนเหงาเท่าอวกาศอยู่กับแฟน เหงามากที่สุด คิดเป็น 81.8% เนื่องจากคนที่พักอาศัยอยู่กับแฟนนั้น แฟนมักจะเป็นคนที่ถูกคาดหวังมากที่สุด เมื่อแฟนไม่ตอบสนองตามที่หวัง ทำให้เกิดความรู้สึกผิดหวัง และกลายเป็นความรู้สึกเหงาที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยดังกล่าวยังระบุอีกว่า วิธีที่คลายความเหงาได้ดีที่สุด คือ 1. โซเชียลมีเดีย (Social Media) 2. การไปรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือร้านกาแฟ และ 3. ช็อปปิ้ง (Shopping)
ไม่อยากเหงา ไม่อยากโสด เชิญทางนี้
ถ้าจะให้พูดถึงสุดยอด "กามเทพออนไลน์" แห่งยุค หลายคนน่าจะรู้จัก แฟนเพจเฟซบุ๊ก "แม่สื่อแม่ชัก"
อาธิดา โตสุวรรณ หรือ เอ๋อ หนึ่งในแอดมินแฟนเพจเฟซบุ๊ก แม่สื่อแม่ชัก เล่าให้ฟังว่า ปกติตัวเองเป็นคนเพื่อนเยอะ และก็ชอบหาแฟนให้เพื่อน มีประมาณ 2-3 คู่ที่เขาคลิกกันจนพัฒนาความสัมพันธ์ จากนั้นก็เริ่มขยับมาเขียนแนะนำในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อนๆ เห็นก็มาให้เขียนหาคู่ให้
จากนั้นคุณเป้ หนึ่งในนักดนตรีวง Mild แนะนำให้สร้างแฟนเพจเฟซบุ๊ก จึงกลายเป็นที่มาของ แม่สื่อแม่ชัก ต่อมาจึงรวมตัวกับเพื่อนสนิทอีก 4 คนคือ ไอซ์ สุทธิดา โตสุวรรณ , โอม กษมา โสภาภัณ, ขวัญ ศิริขวัญ ชินโชติ และ บี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ เพื่อมาดูแลแฟนเพจ ซึ่งแต่ละคนก็จะรับหน้าที่แตกต่างกันไป
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ทำเพจมาครบ 2 ปีแล้ว ตอนนี้แอดมินในทีมมี 5 คน มีแฟนแล้ว 3 คน แต่งงานไปแล้ว 1 คน และกำลังจะแต่งงานปลายปีนี้อีก 1 คน ซึ่งแอดมินแต่ละคนก็มีอาชีพที่แตกต่างกันไป เช่น เป็นนักเทรดหุ้น ทำธุรกิจร้านเสื้อผ้า ขายจิวเวลรี่ เป็นเอเจนซี่ และอีกคนเป็นดารา แต่จริงๆ แล้วการเป็นแม่สื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาชีพ แต่ขึ้นอยู่กับความชอบในการจับคู่นั่นเอง
พื้นที่นี้สำหรับคนไม่อยากโสด
เอ๋อ เล่าว่า จริงๆ เพจของเราไม่ได้ต้องการแค่จะหาคู่ให้คนโสดเท่านั้น แต่คือ พื้นที่ที่จะแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของแต่ละคน เป็นชุมชนที่ไว้ใช้คุยกันระหว่างคนโสดกับคนโสดอย่างสุภาพ อาจจะสานสัมพันธ์ต่อในฐานะอื่นก็ได้
อย่างไรก็ตาม บางคนชอบมองว่าคนที่โปรไฟล์ดี ฐานะดี ทำไมถึงยังโสดได้ เราอยากบอกว่าใครๆ ก็โสดได้เหมือนกัน ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง อาจทำให้คนโปรไฟล์ดีๆ เลือกที่จะโสดต่อไป เช่น ยังไม่เจอคนที่ทัศนคติตรงกัน หรือฉันมีแฟนแล้วชีวิตแย่ แบบนั้นฉันอยู่คนเดียวดีกว่า
ดังนั้น เพจนี้จึงเหมือนป้ายประกาศที่จะบอกว่า คนนี้อยู่ในสถานะไหน ทัศนคติเป็นยังไง เพื่อได้ศึกษากันก่อนเริ่มสานสัมพันธ์ไม่ว่าจะรูปแบบไหน นั่นหมายความว่า คุณจะได้รู้จักคนเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการได้แฟน ได้คู่กันไปแล้ว หลายคนๆ ก็ได้เจอเพื่อนเก่า ได้เจอความสัมพันธ์ใหม่ๆ บางครั้งลูกเพจที่มาคอมเมนต์ตอบโต้กันไปกันมาคลิกกันเองก็มี
เทคโนโลยีเร่งให้รักเราเกิด
เอ๋อ บอกอีกว่า ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลให้ความสัมพันธ์เกิดได้เร็วขึ้น หากย้อนกลับไปสมัยก่อน เวลารุ่นพ่อรุ่นแม่เราจีบกันเขาต้องส่งจดหมายสื่อรักบอกความในใจ หรือยุค 90 ต้องโทรไปฝากข้อความในเพจเจอร์ หรือโทรศัพท์ไปจีบสาว อะไรประมาณนี้ แต่ยุคนี้ทุกอย่างดูง่าย และเร็วไปหมด
ขณะเดียวกันบางมุมก็ทำให้ใครหลายๆ คน เริ่มมีความกล้าที่จะสานสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว เพราะเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น มีเพื่อนของเราคนหนึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ เราก็ลงข้อมูลในเพจ ต่อมาเพื่อนบอกว่า มีคนในที่ทำงานมาสารภาพรัก จากที่ไม่เคยพูดกัน เพราะเขาคิดว่ามีแฟนแล้ว เป็นต้น
คนโสดอยากมีรักต้องต่อคิว
ตอนนี้มีคนโสดส่งข้อมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนที่ส่งข้อมูลมา ณ วันนี้ (11 มิ.ย.) ต้องรอประมาณ 4-5 เดือนกว่าจะได้ประกาศลงในเพจ ทางทีมงานก็ได้แจ้งลูกเพจไปแล้วว่าอาจจะต้องรอคิวหน่อย แต่ข้อดีของการรอคิว คือ ระหว่างที่รอเขาอาจจะไม่โสดแล้ว หรือตัดสินใจที่โสดต่อไป และมีเวลาได้ทบทวนตัวเองมากขึ้น
สำหรับขั้นตอนลงข้อมูลในเพจ ทางเราปฏิเสธรูปแนววาบหวิว เซ็กซี่ เพราะคิดว่าจุดขายของคนโสดไม่ใช่แค่เรือนร่างอย่างเดียว เมื่อหากส่งข้อมูลมา ทางแอดมินจะทยอยลงเพจ โดยเลือกจากอินบ็อกซ์ล่างสุด บางครั้งขอความกรุณาคนที่ส่งมาแล้วไม่ต้องส่งซ้ำ เพราะหากส่งซ้ำ กล่องข้อความจะเด้งไปอยู่ด้านบนสุด นั่นหมายความว่า คุณต้องรอคิวใหม่อีกครั้ง
"ด้วยความเป็นพื้นที่สาธารณะ อาจมีบางคนที่แสดงความคิดเห็นไม่สุภาพบ้าง บูลลี่บ้าง บางคนส่งข้อมูลมา แต่ไม่โสดจริงก็มี ซึ่งยังถือเป็นเรื่องที่ต้องปรับกันไป แต่ทางเพจมีการป้องกันทุกครั้งก่อนนำข้อมูลเผยแพร่"
รักเกิดในโลกออนไลน์
หลายคนชอบคิดว่า ความรักที่เกิดในโลกออนไลน์ ดูน่ากลัว ชวนเพ้อฝัน และไม่มีจริง ส่วนตัวเรามองว่าไม่จริงเสมอไป เพราะต่อให้เจอคนที่คิดว่าใช่ต่อหน้า แต่ถ้าเราขาดวิจารณญาณ และสติในการศึกษากันแล้ว ชีวิตคู่ก็ล้มเหลวได้เหมือนกัน เช่น ถ้าในความเป็นจริงเราชอบคนหนึ่งมาก อยากทำความรู้จัก เราจะไม่รู้นิสัยใจคอเขาเลยนอกจากรูปร่างหน้าตาที่เห็นภายนอก อย่างน้อยเพจนี้จะช่วยให้เห็นทัศนคติ สเปก หรือกิจกรรมที่เขาทำ
ตรงนี้จะช่วยในการเลือกเข้าหาคน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น แต่หากคบกันแล้วต้องฝืนกันเกินไปมักจะไม่ยั่งยืน "แม่สื่อแม่ชัก" ก็เป็นเพียงกามเทพออนไลน์ที่ทำให้โชคชะตาคนสองคนเกิดขึ้นเท่านั้นเอง
เคสนี้แม่สื่อประทับใจ
สำหรับเคสที่ประทับใจ คุณเอ๋อ ที่สุด คือ เคสคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ได้มาลงเรื่องราวกับทางเพจ ซึ่งเขาก็เลิกกับสามีมากว่า 1 ปีแล้ว สักพักใหญ่ผู้หญิงคนนี้ก็ติดต่อกลับมา บอกว่าตอนนี้เขามีแฟนแล้วนะ เราก็โอเคดีใจด้วยน้า แต่ที่น่าดีใจคือ แฟนใหม่ของเขาก็สามีเก่าที่เลิกกันไป
โดยผู้หญิงคนนี้เลิกกับสามีไป โดยไม่มีการติดต่อกันเลยแบบตัดขาดกันจริงๆ ด้วยความที่อยู่กันคนละจังหวัด และไม่มีเฟซบุ๊กติดต่อกัน แล้วผู้ชายเห็นคนรู้จักแชร์โปรไฟล์ของผู้หญิงคนนี้ พออดีตสามีเห็น เขาก็รู้สึกว่า เหมือนตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้อีกรอบ จากนั้นก็กลับมาขอเป็นแฟนกันในวันเกิดของลูกชาย
ส่วนเคสที่ 2 พอเพจเราลงเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ไป ก็มีหนุ่มโสดรายหนึ่งทักไปคุย ตอนแรกไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ช่วงหลังฝ่ายชายทักมาจีบใหม่ คู่นี้โลกกลมมาก เพราะนอกจากจะมีเพื่อนใกล้เคียงกันหลายคนแล้ว ตอนฝ่ายชายพาไปแนะนำที่บ้าน ปรากฏว่าแม่ของฝ่ายชายเคยเป็นครูอนุบาลของฝ่ายหญิง
ส่วน คนที่ 3 เป็นสาวออฟฟิศที่วันๆ เอาแต่หมกมุ่นกับการทำงาน ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์ที่ไหน หลังจากที่ได้ลงเพจ มีคนแอดเฟรนด์เข้ามากพอสมควร แต่เธอเลือกรับเฉพาะคนที่ดูมีสังคมใกล้ๆ กันหน่อย ดูไปด้วยกันได้ จึงเลือกรับไปคนหนึ่ง สรุปผู้ชายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน จากนั้นพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นหมั้น และแต่งงานกัน โดยใช้เวลาศึกษากันไม่ถึง 1 ปี
"มันคล้ายๆ พรหมลิขิต (Destiny) จริงๆ นะ ซึ่งเขามีโอกาสได้เจอกัน เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด บางเคสก็เหมือนเป็นคนใกล้ตัว สิ่งที่เราเชื่อมาเสมอคือ การมีคู่ เป็นธรรมะจัดสรร ต้องเป็นคนที่ศีลเสมอกันจึงทำให้พรหมลิขิตเกิดขึ้น"
10 ปีข้างหน้าของกามเทพออนไลน์
เอ๋อ กล่าวว่า แม่สื่อแม่ชัก ก็จะยังอยู่คู่คนอยากมีคู่ต่อไป ต่อให้ไม่มีเฟซบุ๊ก เราก็จะยังทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่อาจจะเปลี่ยนเป็น ก็อาจเปลี่ยนไปทำแพลตฟอร์ม (Platform) อื่นๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี แต่ยังคงตัวตนเป็น แม่สื่อแม่ชัก กามเทพออนไลน์ต่อไป
นอกจากนี้ เอ๋อ เชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้าคนโสดจะเพิ่มมากขึ้น ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้หญิงผู้ชายมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และไม่จำเป็นต้องเดินตามแผนที่ว่าต้องแต่งงาน มีครอบครัว ที่สำคัญหลายคนคิดว่า ถ้ามีแล้วไม่ดีก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า อีกอย่างโลกคนโสด ก็ไม่ได้หมายความว่า โสดแล้วจะเหงา เพราะพวกเขาก็มีกิจกรรม และมีพื้นที่อีกมากมายที่จะทำให้พวกเขามีความสุขได้