กูรูเศรษฐศาสตร์ วิเคราะห์ ปัญหาเศรษฐกิจ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ถึง อิสราเอลฮามาส ห่วง ระบบเศรษฐกิจมหภาค อาจก่อวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลก...
ถึงวันนี้ สงครามระหว่าง “รัสเซีย” และ “ยูเครน” ยังคงไม่จบ ขณะที่ สมรภูมิในตะวันออกกลาง ระหว่าง “อิสราเอล” และ “ฮามาส” ก็ยิ่งดุเดือด ทั้งอาวุธสงคราม และขีปนาวุธ ยิงถล่มสาดใส่กัน ทำให้ผู้บริสุทธิ์ ก็คือ ประชาชนทั้งสองฝ่าย และแรงงานที่เข้าไปทำงานกลายเป็นเหยื่อสงคราม
เมื่อหันมาดูสภาพเศรษฐกิจโลก เวลานี้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ดีขึ้น... จากพิษสงครามรัสเซียยูเครน เมื่อมาเจอ กับอีกสมรภูมิในตะวันออกกลาง จะส่งผลแค่ไหน...ระบบเศรษฐกิจด้านใด จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของไทย จะมาฉายภาพสะท้อนให้ได้คิดตาม...
...
ผลพวง 2 สมรภูมิ รัสเซีย-ยูเครน ถึง อิสราเอล-ฮามาส
รศ.ดร.สมภพ วิเคราะห์ว่า เราต้องติดตาม สงครามระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส ของปาเลสไตน์ ว่าบานปลายหรือไม่ ถ้ามีการบานปลายขยายวง มีเลบานอน อิหร่าน หรือ อีกหลายชาติในตะวันออกกลาง เข้ามาร่วม ระบบเศรษฐกิจโลกก็อาจจะกระทบ เพราะมันคือ “เรื่องใหญ่”
ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ สหภาพยุโรป เนื่องจากเดิมทีก็มีปัญหาเรื่อง “รัสเซีย” อยู่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นพลังงาน การซื้อก๊าซ จากรัสเซียได้ ด้วยเหตุนี้ จึงหันมาพึ่งพากับตะวันออกกลาง หากในตะวันออกกลางมีปัญหารุนแรง “ยุโรป” จะเดี้ยงทันที!
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ สรุปสั้นๆ เป็นภาษาพูด...
คำว่า “เดี้ยง” หรือ “แย่” นั้น จะขนาดไหน รศ.ดร.สมภพ ขยายความว่า เนื่องจากสภาพยุโรป มีระบบเศรษฐกิจ มากกว่า 20% ของโลก มีบทบาทไปทั่วโลก ดังนั้น เมื่อยุโรปมีปัญหาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ ในตะวันออก ก็จะทำมันหนัก
เนื่องจาก ที่ผ่าน เสียสมดุลอยู่แล้ว โดยสิ่งแรกที่จะตามมาคือ วิกฤตการณ์เศรษฐกิจมหภาค เช่น ปัญหาเงินเฟ้อ จะเฟ้อหนักขึ้น เวลานี้มีความพยายามในการควบคุม ซึ่งก็สามารถทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าที่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาระบบพลังงาน และโลจิสติกส์ ปัญหานี้ จะกลับมามีปัญหาหนักหน่วงกว่าเดิม จากเดิมที่เคยมีปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเริ่มทุเลาลง แต่เมื่อถูกกระพือขึ้นมาอีกครั้ง มันจะเลวร้ายกว่าเดิม เพราะ “เฟด” จากเดิมที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ ก็ทำให้กลับมาคิดและอาจจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก และทั่วโลกก็จะขึ้นดอกเบี้ยตาม สหรัฐฯ
สำหรับ เศรษฐกิจมหภาค ที่จะต้องเปลี่ยนตามมา ประกอบด้วย
1.นโยบายการเงิน การคลัง : เดิมมีข้อจำกัดอยู่แล้ว จะมีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น ภาระดอกเบี้ยจะสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ “แหล่งเงินทุน” ได้รับผลกระทบทั้งหมด
“ใครที่ไปกู้เงินธนาคารอยู่แล้ว ภาระดอกเบี้ยก็จะเพิ่ม... นโยบายการคลัง จะมีการก่อหนี้ได้ยากขึ้น เพราะหากจะก่อหนี้ ต้นทุนจะแพงมหาศาล รัฐบาล หรือ เอกชน จะออกพันธบัตรมาขาย จะขายไม่ออก ขนาดของสหรัฐอเมริกา ก็ยังขายไม่ได้เลย ส่งผลให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือของนโยบายการเงินการคลัง มากอบกู้เศรษฐกิจเหมือนภาวะปกติได้”
2.ระบบโลจิสติกส์ทั่วโลกได้รับผลกระทบ : เนื่องจากราคาพลังงานจะเพิ่มขึ้น การค้าต่างๆ จะไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะการเดินทาง จะไม่ปลอดภัย ดังนั้น เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จำเป็นต้องไปถึงสนามบินล่วงหน้าหลายชั่วโมง คล้ายกับตอนเหตุการณ์ 911
“โลจิสติกส์ การค้าต่างประเทศ โลจิสติกส์ ของคนที่จะเดินทาง ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ หรือ นักท่องเที่ยวก็ตาม”
...
3.อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราผันผวน : ส่งผลต่อการค้าต่างประเทศ ได้รับผลกระทบหนัก
สิ่งที่ไม่อยากเจอ และไม่อยากเห็นเลย จากสงคราม 2 สมรภูมิ สำหรับในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ คือ โลกจะเสียศูนย์ทางเศรษฐกิจมาก หากสงครามหนักหน่วงรุนแรงมาก มันอาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด นี่คือ นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนกลัว โดยเฉพาะปัญหาการค้าระหว่างประเทศ ตลาดเงิน ตลาดทุน
โลกจับตา “ไบเดน” เยือน อิสราเอล
ส่วนตัว รศ.ดร.สมภพ ตั้งข้อสังเกตว่า หากส่งรัฐมนตรีต่างประเดินทางมาอิสราเอล ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ “โลก” ต้องจับตา แต่นี่... “โจ ไบเดน” เดินทางมาที่อิสราเอล ฉะนั้น คงต้องรอดูว่า “สหรัฐฯ” จะเอายังไงกับศึกนี้ ประเมินและมอง “ตะวันออกกลาง” อย่างไร มีใจที่อยากกลับคืนสู่ภูมิภาคนี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา สหรัฐฯ เสียศูนย์ ไปเยอะ ให้กับจีนและรัสเซีย
“ถ้าสหรัฐฯ ต้องการกลับมาในพื้นที่ตะวันออกกลาง ก็คงอยากให้ปั่นป่วนต่อ แม้ว่าเขาจะได้ประโยชน์จากสงคราม แต่ผลกระทบที่ตามมา สุดท้ายก็อาจจะกลับไปที่อเมริกา ต้องคิด “สะระตะ” (เก็ง หรือ คาดหมาย โดยยึดเค้าเดิมเป็นหลัก)
...
ข้อสำคัญ ปัญหาภายนอกประเทศเวลานี้ ถูกนำเข้าไปบริหารทางการเมืองในสหรัฐฯ ด้วย เพราะจะมีการเลือกตั้งภายใน 1 ปีข้างหน้า เนื่องจากฐานคะแนนเชื้อสาย “ยิว” ในสหรัฐฯมีมาก นี่เอง เป็นสาเหตุให้ไบเดน ต้องแสดงบทบาท ยังไม่รวมกลุ่มคนชาวยิว ที่มีจำนวนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้ปัญหาที่ซับซ้อน เสียศูนย์อยู่แล้ว แก้ปัญหาได้ยากขึ้น...
เมื่อถามว่า ประเทศจีน ทำไมจีนถึงแสดงบทบาทน้อยในสงครามนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ และจีน ระบุว่า จีนเองมีตัวแทนอยู่ในทุกประเทศอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ จีน เขาไม่กระโตกกระตาก เพราะเขารู้แล้วว่า เรื่องทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับทาง “สหรัฐฯ” จะเอาอย่างไร หากสหรัฐฯ เลือกทางไหน หลายๆ ชาติก็ต้องคล้อยตาม
“คนที่มีเชื้อสายยิว และเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในชาติเขา มีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะในระบบ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง มันขึ้นอยู่กับศูนย์กลางอำนาจของโลกจะเอาอย่างไรกับสงครามนี้”
ขณะที่ “จีน” สามารถออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่า “อิสราเอล” ทำบางเรื่องเกินเลยหรือไม่ สุ่มเสี่ยงกับการผิดกฎมนุษยธรรมหรือไม่ โดยต้องใช้กลไก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เป็นการแก้ปัญหา
...
เหตุสลด ถล่ม รพ. กับ หนทางเจรจา โดย 3 มหาอำนาจ
รศ.ดร.สมภพ กล่าวว่า การที่ “ฮามาส” บุกอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และอิสราเอล เปิดสงคราม เอาคืน มันก็ถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่...กรณี ถล่มโรงพยาบาล เป้าหมายอ่อนแอ ซึ่งเป็นประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเจรจา หรือ ทางลงของทุกฝ่ายได้ เพราะความสูญเสียครั้งนี้มันทำให้ภาพลักษณ์ของสงครามนี้เสียหาย โดยเฉพาะฝั่ง “อิสราเอล”
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย จะจบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ของประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐฯ เวลานี้โลก ได้แบ่งเป็น 2 ขั้ว 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ส่วนตัวเชื่อว่ายังไม่ยุติได้โดยง่าย ฉะนั้น สิ่งสำคัญ คือ การบริหารจัดการ ฉะนั้น หากมองลึกไป เราจะรู้ว่า สงครามอิสราเอล-ฮามาส ปัญหาไม่ได้มีแค่คู่ขัดแย้ง แต่ตัวแปรสำคัญ คือชาติมหาอำนาจอื่นๆ อันได้แก่ สหรัฐฯ จีน และ รัสเซีย
สงครามในอิสราเอลนี้ ทางรัสเซีย ค่อนข้างดูดีกว่าชาติอื่นๆ เพราะ “รัสเซีย” สามารถคุยกับคู่ขัดแย้งได้ กับอิสราเอล ทางรัสเซีย ก็คุยกับ นายกฯ เนทันยาฮู ได้ เพราะ คนที่อยู่ในอิสราเอล เชื้อสายยิว จำนวนมาก เดินทางกลับมาจากรัสเซีย เพราะตอนที่ก่อตั้งชาติ มีการระดมคนเชื้อสายยิว จากทั่วโลกมาสร้างชาติ และคนจำนวนมากมาจากรัสเซีย และสหภาพโซเวียต เนื่องจากเป็นแหล่งเดียว ที่ชาวยิวไปหลบภัยได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ ทาง “ปูติน” เคยพูดว่า ครั้งหนึ่งคนอิสราเอลเหล่านี้ คือ พลเมืองของรัสเซีย หรือ โซเวียตมาก่อน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อิสราเอล รู้สึกว่า รัสเซียไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ ในตะวันออกกลาง ของรัสเซียก็ดีมาก โดยเฉพาะเรื่อง “โอเปก พลัส”
ดังนั้น หากประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 ประกอบด้วย จีน สหรัฐฯ และรัสเซีย คุยกันได้ สงครามในฉนวนกาซา อาจจะจบ อย่างน้อย จีนกับสหรัฐฯ ต้องคุยกัน เนื่องจาก รัสเซีย-สหรัฐฯ ยังมีปัญหากันอยู่ ในสงครามยูเครน
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน