เรียกว่าเป็น “ครอบครัวฆาตกร” ก็คงไม่เกินไปนัก สำหรับคดีฆาตกรรม “แอบบี้ ชอย” นางแบบสาวชื่อดัง ชาวฮ่องกง วัย 28 ปี ที่ถูกครอบครัวอดีตสามี ลวง ฆ่า หั่นศพ ต้มซุป หวังอำพรางคดี
ตำรวจฮ่องกง เปิดเผยว่า คดีนี้สามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ทุกคนแล้ว ประกอบด้วย นายอเล็กซ์ ควอง อดีตสามี พ่อ และพี่ชาย ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ส่วน แม่นายควอง ถูกตั้งข้อหา “ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม” และยังมี หญิงแซ่ “อึ้ง” คนรักคนใหม่ของ พ่อนายควอง ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวโยงด้วย
มีรายงานว่า แอบบี้ ชอย ถูกฆ่าหั่นศพอย่างเหี้ยมโหด เนื่องจากเธอเกิดทะเลาะโต้แย้งกับอดีตสามีและครอบครัวของอดีตสามี เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่านับ 100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 444 ล้านบาท ซึ่ง แอบบี้ ชอย มีแผนจะขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
อลัน ชุง ผู้กำกับสำนักงานตำรวจฮ่องกง กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ แอบบี้ ชอย มีการเตรียมแผนฆาตกรรมไว้ล่วงหน้า และมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยมีบางคนไม่พอใจที่ แอบบี้ ชอย จะขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่ามหาศาลนี้ของเธอ
...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ชวน ศ.พล.ต.ท.ดร.พิศาล มุขแจ้ง หัวหน้าอาจารย์วิชาอาชญาวิทยาโรงเรียนนายร้อยสามพราน มาร่วมวิเคราะห์คดี
ศ.พล.ต.ท.ดร.พิศาล เริ่มบทสนทนาว่า การก่อเหตุครั้งนี้มีการวางแผนการมาเป็นอย่างดี โดยให้อดีตสามีล่อหลอกไปที่หมู่บ้านในเขต Tai Po ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ เปรียบเสมือนหมู่บ้านที่มี “โรงเชือด” หรือ โรงฆ่าสัตว์จำนวนมาก ฉะนั้น อุปกรณ์สำหรับใช้การเลื่อยหรือตัดกระดูก เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปในหมู่บ้านนี้
เป้าหมายในการฆ่าครั้งนี้ มีความชัดเจน คือ ประสงค์ต่อทรัพย์สิน เพราะเธอเป็นคนดังและมีทรัพย์สินมาก โดยเฉพาะ “บ้าน” ที่เธอให้ครอบครัวอดีตสามีอยู่ และวันนี้เธอต้องการนำไปขาย
ประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง คือ “แอบบี้ ชอย” ไม่ได้จดทะเบียนสมรสใหม่ ฉะนั้น หากเธอเป็นอะไรขึ้นมา ทรัพย์สินทุกอย่างก็จะตกเป็นของ “ลูก” ซึ่งอยู่ในความดูแลของอดีตสามี
“เชื่อว่า เรื่องนี้อยู่ในแผนการทั้งหมดด้วย ซึ่งตามรายงานข่าวพบว่า แผนฆาตกรรม “แอบบี้ ชอย” ถูกวางเอาไว้ 1 เดือนก่อนลงมือ”
ความเหี้ยมผิดมนุษย์ ในครอบครัวฆาตกร
ศ.พล.ต.ท.ดร.พิศาล ตั้งข้อสังเกตว่า ความผิดปกติของคดีนี้ คือ การร่วมมือกันของทั้งครอบครัว พ่อแม่ พี่ชาย และนายควอง
แปลกไหม...ที่ไม่มีใครคิดจะห้ามปรามเลยหรือ คนที่เป็นแม่ ปกติแล้วผู้หญิงจะไม่ชอบความรุนแรง แต่กลายเป็นว่าสนับสนุน ทั้งพี่ชาย และพ่อ...ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของครอบครัวนี้ไม่มีเลยหรือ
ข้อสังเกต คือ การกระทำดังกล่าว คล้ายดั่งครอบครัวอาชญากร ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่จะเป็นไปได้ ถามว่ามีไหม...ที่เป็นอาชญากรทั้งครอบครัว คำตอบก็คือ มี เช่น พ่อเป็นโจร แม่เป็นโจร ลูกก็ยังเป็นโจร
หรือการลงมือฆ่า ปกติแล้วในไทยก็มักจะเป็นผัวฆ่าเมีย คำถามคือ เวลาผัวจะฆ่า จะไปบอกพ่อแม่ไหม...ก็มีน้อยมาก
ฉะนั้น คดีแบบนี้จึงแทบไม่เคยเห็น อีกทั้ง “พ่อ” ก็เป็นอดีตตำรวจ น่าจะได้รับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมบ้าง แต่นี่กลับกลายเป็นว่า เป็นคนวางแผนลงมือเสียเอง
ฆ่า หั่นศพ ต้มซุป วิธีการเหี้ยมที่เคยเกิดขึ้น
สำหรับเหตุผลในการฆ่า หั่นศพ ต้มซุป ศ.พล.ต.ท.ดร.พิศาล ให้มุมมองว่า ข้อมูลตามข่าวที่ระบุว่า พ่อที่เป็นอดีตตำรวจเป็นคนวางแผนทั้งหมด ฉะนั้นเชื่อว่า พ่อเองอาจจะเคยเรียนรู้วิธีการซ่อนอำพรางศพ และหวังว่ามันจะไม่มีร่องรอยให้หาเจอได้
...
วิธีการต้มซุป ก็คือ เป็นการปกติในการทำอาหารจีนอยู่แล้ว ฉะนั้น เมื่อมีการต้มจนเป็นซากแล้วเอาไปทิ้งขยะ อาจจะไม่ก่อให้เกิดความสงสัย ซึ่งถือเป็นวิธีการทำลายศพอย่างหนึ่ง และเขาก็ค่อยๆ ทำลายศพไปทีละนิด แต่ก็มีบางส่วน เช่น กะโหลก หรือ กระดูกชิ้นใหญ่ๆ จะเป็นส่วนที่อำพรางได้ยาก
“วิธีการนี้ ถือเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยม ผ่านการเรียนรู้ ซึ่งคดีนี้คล้ายกับคดีที่เคยเกิดขึ้น ในฮ่องกง เมื่อปี 2013 คือ ลูกชายคนหนึ่งหลอกล่อพ่อแม่ตัวเองมาฆ่า โดยมีเพื่อนให้ความร่วมมือ เมื่อฆาตกรรมเสร็จแล้ว ก็เอาชิ้นส่วนต่างๆ มาต้ม บางส่วนก็เก็บไว้ในตู้เย็น และจากคดีนี้เอง มีบริษัทหนังเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อเรื่อง THE SPARRING PARTNER ฉายเมื่อปี 2022”
3 ปัจจัย ชนวนความรุนแรงในครอบครัว
...
กูรูด้านอาชญาวิทยา ระบุว่า ปกติแล้วความรุนแรงในครอบครัว ส่วนมากมาจาก... 1. หึงหวง 2. อารมณ์ชั่ววูบ บันดาลโทสะ และ 3. ทรัพย์สมบัติ
แต่กรณี “แอบบี้ ชอย” นี่คือ เข้าในข้อ 3 คือ การวางแผนและตั้งใจฆาตกรรม เพื่อเอาทรัพย์สมบัติ
อาชญากรรมในฮ่องกง ไม่แตกต่างจากประเทศจีน ซึ่งมาเฟียฮ่องกงหรือจีน มักลงมือเหี้ยม ตัดแขน ขา โดยการลงมือประทุษกรรม เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกรงกลัว
"สิ่งที่อยากจะฝากไว้ คือ การระมัดระวังในการนำเสนอข่าว เพราะข่าวแบบนี้ จะส่งผลต่อการ “เลียนแบบ” และเหตุการณ์แบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งถือเป็นคดี “วิปริต” คดีหนึ่ง ที่ครอบครัวหนึ่งจะร่วมมือร่วมใจฆ่าคน หั่นศพ อำพรางคดีด้วยการนำมาต้ม ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น" ศ.พล.ต.ท.ดร.พิศาล กล่าว
สิ่งที่ต้องค้นหาต่อ คือ อะไรคือแรงจูงใจ ที่ทำกันขนาดนี้ นอกจากเรื่อง “สมบัติ” เช่น มีประเด็นอะไรทำให้โกรธแค้น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
อ่านบทความที่น่าสนใจ
...