หนึ่งปีที่แล้วเหตุการณ์ที่สร้างความงุนงงให้กับคนในวงการฟุตบอลมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง นั่นคือ การประกาศยกเลิกสัญญากับเนย์มาร์ จูเนียร์ (Neymar Jr.) ของไนกี้ (Nike)

หลังจากนั้นไม่นาน เนย์มาร์ ตัดสินใจย้ายมาเซ็นสัญญากับพูมา (Puma) ในเดือนกันยายน ด้วยมูลค่าสัญญา 23 ล้านปอนด์ต่อปี โดยเวลานั้น พูม่า เลือกใช้แคมเปญ “The King is back” หรือราชันผู้หวนคืน ซึ่งแคมเปญนี้ เป็นการอ้างอิงไปถึงรองเท้าซีรีส์ Puma King หนึ่งในซีรีส์รองเท้าระดับตำนาน โดยครั้งหนึ่งเคยมีอดีตนักเตะระดับตำนานสวมใส่มาก่อน เช่น โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruyff), เปเล่ (Pele), ยูเซบิโอ (Eusebio) และดิเอโก มาราโดนา (Diego Maradona) เป็นต้น

ท่ามกลางข้อสงสัยของผู้คนจำนวนมาก เพราะต้องไม่ลืมว่า เนย์มาร์ เซ็นสัญญาเป็นนักเตะในการดูแลของไนกี้ตั้งแต่อายุ 13 ปี สมัยที่เขายังเป็นนักเตะเยาวชนของซานโตส ในบราซิล มันจึงดูเป็นเรื่องยากมาก ที่ความสัมพันธ์อันยาวนานถึง 15 ปี จะถูกสะบั้นลงได้อย่างง่ายดาย

ในห้วงเวลานั้น ผู้คนตั้งข้อสังเกตเป็นสามประเด็นใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้

ประเด็นแรกเป็นเรื่องของเนย์มาร์ที่อยากมีบทบาทในฐานะพระเอกบ้าง เนื่องจากสถานะของเนย์มาร์ที่ไนกี้ ถือได้ว่าเป็นเบอร์ 2 รองจากคริสเตียโน โรนัลโด และจะไม่มีวันขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งได้อย่างเด็ดขาด

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพลักษณ์ของเนย์มาร์ในสายตาของคนทั่วไปไม่ดีนัก ทั้งจากปัญหาการเล่นตบตา เวลาถูกเข้าสกัดก็มักจะแสดงออกในลักษณะที่เกินจริง ชีวิตนอกสนามที่ฟุ้งเฟ้อ สไตล์การเล่นที่ฉายเดี่ยวเกินไป จึงเลือกที่จะเดินออกจากสัญญาที่ผูกมัดระหว่างตัวเนย์มาร์กับไนกี้ และไปเซ็นสัญญากับพูม่า ซึ่งการันตีว่าจะได้เป็นเบอร์หนึ่งของแบรนด์ (ส่วนอาดิดาส มีลิโอเนล เมสซี เป็นผู้นำของแบรนด์อยู่ก่อนแล้ว)

...

เนย์มาร์และเอ็มบัปเป้
เนย์มาร์และเอ็มบัปเป้

ประเด็นที่สองไนกี้ มีนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรง ซึ่งพร้อมจะแซงหน้าเนย์มาร์ได้เสมอ ทั้งในรายของคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ดารากองหน้ารุ่นน้องของเนย์มาร์ที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และเป็นหนึ่งในสองกองหน้าดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลก (ร่วมกับเออร์ลิง ฮาแลนด์) จึงแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเนย์มาร์ เป็นตัวแทนของไนกี้อีกต่อไป

ประเด็นที่สาม มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ผลประกอบการของไนกี้ลดลง นำมาสู่การออกนโยบายทางการตลาดใหม่ ลดการเป็นสปอนเซอร์ส่วนตัวให้กับนักฟุตบอลชื่อดังลง ในกรณีนี้ มีนักเตะหลายคนที่ถูกไนกี้ยกเลิกและไม่ต่อสัญญาพร้อมกับเนย์มาร์หลายต่อหลายคน เช่น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, เซร์คิโอ รามอส, ธิอาโก อัลคันทารา, ราฮีม สเตอร์ลิง, ราฟาแอล วาราน เป็นต้น แล้วหันไปเลือกนักเตะที่มีภาพลักษณ์ดี อายุน้อย และมีความเหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ไนกี้ต่อไป

นักเตะที่เข้าข่ายนี้ มีชื่อของมาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งเมื่อปีก่อนได้ใช้สถานะความเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ออกมาเรียกร้องในประเด็นอาหารกลางวันของเด็ก ที่กำลังจะถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรตัดงบ แล้วก็เป็นแรชฟอร์ดออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยังคงงบส่วนนี้ต่อไป เพราะถ้าหากรัฐบาลตัดงบส่วนนี้ออก นั่นหมายความว่าเด็กๆ ที่มีฐานะทางบ้านไม่ดีนัก ท้องจะหิว เพราะไม่มีอาหารให้กิน

สาเหตุที่แรชฟอร์ดรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะในวัยเด็กแรชฟอร์ดก็เติบโตมากับทุนอาหารกลางวันของรัฐบาล จึงทำให้แรชฟอร์ดเข้าใจในประเด็นนี้ เป็นอย่างดี

กระทั่งรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล เป็นสื่อสำนักแรกที่เปิดเผยว่า สาเหตุที่ไนกี้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเนย์มาร์ เป็นเพราะเนย์มาร์ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งกล่าวหาว่าเนย์มาร์ ล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิงคนหนึ่งของไนกี้ ในปี 2016

พนักงานหญิงคนดังกล่าว ได้เล่าเรื่องนี้ให้กับเพื่อนของเธอ และเพื่อนร่วมงานที่ไนกี้ โดยเธอกล่าวว่า เนย์มาร์ ที่อยู่ในสภาพมึนเมา พยายามที่จะคุกคามทางเพศต่อเธอ ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองนิวยอร์ก

เนย์มาร์ เมื่อครั้งยังเป็นสมาชิกของไนกี้
เนย์มาร์ เมื่อครั้งยังเป็นสมาชิกของไนกี้

ครั้งนั้น เนย์มาร์ ได้เดินทางไปยังนิวยอร์ก เพื่อโปรโมตแคมเปญใหม่ของไนกี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของแบรนด์จอร์แดนกับธุรกิจฟุตบอล 

ขณะนั้น พนักงานผู้เสียหายทำหน้าที่ในส่วนประสานงานอีเวนต์และโลจิสติกส์ของไนกี้ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้เสียหายตามคำกล่าวอ้าง แต่ก็ไม่ได้ออกมาร้องเรียนใดๆ จนถึงปี 2018 เมื่อพนักงานหญิงของไนกี้จำนวนมาก ได้ออกมาเปิดเผยประสบการณ์ในเชิงลบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อสุภาพสตรีในองค์กร ทำให้เธอตัดสินใจยื่นเรื่องที่เธอเคยถูกคุกคามทางเพศกับหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของไนกี้ และนำมาสู่การว่าจ้างบริษัทกฎหมายจากภายนอกเข้ามาทำการตรวจสอบและสัมภาษณ์ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในปี 2019

ระหว่างนั้นเนย์มาร์ ก็ยังคงเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ไนกี้ต่อไป โดยเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ที่ช่วยโปรโมตแคมเปญฟุตบอลโลกหญิง 2019 และเกิดการย้ายทีมบันลือโลกจากบาร์เซโลนาไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัวสถิติโลกจนถึงปัจจุบัน 222 ล้านยูโร

ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับเนย์มาร์ โดยเขาตกเป็นข่าวว่า ล่วงละเมิดทางเพศกับนางแบบชาวบราซิล ซึ่งในท้ายที่สุดเนย์มาร์หลุดพ้นจากคดีนี้ เพราะไม่มีหลักฐานว่าเนย์มาร์เป็นผู้กระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม การสอบสวนเรื่องนี้ ยังไม่ทันสะเด็ดน้ำ เพราะทางฝั่งเนย์มาร์ ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการสอบสวน ทำให้การสอบสวนไม่สามารถสรุปผลได้ และกลายเป็นต้นทางของการแยกทางระหว่างไนกี้และเนย์มาร์ในที่สุด

ขณะที่โฆษกส่วนตัวของเนย์มาร์ออกมาปฏิเสธและกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นการโจมตีอย่างไม่มีมูลความจริง พร้อมกับย้ำด้วยว่าการแยกทางระหว่างไนกี้และเนย์มาร์เป็นเพราะเหตุผลทางการค้าเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง

ทางด้านฮิลารี เครน ที่ปรึกษาของไนกี้ เปิดเผยว่า สาเหตุที่หนึ่งปีก่อน ไนกี้ ไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมาสู่สาธารณะ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนักที่จะกล่าวหาเนย์มาร์ โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน

แน่นอนว่า การตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเนย์มาร์ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะในเวลานี้ ทุกธุรกิจในอเมริกา กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการคิดใหม่ (rethinking) นับตั้งแต่เกิดแฮชแท็ก #MeToo ที่จุดประกายการเคลื่อนไหวของผู้ที่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ และไนกี้ก็ยืนยันว่า สิ่งนี้เป็นค่านิยมที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

...

ความเคลื่อนไหวจากฝั่งเนย์มาร์

เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของพูมา
เนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของพูมา

นอกเหนือจากการออกมาตอบโต้ของโฆษกส่วนตัวของเนย์มาร์ คนแรกที่ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ก็คือ เนย์มาร์ ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อ ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของลูกชาย โดยเขากล่าวกับโฟลฮา เด เซา เปาโล หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในบราซิล เขากล่าวด้วยความรู้สึกแปลกใจ และลูกชายของเขาไม่รู้จักผู้หญิงคนดังกล่าวด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ สาเหตุที่เนย์มาร์ ซีเนียร์ สามารถยืนยันได้ว่าลูกชายของเขาไม่รู้จักกับผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายนั้น เป็นเพราะว่าเนย์มาร์ ซีเนียร์ เป็นตัวแทน (Agent) ของเนย์มาร์ จูเนียร์ ผู้ลูก จึงทำให้เขาสามารถบอกได้ว่า มีพนักงานหรือทีมงานคนใดเข้ามาข้องแวะหรือใกล้ชิดกับเนย์มาร์บ้าง

ขณะที่ฝั่งเนย์มาร์ ก็ออกมาชี้แจงประเด็นนี้ ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว มาพร้อมกับรูปภาพรอยสัก และข้อความยาวเหยียดเป็นภาษาโปรตุเกส ซึ่งสรุปแบบพอเก็บใจความได้ว่า เนย์มาร์ ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง พร้อมเรียกร้องให้ไนกี้ เปิดเผยเอกสารการสืบสวน และในขั้นตอนการสืบสวนที่ผ่านมา เขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่รู้จักกับผู้หญิงคนดังกล่าวด้วยซ้ำ

ขณะที่พูม่า ซึ่งเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ที่เซ็นสัญญากับเนย์มาร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

...

ความเคลื่อนไหวฝั่งปารีส แซงต์ แชร์กแมง

เปแอสเช ต้องคิดหนักก่อนออกแถลงการณ์ประเด็นของเนย์มาร์
เปแอสเช ต้องคิดหนักก่อนออกแถลงการณ์ประเด็นของเนย์มาร์

ทางด้านปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้นสังกัดของเนย์มาร์ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมา เป็นที่เข้าใจว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนที่จะออกแถลงการณ์ใดๆ ออกมา เพราะในด้านหนึ่ง ไนกี้ ก็ถือได้ว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญของปารีส แซงต์ แชร์กแมง อย่างยาวนาน และในปัจจุบัน แบรนด์ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ทำงานร่วมกับไนกี้

อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่เปแอสเช จะเลือกสอบถามประเด็นการล่วงละเมิดของเนย์มาร์ โดยการพูดคุยกับไนกี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มากพอสำหรับการแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็เป็นนักเตะในสังกัดของพวกเขาเอง ไม่ว่าอย่างไร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้องคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ แม้ว่าในความเป็นจริง ปัญหาที่ว่านี้ จะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เนย์มาร์ จะย้ายมาอยู่กับทีมเมืองหลวงแห่งฝรั่งเศสก็ตาม

...

กราฟิก: Sathit Chuephanngam

อ้างอิง