“รมว.ยุติธรรม” ย้ำ “ทักษิณ” กลับประเทศไทยไม่เกี่ยว “แพทองธาร” หลัง “โรม” เชื่อมโยงดีลปีศาจ ยืนยัน รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถือเป็นสถานที่ควบคุมพิเศษ ถามกลับ ต้องถูกทรมานถึงจะสะใจใช่หรือไม่ ด้าน “โรม” บอกชัดปีศาจ คือ “ลุงตู่”
วันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงหลังถูกนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พาดพิงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยู่ในตำแหน่งอย่างเหนียวแน่นเกิดจากเรื่องไม่โปร่งใสชั้น 14 แม้มีการร้องเรียนผ่านองค์กรต่าง ๆ มากมายแต่นายกฯ ก็นิ่งเฉย
โดยระบุว่า วันนี้ตรงกับวันครบรอบสถาปนากระทรวงยุติธรรม 134 ปี โดยกล่าวถึง พระราชจริยวัฒน์ของรัชกาลที่ห้าซึ่งเป็นคนก่อตั้งกระทรวงยุติธรรมคือ รัชกาลที่ห้าทรงเลิกทาส วันนี้กระทรวงยุติธรรมจะต้องไม่เป็นทาส ธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมให้ได้ และต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นเข้าถึงและเป็นที่พึ่งของประชาชน
ทั้งนี้ จากการฟังอภิปรายของนายรังสิมันต์ ตนเคยแอบตั้งความหวังว่านายรังสิมันต์น่าจะเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของประเทศ แต่สิ่งที่นำมาพูดวันนี้ ก็เสียใจเช่นเดียวกับเมื่อวาน เพราะช่างตัดตอน จินตนาการและใช้วาทกรรม
พร้อมชี้แจงว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกี่ยวกับนายกแพทองธาร ชินวัตร สักนิดเดียว เพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ในขณะนั้นนางสาวแพทองธาร ยังเป็นนายกรัฐมนตรี

...
การที่นายรังสิมันต์อ้างว่ามีดีลแลกประเทศ และขยายว่ามีดีลปีศาจไม่ทราบว่าในก้นบึ้งของจิตใจนายรังสิมันต์หมายถึงอะไร ถ้าหากดูให้ดีมันคือวาทกรรม คือเรื่องที่จินตนาการไปเองและขอให้ยอมรับว่าหลังจากการยุบสภาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดคือพรรคก้าวไกล ปัจจุบันคือพรรคประชาชน ทราบหรือไม่ว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและเสนอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธาน และคนที่เสนอนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติก็ร่วมโหวตให้ด้วย จึงถามว่าแบบนี้เป็นดีลหรือไม่ เพราะในขณะนั้นมีการมาคุยว่าหากพรรคประชาชนได้เป็นนายกฯและพรรคประชาชาติร่วมด้วยจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรองนายกฯ ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อมาตั้งรัฐบาล ตนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน จนมาถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ก็เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจน้อยที่สุดในการออกนโยบาย ตามหมวดว่าด้วยหน้าที่แห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ และตนได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะต้องการให้กฎหมายอยู่เหนืออิทธิพลและทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
พันตำรวจเอกทวี ยืนยันว่านายทักษิณกลับมา ตนยังไม่ทราบเลยว่าในขณะนั้นจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เมื่อกลับมาท่านมีอาการป่วยก็เข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ สิ่งที่น่าเสียดายคือนายรังสิมันต์ จบนิติศาสตร์ แต่ทราบหรือไม่ว่า คนที่เจ็บป่วย สถานที่รักษาพยาบาลคือเรือนจำ จึงถามว่าสิ่งเหล่านี้นายรังสิมันต์ไม่สะใจใช่หรือไม่ ต้องการให้นายทักษิณถูกทรมานใช่หรือไม่ เพราะการที่ไปอยู่โรงพยาบาลก็ถือเป็นสถานที่ควบคุมพิเศษตามกฎกระทรวง และหากนายทักษิณหนีจากสถานที่ควบคุมก็เหมือนหนีจากเรือนจำ
“การที่นายรังสิมันต์บอกว่าไม่มีสักวันเดียวที่นายทักษิณติดคุก จึงถามว่าต้องการวาทกรรมที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดใช่หรือไม่ การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของคนเข้าใจว่าเป็นการอภิสิทธิ์ นั้นเป็นการพูดไม่จบ” พันตำรวจเอกทวี กล่าว
พันตำรวจเอกทวี ชี้แจงต่อว่าเมื่อตนเข้ามาดำรงตำแหน่งได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็เกิดความคิดส่วนตัวว่า ในระหว่างนี้นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลตลอด สังคมจะคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่ เพราะในเมื่อประชาชนป่วยก็ต้องส่งรักษาพยาบาล แต่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ทำได้เพราะต้องฟังความเห็นของแพทย์
ขณะเดียวกันอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็เป็นมืออาชีพ ไม่รู้จักกับนายทักษิณเป็นการส่วนตัว ซึ่งเมื่อครบ 120 วัน อธิบดีก็ต้องเป็นคนพิจารณาว่านายทักษิณจะกลับมาที่กรมราชทัณฑ์ได้หรือยัง ซึ่งก็มีการทำหนังสือไปยังโรงพยาบาลตำรวจและหมอที่โรงพยาบาลเห็นว่านายทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ ตรงนั้นคือหน้าที่ของตน ส่วนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ชอบไม่ชอบ ได้มีการมอบให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเรื่องนี้ก็มีองค์กรอิสระเกือบทุกองค์กรมาตรวจสอบแล้ว และการที่นายทักษิณอยู่โรงพยาบาล ตำรวจกฎหมายเขียนไว้ว่าเป็นเรือนจำและถูกควบคุม แต่นายรังสิมันต์บอกว่าไม่ถูกควบคุม จึงถามว่า เป็นการทำตัวใหญ่กว่ากฎหมายใช่หรือไม่
ขณะที่แพทยสภาในเรื่องของการเจ็บป่วยนั้น เชื่อว่า ทั้งตนและนายรังสิมันต์ ไม่มีใครรู้ดีในเรื่องกฎหมายและจรรยาบรรณของแพทย์ ซึ่งแพทยสภาก็รับเรื่องไว้ปีกว่าแล้ว ยังต้องสอบสวน แต่ นายรังสิมันต์รับเรื่องไว้แป๊บเดียว สามารถวินิจฉัยได้หมดเลย การบอกว่า ปีศาจ จึงถามว่าท่านมีอะไรในใจหรือไม่ ใครคือปีศาจของท่าน
พันตำรวจเอก ระบุอีกว่า การที่นายรังสิมันต์นำมาพูดอภิปราย เป็นการสมมุติเอาเองเพราะวันนี้มีการเตรียมการไปให้การกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ยังไม่เคยมีการเรียกราชทัณฑ์เลย พร้อมขออย่าดูแคลน ป.ป.ช. เพราะเคยมีการไปดูที่โรงพยาบาลแล้ว เรียกแพทยสภาไปแล้ว และอย่าด้อยค่าใครว่าไม่มีความรู้ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ซึ่งเมื่อเรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช.แล้ว แม้แต่กรรมการ ป.ป.ช. ยังนำเรื่องมาเปิดเผยไม่ได้ วันนี้เป็นการสมมุติไปทั่ว และเรื่องการพักโทษกรณีพิเศษ ตนก็มีคณะกรรมการ 10 กว่าคน ที่มาพิจารณาว่าควรได้พักโทษกรณีพิเศษ และตนก็ได้เซ็นอนุมัติ
พันตำรวจเอกทวียังยืนยัน ว่านายทักษิณและคนอื่นๆ เราปฏิบัติเหมือนกัน ยังไม่มีผู้ต้องหาราชทัณฑ์คนใดที่โรงพยาบาลส่งคืนแล้วราชทัณฑ์ไม่นำกลับมา เพราะนายรังสิมันต์ก็เพิ่งไปพบกับน้องคนหนึ่งที่ถูกส่งไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แต่ทางกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าเคยมีกรณีการอดอาหาร คิดว่ากลับมาแล้วรับประทานอาหารได้ แต่กลับมาเสียชีวิต จึงยื้อไว้กับทางโรงพยาบาล พร้อมย้ำว่าเรือนจำทั้ง 143 แห่งได้ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมเช่นเดียวกันทั้งหมด ส่วนที่นายรังสิมันต์สงสัยทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.
ขณะที่นายรังสิมันต์ ลุกขึ้นประท้วง ว่ามีการกล่าวหาว่าตนสะใจที่อดีตนายกทักษิณต้องไปอยู่โรงพยาบาลต่างๆ พูดไม่ชัดว่าดีลปีศาจคือใคร ตนได้ระบุชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า ปีศาจ หมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนที่มีการพูดถึงว่าพรรคก้าวไกลในอดีตพูดอย่างไรไว้กับท่านบ้าง อยากให้พูดออกมาให้ชัดเลยว่า หากพรรคของตนทำไม่ถูกต้องขอให้พูดออกมาเลย เพราะไม่เคยมีวัฒนธรรมในเรื่องของการปกปิดความจริงอยู่แล้ว ไม่ควรมาดิสเครดิตกันแบบนี้
ตนรู้จักพันตำรวจเอกทวี มาก่อนที่จะมาทำการเมืองและเรียกว่าพี่ทวีมาเสมอเพราะเคารพท่าน แต่วันนี้ที่มามาคุยกันในสภาฯ คือการพูดตามข้อเท็จจริง และไม่ได้ต้องการเจาะจงไปที่พันตำรวจเอกทวี แม้บางหน่วยงานอาจจะเกี่ยวข้องกับตัวท่านบ้าง แต่ผู้ที่จะตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือนางสาวแพรทองธาร ซึ่งตนรอฟังอยู่
พร้อมย้ำว่าทุกอย่างที่ตนทำไปไม่ใช่เรื่องของความสะใจ ขออย่าบลัฟกันไปมา และยืนยันว่า แม้พันตำรวจเอกทวีกล่าวหาตนขนาดนี้แต่ตนจะไม่ลืมสิ่งดีๆ ที่เราเคยทำร่วมกันมา
จากนั้นพันตำรวจเอกทวี ได้ลุกขึ้นแจงอีกครั้งว่า เรื่องที่ตนบอกว่าเคยพูดอะไรกันไว้นั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะตนก็มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย และฝันว่าตามรัฐธรรมนูญ พรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดควรจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และพูดถึงปรึกษากัน ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร