ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ประเทศไทย” ประสบกับปัญหาการหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้อมูลจาก Whoscall ระบุว่า ในปี 2567 มีการโทร.และส่งข้อความสั้น (SMS) จากมิจฉาชีพสูงถึง 168 ล้านครั้ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เพื่อรับมือกับปัญหา “รัฐบาลไทย” ได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ที่ผิดกฎหมาย โดยได้มีการประสานงานกับทางการจีนในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานในกรุงเทพฯ และมีแผนจัดตั้งศูนย์เพิ่มเติมในแม่สอด

เพื่อจัดการกับ “เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์” ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย...เมียนมาและไทย...กัมพูชา

นอกจากนี้ ทางการไทยยังได้ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าไปยังเมืองชายแดนของเมียนมา 5 แห่ง ซึ่งถูกระบุว่าเป็นแหล่งปฏิบัติการของ “เครือข่ายสแกมเมอร์” มาตรการนี้เป็นการตอบสนองต่อความสูญเสียทางการเงินที่เกิดขึ้นจากการหลอกลวง ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายถึง 80 ล้านบาทต่อวัน

แม้จะมีมาตรการต่างๆจากภาครัฐ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาการหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ยังคงเพิ่มขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะการใช้ “ปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ที่ทำให้มิจฉาชีพสามารถหลอกลวงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

ดังนั้น การรับมือกับปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงการเพิ่มความตระหนักรู้ของประชาชนในการป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การถูก “หลอกลวง” ทาง “ออนไลน์” หรือ “Scam” กลายเป็นปัญหาที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่เรื่องของ “เงินที่หายไป” เท่านั้น หากแต่ยังส่งผลกระทบทางจิตใจและความเชื่อมั่นของเหยื่ออีกด้วย สำหรับบางคน “เสียเงิน” อาจเจ็บปวด แต่ “เสียความรู้สึก” อาจสร้างรอยแผลลึกที่ยากจะเยียวยา?

...

เมื่อกลายเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์ หนึ่ง...มิติทางอารมณ์และจิตใจ ความรู้สึกสูญเสียและผิดหวังในตัวเอง เหยื่อมักโทษตัวเองที่ “ไว้ใจผิดคน” หรือ “พลาดง่ายๆ” ทั้งที่ปกติอาจเป็นคนรอบคอบ

มีอาการเครียด วิตกกังวล หรือแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้า

เหยื่อสแกมเมอร์ เสียเงินและปวดใจ

“ความอับอายและไม่กล้าบอกใคร บางคนรู้สึกอับอายที่ถูกหลอกและไม่กล้าขอความช่วยเหลือยิ่งเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ (Romance Scam) ความเจ็บปวดทางอารมณ์ยิ่งรุนแรง”

สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองและสังคม...เหยื่อบางคนอาจหมดศรัทธาในมนุษย์ ไม่กล้าไว้วางใจใครอีก ความรู้สึกหวาดระแวงอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน

ถัดมา...มิติทางการเงินและเศรษฐกิจ เงินที่สูญเสียอาจเป็นเงินเก็บทั้งชีวิต...เหยื่อบางคนสูญเสียเงินจำนวนมากจนล้มละลายเป็นหนี้ หรือสูญเสียอนาคตทางการเงิน สำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่มีเงินเก็บเพียงเล็กน้อย นี่อาจหมายถึงการสูญเสีย “ชีวิตที่มั่นคง”

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม “สแกมเมอร์” ทำให้เกิดการไหลออกของเงินสู่เครือข่ายอาชญากรรมระหว่างประเทศ การโจมตีทางไซเบอร์และอาชญากรรมทางการเงินทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมเสียหาย

สาม...มิติทางกฎหมายและความปลอดภัยทางไซเบอร์ กฎหมายอาจตามไม่ทันสแกมเมอร์ แพลตฟอร์มออนไลน์เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ บางกรณีผู้กระทำผิดอยู่ต่างประเทศ ทำให้การดำเนินคดีทำได้ยาก...อีกทั้งข้อมูลส่วนตัวอาจถูกใช้ในทางที่ผิด

“นอกจากเงินที่เสียไป ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกขโมยไปใช้ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย...เหยื่ออาจถูกนำข้อมูลไปใช้สร้างบัญชีปลอม หรือนำไปใช้ในอาชญากรรมอื่น”

เหยื่อสแกมเมอร์ เสียเงินและปวดใจ

สี่...มิติทางสังคมและพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยี ความระแวงที่เพิ่มขึ้นในสังคมดิจิทัล คนเริ่มไม่กล้าใช้แพลตฟอร์มออนไลน์หรือระวังตัวจนเกินไป...การทำธุรกรรมออนไลน์อาจถูกมองว่าน่ากลัว แม้แต่แพลตฟอร์มที่ถูกต้องตามกฎหมาย

พุ่งเป้าไปที่ผลกระทบต่อการใช้เทคโนโลยีของผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มเปราะบางที่ตกเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์ได้ง่ายที่สุด อาจเกิดความกลัวเทคโนโลยี ทำให้ขาดโอกาสในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์

ประเด็นสำคัญมีว่า...ทำไม “เสียความรู้สึก” ถึงเลวร้ายกว่า “เสียเงิน”?

คำตอบมีว่า...เงินที่เสียไปอาจหาใหม่ได้ แต่ความเชื่อมั่นที่สูญเสียไปอาจไม่กลับมาอีก

...

“ความรู้สึกถูกหักหลังหลายครั้งสแกมเมอร์ใช้อารมณ์ 

เหยื่อสแกมเมอร์ เสียเงินและปวดใจ

ความไว้ใจและความเห็นใจเป็นเครื่องมือในการหลอกเหยื่อ... ความรู้สึกโง่เขลาและอับอาย แม้แต่คนฉลาดและมีประสบการณ์ก็ยังตกเป็นเหยื่อได้ ทำให้เหยื่อโทษตัวเองมากกว่าที่ควรจะเป็น...อีกทั้งความเสียใจที่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เจ็บปวด”

หลายคนเสียเงินไปแล้ว แต่ไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้อีก

ตอกย้ำแนวทาง “ป้องกัน” และ “เยียวยา” หลังตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ สำคัญที่สุดคือป้องกันตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อ...อย่าไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าทางออนไลน์ หลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ที่สำคัญควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง

กรณีหากตกเป็นเหยื่อแล้ว ต้องตั้งสติให้ดีๆ...แจ้งความทันที รวบรวมหลักฐาน เช่น แชต บัญชีธนาคาร สลิปโอนเงิน...แจ้งธนาคารเพื่อระงับบัญชีที่เกี่ยวข้อง แจ้งแพลตฟอร์มออนไลน์ให้แบนบัญชีสแกมเมอร์

เหยื่อสแกมเมอร์ เสียเงินและปวดใจ

...

การเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ ไม่ได้หมายความว่าเหยื่อโง่หรือประมาท แต่ “สแกมเมอร์” ใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จงจำไว้ว่า...“คุณค่าของคุณไม่ได้ลดลงเพียงเพราะถูกหลอก”.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม