หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2568

เพลิงสุริยะ รายงานตัวท่านผู้อ่าน นายกฯ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ยกคณะบินเหินฟ้าไปยังกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพื่อร่วมงาน ITB Berlin 2025 มหกรรมส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบหารือกับทีมไทยแลนด์ในสหภาพยุโรป หวังกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว การลงทุน ปั่นไปปั่นมาก็หนีไม่พ้นการ มุ่งหารายได้จากการท่องเที่ยว ตัวความหวังหนึ่งเดียวของรัฐบาลชุดนี้ ลำพังหวังอาศัยฝีไม้ลายมือมือทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ มีแต่ความริบหรี่
...

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง มือ 1 เศรษฐกิจรัฐบาลแพทองธารยังย่ำอยู่ในกรอบเดิม ที่ยังคงมุ่งเน้นกับ 3 เครื่องจักร เครื่องจักรแรก การลงทุนจากภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตั้งเป้าในปี 2568 จะเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ถึง 85% คิดสมการตัวเลข (แบบเข้าข้างตัวเอง) ง่ายๆ การลงทุนทุกๆแสนล้านจะช่วยกระตุ้นจีดีพีขึ้นมาได้ 0.25% พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ถ้าจะเอาง่ายขนาดนี้ รัฐบาลตั้งโครงการอัดฉีดอีก 4 แสนล้าน ตัวเลขจีดีพีคงดีดผึงขึ้นมาที่ 1% แล้ว แต่ความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น เครื่องจักรที่สอง การส่งออก เครื่องจักรที่ใหญ่ที่สุด ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกคิดเป็น 65–70% ของจีดีพี สำคัญสุดโจทย์หินหนักๆอยู่ที่ วิกฤติภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่วันนี้มวลมนุษยชาติจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไปจากการมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ เครื่องจักรที่สาม ภาคการท่องเที่ยว ปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ดีดขึ้นมาถึงจุดที่ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิดแล้ว มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ราว 35 ล้านคน ปี 2568 ตั้งเป้าไว้ที่ 38.5 ล้านคน ขณะที่การยกระดับกำลังผลิตภายในรองรับอุตสาหกรรมในโลกอนาคต ทั้ง ศูนย์กลางระบบขนส่งในภูมิภาค (แลนด์บริดจ์) เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ศูนย์กลางยานยนต์อีวี ดาต้าฮับ ฯลฯ ยังเป็นวิมานในอากาศ

...

...
นี่ก็จับทุกเรื่องมาเป็นการเมือง จากมหกรรม MotorSport ทำท่าจะกลายเป็นเงื่อนขัดแย้งอีกปมระหว่าง พรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย เนวิน ชิดชอบ ตัวพ่อค่ายน้ำเงิน ยกประเด็นการต่อสัญญา MotoGP มากดดันใส่รัฐบาล ให้ทุ่มงบต่อสัญญา MotoGP เนวิน เลือกเอาเงื่อนเวลาที่ นายกฯ แพทองธาร กำลังจะถูกนำขึ้นเขียง อภิปรายไม่ไว้วางใจ ขึ้นมากดดันใส่พรรคแกนนำรัฐบาล ที่มี สรวงศ์ เทียนทอง เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้ควักงบสนับสนุน การจัด MotoGP อ้างอิงตัวเลข สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5,043 ล้านบาท กระตุ้นการใช้จ่ายกว่า 4,268 ล้านบาท ใช้งบจัดงาน 775 ล้านบาท แต่สร้างงานได้ 7,772 ตำแหน่ง ได้ภาษีที่รัฐเก็บเข้าคลังกว่า 318 ล้านบาท มีผู้เข้าชมการแข่งขัน 224,634 คน เป็นคนไทย 172,565 คน ชาวต่างชาติ 52,069 คน เหมือนสวยหรู แต่คนที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ คือ กลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะผูกขาดอยู่แต่ สนามช้างเซอร์กิต บุรีรัมย์ รวยกระจุกของแทร่ ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง แถมผลพลอยได้ทางการเมือง

...

แต่การกลับมาสู่กระดานอำนาจหนนี้ ของ “นายใหญ่” ก็ไม่ใช่จะปล่อยให้เคี้ยวกันง่ายๆ อ้อยที่เข้าปากช้างไปแล้วเลยถูกดึงออกมา ข้าเก่าเต่าเลี้ยง เขามองทางกันออก นายกฯแพทองธาร ที่มี คุณพ่อผู้ครอบครอง คอยประกบ ใช้วิธียื้อด้วยการโยนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และอย่าลืมเป็นอันขาด เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลเพื่อไทย พยายามผลักดัน ย่อมมองถึงการจัด มหกรรมฟอร์มูลาวัน หรือ FIA Formula One World Championship (F1) เป็น 1 ในโครงการนี้ แม้ เนวินจะยกเขากระโดงมาอ้าง ดูแคลนแฟนๆ F1 ว่าเหมือนหมามองเครื่องบิน แต่ถ้าเทียบ MotoGP กับ F1 แล้ว ยังห่างกันคนละชั้น กีฬากับการเมืองนุงนังนัวเนีย จับเอาแฟนกีฬาความเร็วเป็นตัวประกันให้นักการเมืองเขาต่อรองกัน

นี่ก็อีกเหลี่ยมการเมือง สงครามตัวแทน หวังล้มกระดาน ผ่านคดีฮั้วเลือก สว. วันนี้ (6 มี.ค.) แล้ว ที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นัดประชุมเพื่อลงมติจะรับคดีฮั้วเลือก สว. ไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลัง คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ เห็นเป็นเอกฉันท์ตรงกันว่า มีความผิดอาญาเกิดขึ้น ตาม ป.อาญามาตรา 209 (อั้งยี่) มาตรา 116 (ความผิดเกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งรัฐ) ผิด พ.ร.ป.ว่าด้วย การได้มาซึ่ง สว.มาตรา 77 (1) และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ เน้นคดีทางอาญา นำเสนอต่อที่ประชุม กคพ. โดยไม่เกี่ยวกับคดีเลือกตั้ง ที่เป็นอำนาจของ กกต. ขณะที่ 138 สว.ค่ายน้ำเงิน ไม่ยอมเป็นเป้านิ่ง ดิ้นสู้ทุกดอก ชงกระทู้ตอบโต้ ดีเอสไอ กับ ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ตอบโต้กันทุกเม็ด แถมพ่วงด้วยการยื่นถอดถอน งานนี้ถ้าเอากันถึงตาย ตรวจสอบกันจนสุดทาง ต้องมีคนติดคุกกันไปข้าง อยู่ที่ว่าพอเข้าเนื้อหนักๆ จะซูเอี๋ยแล้วจบกันไปแบบดื้อๆหรือไม่ ตามสูตรสำเร็จเก่าๆ

คนโกงต้องไม่มีที่ยืน ใช้เวลาตรวจสอบกันร่วมเดือน หลัง ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. จากพรรคประชาชน ออกมาเปิดโปงแฉ ขบวนการทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก จนสุดท้ายมีการเข้าแจ้งความต่อ บก.ปปป.เอาผิดผู้ร่วมขบวนการทุจริตยาทั้งหมด พยานหลักฐานที่พบเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการกระทำความผิดจริง ทำกันมานานเกือบ 10 ปี มีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่ผู้ป่วย ไปจนถึงนายทหารระดับสูง มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหลักร้อยคน ร.ท.ธนเดช ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ทั้ง ป.ป.ท. บก.ปปป. จะร่วมกันดำเนินการสอบสวน ขุดคุ้ย และดำเนินคดีจนถึงที่สุด ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจและควรเร่งปรับปรุงคือการใช้ AI เข้ามาตรวจ สอบระบบการเบิกจ่ายตรงของกรมบัญชีกลางของผู้มีสิทธิ...จบข่าว
"เพลิงสุริยะ"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม