“กรวีร์ ปริศนานันทกุล” ย้ำจุดยืน พรรคภูมิใจไทยหนุนสถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นบนดิน 24 ชั่วโมง แต่แนะรัฐบาลควรทำเองมากกว่าเปิดโอกาสให้นายทุนรายใหญ่ แล้วเอารายได้ไปช่วยคนจน ชี้จะทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปด้วยกันของแท้ พร้อมชงแก้กฎหมาย พ.ร.บ. การพนันให้ทันสมัย

วันที่ 12 กันยายน 2567 ในการประชุมรัฐสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะสมาชิกรัฐสภา อภิปรายว่า ในนามของพรรคภูมิใจไทยขอบคุณท่านนายก และรัฐบาล ที่ได้รับฟังความคิดเห็น และบรรจุนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทยทั้ง 6 ด้าน เข้าสู่นโยบายของรัฐบาล และต้องขอบคุณที่ไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก แต่มองเห็นถึงการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์โดยการออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา

สำหรับประเด็นหลักในวันนี้เป็นการจัดระเบียบสังคม ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ได้บรรจุเรื่องนี้เข้าไปเป็นนโยบายเร่งด่วนใน 2 เรื่องคือ นโยบายที่ 7 และนโยบายที่ 4 โดยนโยบายเร่งด่วนที่ 7 รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สร้างสวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้าสถาบันบันเทิงครบวงจร หรือว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เรื่องนี้อยากจะย้ำจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยให้เกิดความชัดเจน เข้าใจให้ตรงกันว่า ไม่ได้ขัดข้องถ้ารัฐบาลอยากจะส่งเสริมการท่องเที่ยว อยากจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยด้วยการทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และในสภาแห่งนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องการบริการ เรื่องบันเทิงติดอันดับต้น ๆ ของโลก สิ่งที่อยากจะเห็นคือการควบรวมเอาสถานบันเทิงเริงรมย์ทั้งหลาย เอาห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สวนน้ำ ผับ เธค นวด หรือแม้กระทั่งคนทำงานขายบริการทางเพศ (Sex Worker) เอาสิ่งที่เคยหลบ ๆ ซ่อน ๆ เอาสิ่งที่พวกเรามองเห็นกันอยู่จนชินตาว่าเป็นสิ่งลักปิดลักเปิด หรือสิ่งไหนที่ต้องจ่ายส่วยใต้โต๊ะ เอาขึ้นมาบนดิน เอามารวมกันให้เป็นแหล่งบันเทิง และควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และจะเปิด 24 ชั่วโมง เปิด 7 วันก็คงไม่มีใครว่า แต่ควบคุมและสร้างรายได้ให้ได้

...

“ส่วนสถานที่ที่จะเปิด เราไม่อยากเห็นที่จะเอาทุนขนาดใหญ่ระดับหมื่นล้านแล้วไปกระจุกอยู่ในหัวเมืองแค่ไม่กี่เมือง แต่อยากเห็นการลงทุนที่กระจายออกไปตามต่างจังหวัดให้มีโอกาสในการกระจายรายได้ไปยังเมืองที่มีความพร้อม ส่วนเรื่องของการจัดเก็บรายได้ อยากเห็นรัฐบาลกำหนดไว้เลยจะเรียกภาษีบาปหรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ทุกบาททุกสตางค์ที่เกิดขึ้นภายใต้คอมเพล็กซ์ตรงนี้เอามาเป็นรายได้ให้กับรัฐเพื่อนำไปช่วยเหลือคนยากคนจน ไปสร้างสาธารณูปโภค หรือนำไปพัฒนาการศึกษา พัฒนาประเทศทั้งหมดนี้คือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ สถานบันเทิง สถานบริการ ที่พวกเราพรรคภูมิใจไทยหมายถึง จะเห็นว่าผมไม่ได้พูดถึงกาสิโนแม้แต่คำเดียวในสถานบันเทิงแห่งนี้ เพราะมันแยกกัน และในแนวทางของรัฐบาลก็แยกกันเหมือนกัน จึงเขียนไว้ในนโยบายเร่งด่วนที่ 4 จะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี” นายกรวีร์ กล่าว

นายกรวีร์ กล่าวอีกว่า ขอชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีนำสิ่งที่เป็นเศรษฐกิจใต้ดิน สิ่งที่เป็นสีเทา สิ่งที่อยู่ในที่มืด เรารู้ว่ามันมีแต่ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่จะหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องยอมรับความจริงว่ามันมีอยู่ เป็นวิธีการเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลบอกว่าปัญหาเหล่านี้มันมีอยู่และจะเอามาวางบนโต๊ะ เอามาอยู่ในที่สว่าง เศรษฐกิจใต้ดินไม่ใช่แค่เรื่องกาสิโน แต่รวมถึงบ่อนพนัน การพนันออนไลน์ วงไพ่ วงไฮโล สิ่งที่มันผิดกฎหมายอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งในนี้เขียนไว้ชัดเจนว่าจะใช้วิธีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย ซึ่งกระทรวงมหาดไทย เรามีพ.ร.บ.เรื่องการพนันซึ่งเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2478 ซึ่งมันล้าหลังยังไม่มีคำว่าพนันออนไลน์ สิ่งนี้คือนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลจะหยิบขึ้นมาเพื่อแก้ไข เอาอาวุธให้กับกระทรวงมหาดไทยเพื่อที่จะนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ และคิดว่านี่คือความท้าทายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างการสร้างรายได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยรายจ่ายที่เป็นต้นทุนทางสังคม เราต้องรับผลลบทางสังคมที่จะเกิดขึ้นนั่นคือต้นทุนทางสังคมที่คนไทยทุกคนต้องจ่าย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ธุรกิจที่อยู่ใต้ดินมันมีกำไรทั้งนั้น คนที่ได้ก็คือคนที่เป็นเจ้ามือ ถ้าเราจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาบนดินที่จะมาสร้างรายได้ สร้างกำไรให้กับมหาศาลให้กับประเทศไทย คำถามก็คือถ้ามันมีกำไรแบบนี้ทำไมรัฐไม่ทำเอง เป็นผู้เก็บผลประโยชน์แทนคนไทยทั้งประเทศ

“วันนี้เราจึงได้ยินแนวความคิดที่จะเปิดโอกาสให้กับนายทุนขนาดใหญ่ซึ่งต้องมีเงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 10,000 ล้านบาท เอามาแลกกับค่าสัมปทานปีละ 1 พันล้านบาท คำถามก็คือมันเป็นธรรมกับประชาชน มันยุติธรรมกับประเทศไทยของพวกเราจริง ๆ หรือ ทำไมเราไม่ให้รัฐเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดเก็บมาเป็นรายได้ของรัฐ และเอารายได้ตรงนี้ไปช่วยคนด้อยโอกาส คนยากจน ถ้าทำแบบนี้ได้มันจะทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปด้วยกันของแท้เลย ถ้าจะทำผลประโยชน์มันต้องเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เป็นของกลุ่มนายทุนใดนายทุนหนึ่ง และท้ายที่สุด อยากจะขอบคุณรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง และขอส่งกำลังใจให้กับรัฐบาลท่านรัฐมนตรีทุกคนที่มาร่วมในการแถลงนโยบายในวันนี้ เราต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะสนับสนุนการทำงานอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ให้กับรัฐบาลเพื่อสร้างโอกาสสร้างความหวังสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประเทศไทยไปพร้อม ๆ กัน” นายกรวีร์ กล่าวทิ้งท้าย