“ระยอง” หนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่เล็กๆ แต่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติทั่วทิศทาง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สุขใจ เพราะมีทั้งป่าไม้โบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต้นโปรงทองที่มีสีเขียวขจีปนสีทองอร่าม อุทยานแห่งชาติที่คอยมอบความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และยังมีทะเลที่แสนสวยงามที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวในทุกวัน

โดยปัจจุบันเทรนด์การท่องเที่ยวของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก เพราะหลายคนเริ่มหันมาใส่ใจท่องเที่ยวแบบ Net Zero Tourism กันมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ชวนนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ต่างๆ หันมาใส่ใจรักษ์โลกผ่านการท่องเที่ยวแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในทุกกิจกรรม และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับคำนึงถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติในทุกขั้นตอน เพื่อลดการสร้างผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศของโลกให้น้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Net Zero นั้นมีหน้าตาเป็นแบบไหน ฉะนั้นวันนี้จึงอยากพานักท่องเที่ยวไปทำความรู้จักกับ “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” และ “ทุ่งโปรงทอง” สองสถานที่ท่องเที่ยวรักษ์โลกที่มีแหล่งธรรมชาติให้ศึกษา มีกิจกรรมทดสอบพลังกายและพลังใจ รวมถึงยังมีความสวยงามของธรรมชาติให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และถ้าอยากรู้ว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนได้อย่างไร ลองมาติดตามพร้อมกันได้เลยที่นี่

...

สวนพฤกษศาสตร์ ดินแดนสีเขียวขจีที่ช่วยให้ผู้คนใกล้ชิดกับธรรมชาติ

แหล่งท่องเที่ยวที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิดอย่าง “สวนพฤกษศาสตร์ระยอง” คือหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนรู้จักมากนัก โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใน อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและรวบรวมพรรณไม้ของภาคตะวันออก รวมถึงยังเป็นสถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรพันธุ์พืช โดยเฉพาะสภาพนิเวศวิทยาของพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าเสม็ด ที่เป็นแหล่งให้ความรู้ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำหรับนักท่องเที่ยว

โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนพฤกษศาสตร์จะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งลดการพังทลายของชายฝั่ง ช่วยป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในบริเวณพื้นดิน และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชพรรณต่างๆ โดยเฉพาะพืชท้องถิ่นที่หาเจอได้ยาก และพืชท้องถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์กว่า 400 ชนิด นี่จึงอาจเป็นแหล่งท่องเที่ยว Net Zero Tourism ที่หลายคนน่าจะชื่นชอบ เพราะมีระบบนิเวศให้เรียนรู้มากมายในระหว่างการท่องเที่ยว

เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมล่องเรือคายัคในสวนพฤกษศาสตร์ระยอง

ด้วยความที่พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ จึงทำให้สวนพฤกษศาสตร์ระยองมีกิจกรรมในรูปแบบสะเทินน้ำสะเทินบกหลายอย่าง ทั้งกิจกรรมการเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์และท่องเที่ยวธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำ กิจกรรมศึกษาพรรณไม้ท้องถิ่นนานาชนิด และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างการพายเรือคายัคและล่องเรือชมธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงจะได้ชมแพหญ้าหนังหมาที่ทับถมกันหลายชั้น จนสามารถลอยเป็นผืนแผ่นได้อย่างพลิ้วไหว และในระหว่างที่ล่องเรือก็ยังสามารถชมนกน้ำได้หลากหลายชนิด ทั้งนกอ้ายงั่ว นกปากห่าง และนกเป็ดน้ำ ที่เกาะอยู่บนยอดไม้และบินโฉบเฉี่ยวบนท้องฟ้าไปมา

ป่าเสม็ดพันปีแห่งภาคตะวันออก ณ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง

หากจะบอกว่าไฮไลต์ของการท่องเที่ยวในสวนพฤกษศาสตร์ระยองคือการล่องเรือคายัคชมป่าเสม็ดพันปีก็คงไม่แปลกนัก เพราะแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นหนองน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 3,800 ไร่ และเป็นป่าเสม็ดดึกดำบรรพ์ผืนสุดท้ายของภาคตะวันออกที่มีความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงป่าแห่งนี้ยังมีต้นเสม็ดขาวและต้นเสม็ดแดงที่เรียงรายอยู่บนพื้นทราย หากเวลาไหนที่มีแสงแดดส่องลงมากระทบต้นไม้และผิวน้ำ ก็จะกลายเป็นมุมถ่ายภาพที่สวยงามของใครหลายคน

...

ทุ่งโปรงทอง ธรรมชาติสุดอันซีนที่อยู่ริมปากแม่น้ำประแส

นอกจากจังหวัดระยองจะมีสวนพฤกษศาสตร์ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด แหล่งเรียนรู้พืชพันธุ์ต่างๆ ป่าเสม็ดโบราณ และกิจกรรมทดสอบพลังกายแล้ว ดินแดนฝั่งตะวันออกแห่งนี้ก็ยังมีความสวยงามของธรรมชาติแอบซ่อนเอาไว้อยู่อีกหนึ่งแห่ง และสถานที่นั้นก็คือ “ทุ่งโปรงทอง” แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่อยู่ติดกับป่าชายเลนริมปากแม่น้ำประแส โดยพื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยต้นโปรงที่ขึ้นเรียงรายนับหมื่นต้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นต้นโปรงสีเขียวขจีปนสีทองอร่ามได้อย่างสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะช่วงเวลายามเช้าที่มีแสงพระอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องลงมาสะท้อนกับต้นโปรง ก็จะทำให้ผู้คนได้เห็นภาพต้นโปรงสีเหลืองทองอร่ามรอบทิศทาง จึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “ทุ่งโปรงทอง” นั่นเอง

...

โดยทุ่งโปรงทองแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณริมปากแม่น้ำประแส ใกล้กับเทศบาลตำบลปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งนอกจากจะมีธรรมชาติที่น่าสนใจอย่างต้นโปรงสีเขียวขจีปนสีทองอร่ามแล้ว ก็ยังมีป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ และป่าโกงกางสูงชะลูดที่ปกคลุมทางเดินราวกับเป็นอุโมงค์ต้นโกงกาง รวมถึงยังมีทางเดินทอดยาวไปยังริมทะเลประแส และมีศาลาให้ชมวิวทิวทัศน์ของทะเลให้นักท่องเที่ยวได้แวะหย่อนใจกันอีกด้วย

หากใครได้เดินทางมาสัมผัสธรรมชาติจากแหล่งท่องเที่ยวทั้งสองสถานที่อย่าง “สวนพฤกษศาสตร์” และ “ทุ่งโปรงทอง” จะพบว่าแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร และเป็นสถานที่ที่คำนึงถึงคุณค่าของธรรมชาติได้ตรงตามแบบฉบับ Net Zero แต่ปัจจุบันก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งที่เริ่มหันมาปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใส่ใจคุณค่าของธรรมชาติแล้ว ก็ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยให้ผู้คนสัมผัสความสวยงามของสิ่งแวดล้อมได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ลองมาสัมผัส “สวนพฤกษศาสตร์” และ “ทุ่งโปรงทอง” ในจังหวัดระยองกันสักครั้ง เพราะแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย ทั้งต้นโปรงสีเขียวปนสีทอง ป่าชายเลนริมปากแม่น้ำประแส ป่าโกงกางสูงชะลูดที่ปกคลุมทางเดิน กอหญ้าหนังหมา พืชนานาพรรณ ป่าไม้โบราณ และยังมีระบบนิเวศอีกหลายชนิดที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้และสัมผัส รวมถึงยังมีมุมถ่ายภาพที่มีฉากพื้นหลังเป็นสีเขียวขจีผสมสีน้ำตาล ตัดกับผืนน้ำที่สะท้อนแสงแดดของดวงอาทิตย์และร่มเงาของต้นไม้ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมล่องเรือที่พาไปชมธรรมชาติและระบบนิเวศหลากหลายอย่าง จึงนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดระยองที่ไม่ควรพลาด และควรไปลองสัมผัสบรรยากาศ พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์กันสักครั้งในชีวิต

...