“การเมืองไทย”...แห่งอนาคต บนเส้นทางยุทธศาสตร์ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง พร้อมหลอมรวมทุกฝ่ายให้ประเทศชาติเดินหน้าจากที่ “ติดหล่ม” มาหลายปีดูจะสดใสซาบซ่าตรงใจ

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส สะท้อนมุมมองในประเด็นพรรคการเมืองกับนโยบายจุดคานงัดประเทศไทย ตอกย้ำอย่างเสียงดังฟังชัดว่า...“นโยบายจิปาถะแก้วิกฤติประเทศไม่ได้”

นั่นเป็นเพราะ...“ประเทศไทย” ติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์มาเป็นเวลานาน ก้าวออกมาไม่ได้ เป็นการบรรจบของวิกฤติหลายๆอย่าง เข้ามาเชื่อมโยงกันเป็นวิกฤติใหญ่

ทำให้ “ประเทศ” เสียโอกาส และ “ประชาชน” ทุกข์ยากลำเค็ญ ซึ่งไม่ควรเป็นอย่างนั้น

“ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามหาศาล มากเกินพอที่จะทำให้คนไทยทุกคนอยู่ดีมีสุขแต่กลับเป็นอยู่ร้อนนอนทุกข์ เพราะความอ่อนแอทางปัญญา”

ดังนั้น “นโยบาย” เป็นปัญญาสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่ง ถ้านโยบายดีประเทศก็วัฒนะ แต่ถ้าไม่ดีก็หายนะ

...

ยกตัวอย่างสงครามยูเครน ซึ่งทำให้ผู้คนตายเป็นเบือ บ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ สงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ แต่ผู้นำกลับนำไปสู่สงคราม ฉะนั้น บทบาทของ “นายกรัฐมนตรี” ไม่ใช่การบริหารจิปาถะแบบที่นายกรัฐมนตรีในอดีตที่ผ่านมามักจะทำกัน ซึ่งผิดบทบาท

บทบาทของผู้นำ คือ นำทิศทางที่ถูกต้องและพาทั้งประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“ถ้ามีจุดคานจัดที่ถูกต้องข้าพเจ้าสามารถงัดโลกทั้งใบได้” อาร์คิมิดีส ได้กล่าวไว้

ศ.นพ.ประเวศ วะสี
ศ.นพ.ประเวศ วะสี

ศ.นพ.ประเวศ บอกว่า จุดคานงัดเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่สามารถงัดของที่หนักๆได้ ขนาดโลกทั้งใบยังงัดได้ เมื่อประเทศทั้งประเทศทรุดจะซ่อมแซมโน่นนิดนี่หน่อยก็ไม่หายทรุด แต่ต้องหาจุดคานงัดที่เหมาะเพื่องัดประเทศให้หายทรุด “กุญแจ”...จึงอยู่ที่ว่า อะไร? คือจุดคานงัดประเทศไทย

ซึ่งเมื่องัดตรงนี้ที่เดียว ประเทศไทยจะหายทรุด โดยทุกส่วนจะดีขึ้นหมด

เกริ่นกล่าวย้ำมาอย่างต่อเนื่องแล้วในเรื่อง...“การสร้างสัมมาชีพ” เต็มพื้นที่คือจุดคานงัดประเทศไทย.... “สัมมาชีพ” หมายถึง อาชีพที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ทำให้หลุดหนี้มีเงินออมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ฉะนั้น “สัมมาชีพ” จึงเป็นทั้งเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม ศีลธรรม และสิ่งแวดล้อม ส่วน “เต็มพื้นที่”...ก็หมายถึง ทุกคน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ เต็มพื้นที่ประเทศไทย

“สัมมาชีพเต็มพื้นที่ จึงทำให้เกิดสุขภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางจิตวิญญาณ” ศ.นพ.ประเวศ ว่า “ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง และระบบเศรษฐกิจของประเทศมั่งคั่ง มั่นคง เพราะประชาชนจะมีอำนาจซื้อมาก ทำให้เศรษฐกิจมหภาคเติบโตและมั่นคง”

เพราะ...อยู่บนฐานที่แข็งแรงของตนเอง ไม่ขึ้นกับระบบเศรษฐกิจโลกที่วูบไหว พลิกผันวิกฤติได้ตลอดเวลา

เมื่อผู้คนมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ความชั่วช้าต่างๆก็จะหายไป เช่น การลักขโมย การพนันยาเสพติด เพราะทุกคนมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีศักดิ์ศรีในตัวเอง ไม่ต้องไปหาอะไรมาเติมเต็ม เช่น ยาเสพติด ความฟุ่มเฟือย ความรุนแรง

พระสอนธรรมะแบบลอยตัว เช่น ศีล 5 ไม่ได้ผลดอก ต้องอยู่ในบริบทของ “สัมมาอาชีโว”...ศีลธรรมจึงจะบังเกิด สัมมาชีพเต็มพื้นที่จึงเป็นปัจจัยให้เกิดความร่มเย็น เป็นสุข และศีลธรรม จึงกล่าวว่า

...สัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นจุดคานงัดประเทศไทย

ฉะนั้น ต้องทำนโยบายจุดคานงัดประเทศไทยให้เป็น...ระเบียบวาระแห่งชาติ

ศ.นพ.ประเวศ บอกอีกว่า ถ้าพรรคการเมืองมีนโยบายจุดคานงัดประเทศไทย ก็ทำได้ไม่ยาก

“ผู้นำไม่ใช่อรหันต์แห้ง แต่เป็นนักสื่อสารที่ยิ่งใหญ่ สามารถสื่อสารให้คนทั้งประเทศ เกิดเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ร่วม หรือมีความมุ่งมั่นร่วมกัน”

“คนไทย”...ไม่มีความมุ่งมั่นร่วมกัน ไปคนละทางสองทางเหมือนแย้ลงรู จึงไม่มีกำลังขับเคลื่อนประเทศไปสู่สิ่งดี ตรงกันข้าม...เมื่อใดคนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน จะเกิดพลังร่วมมหาศาลที่เขยื้อนประเทศไทยออกจากหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์เรื้อรัง

“คนไทยจะมีความมุ่งมั่นร่วมกันได้ เมื่อมีผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถสื่อสารให้คนไทยทั้งประเทศมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วม ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีประเภทบริหารจิปาถะ”

ในการเลือกตั้งคราวนี้ ขอให้ประชาชนกำหนดทิศทางที่จะให้พรรคการเมืองทำ...เลือกพรรคการเมืองที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้ที่สามารถสื่อสารนำคนไทยไปสู่ความมุ่งมั่นร่วมกัน

พุ่งเป้าไปที่ “ทรัพยากร” อันมหาศาลเพื่อพัฒนาประเทศไทย 8 ระบบ หรือที่อาจารย์หมอประเวศเรียกว่า “มรรค 8 เพื่อพัฒนาประเทศไทย”

ซึ่งระบบต่างๆ 8 ระบบที่ว่านี้ก็คือ หนึ่ง...ระบบรัฐทั้งพลเรือนและกองทัพ สอง...ระบบการเมือง สาม...ระบบเศรษฐกิจ สี่...ระบบสุขภาพ ห้า...ระบบการศึกษา หก...ระบบศาสนา เจ็ด...ภาคประชาสังคม แปด...ระบบการสื่อสาร รายรอบล้อมตรงกลางคือ “แผ่นดินไทย” หรือ “ฐานล่างของประเทศ”

ซึ่งมักมีการพัฒนาอย่างบูรณาการ โดยมี “สัมมาชีพเต็มพื้นที่” เป็นจุดคานงัดนั่นเอง

อธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพมากขึ้นก็คือระบบทั้ง 8 เสมือนเป็นผนัง 8 ด้าน ซึ่งแต่ละด้านเชื่อมโยงกับพื้นล่างหรือฐานของประเทศ หากลองพิจารณาระบบทั้ง 8 ทีละระบบ จะเห็นว่าเป็นทรัพยากรเพื่อการพัฒนามหาศาลเพียงใด ซึ่งที่แล้วมาระบบเหล่านี้ต่างคนต่างไป ที่เรียกว่าพัฒนาแบบแยกส่วน

จะเกิดพลัง...ทุกส่วนต้องบูรณาการกับพื้นที่ ซึ่งมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นจุดคานงัด

“มรรคสมังคี” หมายถึง มรรคทั้ง 8 บูรณาการกัน... “ถ้ารัฐบาลใหม่ มีผู้นำที่มีนโยบายจุดคานงัดประเทศไทย แล้วนำให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ก็ไม่เป็นการยากอะไรที่จะสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ได้จริง และงัดประเทศไทยขึ้นมาผงาด เป็นแผ่นดินศานติสุข”

ในเรื่องใหญ่นี้...ขอให้สื่อมวลชนทำการเผยแพร่เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ให้คนไทยรู้ความจริงอย่างทั่วถึง จนเกิดกระแสสังคมต้องการเห็นจุดคานงัดประเทศไทย กระแสสังคมก็จะทำให้เกิดนโยบายและผู้นำนโยบาย...นี้คือ “ประชาธิปไตย” อย่างแท้จริง

“ประชาธิปไตย” เท่ากับประชาชนมีอธิปไตยในการกำหนดนโยบาย ในการขับเคลื่อนนโยบายและในการได้รับผลความสำเร็จในนโยบาย...“กระแสสังคม” เท่ากับปัญญาร่วมของประชาชน

ขอให้ปี พ.ศ.2566 เป็นปีที่ “คนไทย” ค้นพบเส้นทางประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่พลิกโฉมประเทศ จากประเทศที่ป่วยเรื้อรังเป็นประเทศสุขภาพดี ที่คนไทยทุกคนมีสุขภาวะที่สมบูรณ์...มีความภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย อยู่บนแผ่นดินที่เป็นไท เป็นธรรม.