นายกรัฐมนตรีของแคนาดาประกาศมาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจะเก็บภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ 25%
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย. 2568 นายมาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศว่าพวกเขาจะเก็บภาษีในอัตรา 25% ต่อรถยนต์ทุกคันที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (CUSMA) ซึ่งแคนาดา, สหรัฐฯ และเม็กซิโกทำร่วมกัน โดยจะไม่ส่งผลต่อชิ้นส่วนรถยนต์ และรถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโก
“การกระทำของประธานาธิบดี (ทรัมป์) กำลังมีผลสะท้อนต่อเนื่องที่นี่ ในแคนาดา และทั่วโลก” นายคาร์นีย์กล่าวในงานแถลงข่าว “การกระทำทั้งหมดนั้นไม่ชอบธรรม, ไม่มีเหตุอันควร และชี้นำในทางที่ผิด ตามความคิดของเรา”
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแคนาดาเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ จัดงานแถลงข่าวที่โรส การ์เดน ของทำเนียบขาว ประกาศและลงนามบังคับใช้มาตรการเก็บ "ภาษีพื้นฐาน" (baseline tariff) ในอัตรา 10% ต่อสินค้าทั้งหมดจากทุกประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ โดยจะเริ่มในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากนั้น นายทรัมป์ยังประกาศจะเก็บ "ภาษีต่างตอบแทน" (reciprocal tariff) ต่อหลายสิบประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลทางการค้าด้วยมากที่สุด โดยจะเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศเหล่านี้ในอัตราครึ่งหนึ่งจากอัตราภาษีที่ประเทศเหล่านี้ตั้งไว้ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ (รวมภาษีพื้นฐานแล้ว) เริ่มในวันที่ 9 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
ขณะที่มาตรการเก็บภาษีรถยนต์ผลิตนอกประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% เริ่มมีผลบังคับใช้ไปแล้วหลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันที่ 2 เม.ย. ตามเวลาสหรัฐฯ และส่งผลต่อแคนาดาทันที โดยโรงงานสเตลแลนติส ในเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนแทริโอ จะถูกปิดทำการเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์หน้า กระทบลูกจ้างกว่า 3,600 คน
...
และถึงแม้แคนาดาจะรอดพ้นจากภาษีต่างตอบแทนที่นายทรัมป์ประกาศ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี 3 ชุดที่สหรัฐฯ บังคับใช้ก่อนหน้านี้ ได้แก่การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาบางส่วนในอัตรา 25%, เก็บภาษีเหล็กกล้ากับอะลูมิเนียมทั้งหมด 25% และภาษีรถยนต์
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : the guardian