“การเที่ยวตามรอยหนัง” คือหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในหมู่นักเดินทางที่มีหัวใจรักภาพยนตร์ นี่คือรูปแบบการท่องเที่ยวที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ เสมือนการนำพาโลกแห่งจินตนาการและโลกแห่งความจริงมาบรรจบกัน จากภาพเคลื่อนไหวที่ทำได้เพียงจับจ้องผ่านหน้าจอ สู่ทิวทัศน์จริงตรงหน้าที่เชื่อมโยงโลกทั้งสองใบให้ใกล้กันยิ่งกว่าเคย เหล่านี้ล้วนเป็นโมเมนต์แสนพิเศษที่ทำให้การเดินทางตามรอยเป็นกิจกรรมที่ไม่ธรรมดาที่หากใครได้ลองสักครั้งก็ย่อมจะมีครั้งต่อไปตามมาในอีกไม่นาน
พูดถึงการตามรอยหนัง หลายคนอาจนึกถึงแค่สถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่ที่จริงแล้วหนังไทยมีหลายเรื่องที่มีโลเคชันน่าสนใจ พาผู้ชมไปสัมผัสสถานที่ที่อบอวลไปด้วยธรรมชาติ เต็มไปด้วยความสดชื่น รื่นรมย์ จนหลายคนวางแผนตั้งใจอยากไปตามรอยสถานที่ที่ได้ชมจากหนังเรื่องโปรด
แต่ในโลกของการท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่เพียงนักท่องเที่ยวได้เก็บเกี่ยวความสุขไว้เท่านั้น ซึ่งสำคัญคือ สถานที่ที่เราเพิ่งได้ไปเที่ยวมานั้นต้องอยู่ดีด้วยในแบบที่หลายคนคุ้นเคยอยู่แล้ว กับการเที่ยวในสไตล์ “Low Carbon” หรือการท่องเที่ยวแบบห่วงใยโลก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการมุ่งเน้นทำกิจกรรมคาร์บอนต่ำ และให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สถานที่แห่งนั้น ยังคงความสมบูรณ์และงดงามตลอดไป เหมือนอย่างสถานที่ที่ไทยรัฐออนไลน์จะชวนออกเดินทางเที่ยวตามรอยหนัง 4 เรื่อง ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายคน
...
เส้นทางธรรมชาติและทะเลหมอกช่วยฮีลใจที่ “กิ่วแม่ปาน”
ภาพยนตร์: Low Season สุขสันต์วันโสด
“Low Season สุขสันต์วันโสด” คือเรื่องราวของ “หลิน” หญิงสาวที่กำลังเผชิญช่วง Low ของชีวิต จึงตัดสินใจออกเดินทางมายัง จ.เชียงใหม่ สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเฮิร์ต หวังจะมาโยนความเจ็บปวดทิ้งไปให้หมดเพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และที่นี่หลินก็ได้เจอเข้ากับ “พุธ” ชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วง Low ไม่ต่างกัน สองหัวใจที่อ้างว้างจึงได้เริ่มทำความรู้จัก และเปลี่ยนวันเหงาให้เป็นวันที่มีคำว่าเราอีกครั้ง
Low Season เป็นภาพยนตร์ประเภทที่พร้อมจะปลุกความเป็นนักท่องเที่ยวในตัวให้ลุกโชนอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าฉากไหนในเรื่องก็ล้วนอุดมไปด้วยความงดงามของธรรมชาติน้อยใหญ่ไล่เรียงตั้งแต่ธารสายเล็ก นาขั้นบันได ไปจนถึงป่าเขาสีเขียวสบายตาที่เป็นฉากหลัง อย่างไรก็ตาม หนึ่งในฉากสำคัญนั้นเกิดขึ้นที่ “กิ่วแม่ปาน” เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งชอุ่มไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่และทิวทัศน์ตระการตาไม่ว่าจะความงามของอาทิตย์ขึ้นหรือทะเลหมอก
ที่สำคัญที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่ใช้เพียงหัวใจและสองเท้า เพียงเตรียมร่างกายมาให้พร้อมสำหรับการเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติความยาวประมาณ 3.2 กม. โดยตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ส่วนวิธีการเดินทางมาเยือน สำหรับสายไม่ทิ้งร่องรอยแบบเราแล้ว สามารถนั่งรถทัวร์มาเชียงใหม่ จากนั้นต่อรถสองแถวมาเยือนอินทนนท์ซึ่งอาจจะใช้วิธีเหมาๆ มองหาเพื่อนใหม่ร่วมแชร์ค่ารถไปด้วยกัน (ซึ่งเป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้) นอกจากจะประหยัดสตางค์ ยังช่วยลดคาร์บอนไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากจะลองพักแรมด้วยวิธีกางเต็นท์ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
ฟังเสียงความสงบ ณ “บ้านยาง” เมืองที่เหมือนได้หยุดเวลา
ภาพยนตร์ : ดิว.. ไปด้วยกันนะ
“ดิว.. ไปด้วยกันนะ” คือภาพยนตร์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเอ่ยได้ของ “ดิว” และ “ภพ” สองเด็กหนุ่มแห่งเมืองเล็กๆ อย่าง “ปางน้อย” ที่มันเล็กเสียจนทุกเรื่องราวพร้อมจะเดินทางไปทั่วทุกหนแห่งของเมืองได้ในชั่วอึดใจ ซึ่งนั่นรวมไปถึงครอบครัวของเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยังคงไม่พร้อมรับความจริงบางประการด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่แม้ทั้งคู่จะไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้ ปางน้อยแห่งนี้ก็ยังคงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ที่ทุกๆ มุมเมืองล้วนมีร่องรอยของความคิดที่ทั้งสองคนฝากเอาไว้
เชื่อว่าใครก็ตามที่มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะตกหลุมรักเมืองปางน้อยได้ไม่ยากด้วยบรรยากาศแสนสงบราวกับได้ยินความเงียบกระซิบข้างหู ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมที่แห่งนี้จึงถูกเลือกเป็นฉากหลังของเรื่องราว อย่างไรก็ตาม ปางน้อยเป็นชื่อที่จินตนาการขึ้น เพราะโลเคชั่นจริงของหนังคือสถานที่ที่มีชื่อว่า “บ้านยาง” หมู่บ้านจีนยูนนานที่อยู่ก่อนถึงดอยอ่างขางเพียงอึดใจ
...
บ้านยางเป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานซึ่งผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านวิถีความเป็นอยู่ อาหารการกิน ความเชื่อ ตลอดจนอาคารสถาปัตยกรรมของชุมชน ที่ไม่ว่าจะมุมไหนก็เปี่ยมเสน่ห์จนชวนให้อยากเดินชมไปเรื่อยๆ หากรู้สึกเหนื่อยก็สามารถแวะทานอาหารขึ้นชื่อ อย่าง ข้าวซอย ผัดหมี่ ขาหมู หรือเกี๊ยวซ่ายูนนาน ที่ล้วนทำด้วยกรรมวิธีพื้นบ้านที่สืบสานมาจนปัจจุบัน หรือจะแวะจิบกาแฟในร้านชาวบ้านริมทางก็เข้าท่าไม่เบา หายเหนื่อยแล้วก็ยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ อาทิ น้ำตกบ้านยาง ที่สามารถเดินเท้าไปได้โดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ที่บ้านยางยังมีโฮมสเตย์พร้อมให้นักเดินทางได้แวะพักเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตอันมีเอกลักษณ์อย่างใกล้ชิด
สัมผัสวิธีรักษ์โลกใกล้เมืองกรุง ณ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน”
ภาพยนตร์ : สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก
อันที่จริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ให้มากมายนัก เพราะนี่คือภาพยนตร์ที่คู่ควรกับคำว่าตำนานที่สุดเรื่องหนึ่ง จากการทิ้ง Soft Power เอาไว้มากมาย มีการนำไปดัดแปลงในต่างประเทศหลากหลายเวอร์ชัน ทำให้ตำนานรุ่นน้องแอบรักรุ่นพี่และ “น้องน้ำ” กับ “พี่โชน” ยังคงโลดแล่นในความทรงจำของผู้ชมมากว่า 10 ปี และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้แน่นอนว่าโลเคชั่นที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้ก็คือสะพานแขวน ณ เขื่อนแก่งกระจาน ที่ผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยไปนั่งเป็นน้องน้ำหรือพี่โชนกันมาแล้ว
...
สะพานแขวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวก โดยใช้เวลาไม่เกิน 3 ชม. โดยนอกจากที่สะพานแขวน บริเวณโดยรอบอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยังอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมคาร์บอนต่ำที่สามารถเลือกเพลิดเพลินได้ตามถนัด ไม่ว่าจะการเดินเที่ยว ปั่นจักรยาน พายเรือคายัคชมลำน้ำ รวมไปถึงการพักผ่อนในสไตล์โฮมสเตย์ และลานกางเต็นท์ที่มีให้เลือกพักผ่อนนอนดูดาวกันตามอัธยาศัย
แบกเป้ท่อง “เชียงคาน” เมืองเล็กๆ ที่มนตร์เสน่ห์ไม่เคยจางหาย
ภาพยนตร์: ตุ๊กแกรักแป้งมาก
“ตุ๊กแกรักแป้งมาก” คือหนังชื่อแปลกที่เนื้อหาเรียกได้ว่าน่ารักแบบตะโกน บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองเด็กน้อย “ตุ๊กแก” และ “แป้ง” ที่เคยสนิทสนมกันอย่างมากในวัยเด็ก แต่เส้นทางเดินที่แตกต่างก็พาให้ทั้งสองแยกย้ายกันไปเติบโต ตุ๊กแกรักแป้งมากเป็นหนึ่งในหนังไทยจำนวนไม่มากนักที่มีแก่นหลักคือการเล่าถึงเบื้องหลังวงการหนัง ซึ่งตัวบทก็ทำได้ดีในการผสานเรื่องราวเข้ากับบรรยากาศน่ารักและชวนให้อบอุ่น โดยมีเมืองเชียงคานเป็นฉากหลัง ทำให้ภาพรวมของมันอัดแน่นไปด้วยโมเมนต์ละมุนใจ ชวนให้ความทรงจำที่ตกตะกอนมันล่องลอยกลับขึ้นมาอีกครั้ง
...
เชียงคานนับเป็นหนึ่งในปลายทางที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย เมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่พักใจให้กับใครหลายคนด้วยบรรยากาศอันอ่อนโยน อบอุ่น แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ มนตร์เสน่ห์แห่งบ้านเมือง และวิถีชีวิตผู้คน นักเดินทางสามารถแบกเป้มาเยือนถิ่นริมโขงแห่งนี้ พร้อมสัมผัสวิถีคาร์บอนต่ำได้ด้วยหลากหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะหยุดพักใจให้ผ่อนคลายแบบสโลว์ไลฟ์ ณ โฮมสเตย์ท้องถิ่น เดินลัดเลาะชมเมือง ออกไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ หรือจะเลือกปั่นจักรยานสัมผัสความตระการตาของวิวริมฝั่งโขงก็น่าสนใจไม่เบา
ทั้ง 4 ทริปที่เราหยิบมาแนะนำเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของการออกเดินทางผจญภัยในโลกของการตามรอย ซึ่งยังมีเส้นทางอีกมากมายให้ทั้งสายหนังและสายเที่ยวได้ออกไปสัมผัสด้วยตนเอง เพื่อเก็บเกี่ยวทั้งความสุข ประสบการณ์ไม่รู้ลืม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อวิถีเที่ยวแบบยั่งยืนที่จะทำให้สถานที่ที่จินตนาการและความเป็นจริงมาบรรจบกัน เหล่านี้ยังคงความสมบูรณ์ต่อไปอีกยาวนานถึงวันที่ลูกหลานของเราแบกเป้ออกเดินทางตามรอยเช่นกัน