เงื่อนปมตื้นลึกหนาบางใน สำนักงานประกันสังคม โดยเฉพาะความไม่ชอบมาพากลที่ไปตั้ง กองทุนทรัสต์ ขึ้นมา เพื่อลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด จากงบประมาณจำนวน 1 หมื่นล้านบาท ใช้เงินไปแล้วเกือบ 7 พันล้านบาท เคยมีข่าวฉาวหลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง อาทิ ไปซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในช่วงวิกฤติโควิด หรือที่กำลังมีข่าวฮือฮา จากการออกมาลากไส้ของ รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน ตื่นเต้นเร้าใจกว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ที่ทำท่าว่าจะล่มปากอ่าว การนำเงินไปซื้อบริษัทเอกชน ที่มีหนี้สินเป็นพันล้าน และสังคมกำลังสงสัยว่าเอื้อประโยชน์ใครกันแน่ กลายเป็นหนามตำใจผู้เอาประกันตน ที่ไม่สามารถใช้เงินตัวเองได้อย่างชอบธรรม
โยงเอาบิ๊กเนม เด็กหน้าห้อง และอดีตรัฐมนตรี ต่อเป็นจิ๊กซอว์ให้เห็นความเชื่อมโยงในลักษณะทฤษฎีสมคบคิด การใช้อำนาจตัดสินใจในคณะกรรมการลงทุนนอกตลาด จากนั้นเกิดวิวาทะระหว่าง สส.พรรคประชาชนที่ออกมาปูดเรื่องนี้ กับ รมต.ที่ถูกกล่าวถึง อย่างไรก็ตาม รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกฯ กำกับดูแล กระทรวงแรงงาน ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เนื่องจากมีความก้ำกึ่งระหว่างการเมืองกับความขัดแย้ง และการตรวจสอบการทำงานของระบบราชการ
ถ้าจะมองในมุมการเมือง แบบที่คอการเมืองมองกัน ภูมิใจไทย ถูกดิสเครดิตโดย พรรคประชาชน แต่ เพื่อไทย ได้ประโยชน์ ทำนองยืมดาบฆ่าคน การเมืองไทยล้ำลึกเกินกว่าจะคาดเดา
ผลกระทบจะตกอยู่กับผู้เอาประกันตนเต็มๆ ปัจจุบันจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 มีอยู่จำนวน 24,776,234 ราย แบ่งเป็นตาม มาตรา 33 ลูกจ้างในสถานประกอบการ 12,057,371 ราย ซึ่งจะถูกหักเงินเข้าประกันสังคม 5% ของค่าจ้าง เช่นฐานเงินเดือน 15,000 บาท จะถูกหักเดือนละ 750 บาท ผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจมีอยู่ 1,707,832 ราย ได้รับสิทธิประโยชน์ ใกล้เคียงกับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ยกเว้นการว่างงาน และผู้ประกันตน ตามมาตรา 40 เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ อีก 11,011,031 ราย ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่เป็นปัญหาคาใจคือ ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่มาเข้าประกันตนตามมาตรา 40 จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ถือว่าเป็นผู้ประกันตนใหม่ทำให้จำนวนเงินและเวลาสะสมจากการส่งประกันตนตามมาตรา 39 ต้องเสียสิทธิไปทันที
...
ปัญหาก็คือการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมจากระบบประกันสังคมไปลงทุน โดยมีความเสี่ยงสูงและไม่ผ่านการตัดสินใจหรือการมีส่วนร่วมของผู้เอาประกันตนส่วนใหญ่ หรือบอร์ดประกันสังคมชุดต่างๆ สัดส่วนของตัวแทนจำนวนผู้เอาประกันกว่า 24 ล้านคน ยังอยู่ภายใต้ระบบราชการที่ไม่เป็นอิสระและมีความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการ รวมทั้งเกิดช่องว่างในการเกิดการทุจริตเชิงนโยบายตามมา ชาวบ้านตาดำๆรับกรรมไปตามระเบียบ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม