วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566 นาฬิกาวันสิ้นโลก (Doomsday Clock) ถูกปรับตั้งเวลาใหม่ เป็น 90 วินาที ก่อนเที่ยงคืน!
เป็นเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก เข้าใกล้วันโลกาวินาศมากที่สุด ตั้งแต่กำเนิดของนาฬิกาวันสิ้นโลก เมื่อ 76 ปีก่อน
“เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้ ขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จักกับนาฬิกาวันสิ้นโลกให้ดีขึ้น ไปดู “ความหมาย” ของนาฬิกาวันสิ้นโลกครั้งล่าสุด ไปดูว่า นาฬิกาวันสิ้นโลก “สะท้อน ความจริง” ของสถานการณ์โลก แค่ไหน? และไปดูว่า ผู้ไม่เห็นด้วยกับนาฬิกาวันสิ้นโลก กล่าวถึง นาฬิกาวันสิ้นโลกอย่างไรกันบ้าง?
ที่สโมสรผู้สื่อข่าวแห่งชาติ (National Press Club) กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ผู้สร้างและตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก มาตามนัด แถลงข่าวการปรับตั้งเวลาใหม่ ของนาฬิกาวันสิ้นโลก ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นประเพณี ประกาศการปรับตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก ในเดือนมกราคมของทุกปี
เวลาใหม่คือ หนึ่งนาทีครึ่ง หรือ 90 วินาที ก่อนเที่ยงคืน
เร็วขึ้นจากเมื่อ สามปีก่อนต่อเนื่อง (พ.ศ. 2563, 2564, 2565) เป็นเวลา 10 วินาที (จาก 100 วินาทีก่อนเที่ยงคืน)
...
กำเนิดของนาฬิกาวันสิ้นโลก!
เมือปี พ.ศ. 2488 หลังการทิ้งระเบิดอะตอม ใส่เมืองฮิโรชิมา และ นางาซากิ ไอน์สไตน์ และคณะนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ผู้มีส่วนร่วมในโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) สร้างระเบิดอะตอมได้สำเร็จ
แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่นำระเบิดอะตอมไปใช้ทำลายชีวิตมนุษย์โดยตรง .........
ได้ร่วมกันตั้ง “Bulletin of the Atomic Scientists” เป็น “จดหมายข่าวของนักวิทยาศาสตร์อะตอม” เพื่อรณรงค์ต่อต้านการนำระเบิดอะตอม หรือพลังงานอะตอม ไปใช้คุกคามมนุษยชาติ
สองปีต่อมา (พ.ศ. 2490) “จดหมายข่าวของนักวิทยาศาสตร์อะตอม” ก็สร้าง “นาฬิกาวันสิ้นโลก” เป็นหน้าปัดสัญลักษณ์นาฬิกาแสดงช่วงเวลาระหว่าง 23.45 น. ถึง เที่ยงคืน และ “จดหมายข่าว” Bulletin of the Atomic Scientists ก็พัฒนาเป็น “magazine” (นิตยสาร) เต็มตัว แต่ยังใช้ชื่อ “Bulletin of the Atomic Scientists” ถึงทุกวันนี้
จดหมายข่าว Bulletin of the Atomic Scientists ตีพิมพ์ในรูปแบบของ “นิตยสาร” เต็มตัวฉบับแรก เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2490 บนปกแสดงภาพสัญลักษณ์นาฬิกาวันสิ้นโลก เข็มนาฬิกาชี้ที่เวลา 7 นาที ถึงเที่ยงคืน หรือเวลา 23.53 น. เป็นเวลาเตือนระดับภัยจาก การคุกคามของ อาวุธนิวเคลียร์ ต่อมนุษยชาติ
ภัยคุกคาม ที่มาจากความพยายามของประเทศต่างๆ ในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง
ปี พ.ศ. 2490 สหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศเดียวที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นประเภท ระเบิดอะตอม จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน (fission) ในขณะที่ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัสเซีย (สหภาพโซเวียต เวลานั้น), อังกฤษ, ฝรั่งเศส และจีน กำลังทุ่มเทความพยายามเต็มที่ในการสร้าง ระเบิดนิวเคลียร์ของตน
จนกระทั่งถึง ปี พ.ศ. 2492 สหภาพโซเวียต ก็เป็นประเทศที่สอง ที่ประสบความสำเร็จในการทดลอง ระเบิดอะตอม
ตามด้วย ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่สาม (พ.ศ. 2495) ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่สี่ (พ.ศ. 2503) และ จีน เป็นประเทศที่ห้า (พ.ศ. 2507)
แล้วก็มี ระเบิดนิวเคลียร์ ที่รุนแรงกว่า ระเบิดอะตอม คือ ระเบิดไฮโดรเจน หรือ ระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชัน (fusion)
สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศแรก ประสบความสำเร็จในการทดลอง ระเบิดไฮโดรเจน เมื่อปี พ.ศ. 2495 ตามมาติดๆ ด้วย สหภาพโซเวียต ในปี พ.ศ. 2496 อังกฤษ ใน ปี พ.ศ. 2500 จีน ในปี พ.ศ. 2510 และฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2511
ถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2566) มีประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ รวม 8 ประเทศ เพิ่มจาก 5 ประเทศที่กล่าวถึงไปแล้วอีก 3 ประเทศ คือ อินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ยังมีอีกหนึ่งประเทศที่ยังไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการว่า มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่เป็นที่ “เข้าใจ” หรือ “ทราบกัน” ว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ คือ อิสราเอล
...
จากภัยนิวเคลียร์ มานับรวมภัยจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเทคโนโลยีใหม่ สร้างความปั่นป่วนสูง!
หลังกำเนิดนาฬิกาวันสิ้นโลก เมื่อปี พ.ศ. 2490 เป็นเวลา 60 ปี คือ ถึงปี พ.ศ. 2550 คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ก็เพิ่มปัจจัยมีผลต่อ การปรับตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลกขึ้นมาอีก หนึ่งปัจจัย คือ “climate change” หรือ “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”
ต่อจากนั้นมาอีก คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ก็เพิ่มปัจจัยมีผลต่อ การตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก เพิ่มขึ้นอีก สองปัจจัย คือ “การคุกคามทางชีวภาพ” (biological threat) และ “เทคโนโลยีสร้างความปั่นป่วน” (disruptive technology)
การคุกคามทางชีวภาพ จากเทคโนโลยีสร้างความเปลี่ยนแปลง และชีวิตรูปแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อดัดแปลงยีน หรือ “gene editing” ที่มนุษย์กำลังถูกจับตามองว่า “ กำลังพยายามทำตัวเป็นพระเจ้า” และการคุกคามทางชีวภาพจากโรคระบาดใหญ่ ดังเช่น การระบาดของโควิด-19
เทคโนโลยีสร้างความปั่นป่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถสร้างความปั่นป่วนอย่างมหาศาลต่อมนุษย์บนโลก ด้วย ข้อมูล-ข่าวสารปลอม และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ด้วย อาชญากรรมไซเบอร์
...
ใครเป็นคนปรับตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก?
เมื่อแรกเริ่ม การบริหารจดหมายข่าว ของนักวิทยาศาสตร์อะตอม และการปรับตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก เป็นการทำงานในลักษณะ องค์กรแบบไม่ซับซ้อน ทั้งในส่วนของการจัดการ กับจดหมายข่าวหรือ นิตยสาร Bulletin of the Atomic Scientists และการปรับตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก
มาถึงปัจจุบัน Bulletin of the Atomic Scientists เป็นองค์กรมีระบบการบริหารจัดเจน โดยมี ราเชล บรอนสัน (Rachel Bronson) เป็นประธาน (President) และผู้บริหารสูงสุด (CEO)
กำหนดเวลาการประกาศตั้งเวลาใหม่ ของนาฬิกาวันสิ้นโลก ก็กำหนดชัดเจน เป็นปีต่อปี โดยในปัจจุบัน กำหนดเป็นภายในเดือนมกราคม ของทุกปี
การปรับตั้งเวลาใหม่ของ นาฬิกาวันสิ้นโลก เป็นหน้าที่ของ “คณะกรรมการบริหารวิทยาศาสตร์และความมั่นคง” (Science and Secuelty Board) ซึ่งจะมีการประชุมอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ปีละสองครั้ง เพื่อพิจารณาปัจจัยและสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเป้าหมายของนาฬิกาวันสิ้นโลก
ในปัจจุบัน คณะกรรมการบริหารวิทยาศาสตร์และความมั่นคง มี เอดมัน จี. บราวน์ จูเนียร์ (Edmund G. Brown Jr.) เป็นประธาน เขาเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย
การปรับตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก คณะกรรมการบริหารวิทยาศาสตร์และความมั่นคง มี “Board of Sponsors” หรือ “คณะผู้สนับสนุน” เป็นที่ปรึกษาหลัก
“คณะผู้สนับสนุน” เป็นคณะผู้เชี่ยวชาญ ตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ. 2491 โดยไอน์สไตน์ เพื่อให้เป็นที่ปรึกษาของการตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก และกิจกรรมต่างๆ ของจดหมายข่าว มี เจ. โรเบิร์ต ออปเป็นไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) เป็นประธานคนแรก
ประธานคณะผู้สนับสนุนคนปัจจุบัน คือ ซีกฟรีด เอส. เฮกเคอร์ (Sigfried S. Hecker ) เป็นนักฟิสิกส์นิวเคลียร์
“คณะผู้สนับสนุน" ปัจจุบัน มีทั้งหมด 32 คน เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลรวม 10 คน
อดีต “ผู้สนับสนุน” ที่รู้จักกันดี เช่น ไอน์สไตน์, ฮานส์ เบเท (Hans Bethe) นักฟิสกส์รางวัลโนเบล, อี. ยู.คอนดอน (E.U. Condon) อดีตนายกสมาคมฟิสิกส์อเมริกัน, สตีเฟน ฮอว์คิง และ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก
...
การแถลงข่าว เวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก 90 วินาที ถึงเที่ยงคืน!
ในวันแถลงข่าว เวลาใหม่นาฬิกาวันสิ้นโลก (24 มกราคม พ.ศ. 2566) บุคคลสำคัญของจดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์อะตอมมากันครบ คือ ประธานและผู้บริหารสูงสุด ของจดหมายข่าว ราเชล บรอนสัน ประธานคณะกรรมการบริหารวิทยาศาสตร์และความมั่นคง เอดมัน จี. บราวน์ จูเนียร์ และประธานคณะผู้สนับสนุน ซีกฟรีด เอส.เฮกเคอร์
แล้วก็ยังมีบุคคลสำคัญจาก “The Elders” (ผู้อาวุโส) พันธมิตรสำคัญของจดหมายข่าว ร่วมแถลงข่าวด้วย
“The Elders” เป็นองค์กรกลุ่มผู้อาวุโส ตั้งขึ้นมาโดย เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) เมื่อปี พ.ศ. 2550 เพื่อรวมสติปัญญาและประสบการณ์ของคนสูงอายุ (รวมกัน เกือบหนึ่งพันปี) ในการช่วยแก้ปัญหาของโลก ที่ดูจะแก้ไม่ได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, โรคเอดส์ และความยากจน และความเป็น (กลุ่ม) คนมีอิสระทางความคิด ในการแก้ความขัดแย้ง ที่ซับซ้อนของโลก
สมาชิกของ “The Elders” ประกอบด้วยบุคคลสำคัญระดับโลก ดังเช่น อดีตนายกรัฐมนตรี, อดีตประธานาธิบดี, ผู้เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรระหว่างประเทศ ดังเช่น สหประชาชาติ มี แมรี โรบินสัน (Mary Robinson) อดีตประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ เป็นประธานคนปัจจุบัน และ บัน กี - มุน (Ban Ki-Moon) อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เป็นรองประธานร่วมกับ กราคา มาเชล (Graca Machel) ภรรยาม่ายของเนลสัน แมนเดลา
ทั้งแมรี โรบินสัน และ บัน กี - มุน ได้ขึ้นเวทีร่วมแถลงข่าว การปรับตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก เป็น 90 วินาที ถึงเที่ยงคืน ด้วย
ทำไมจึงเป็น 90 วินาที ถึงเที่ยงคืน?
โดยภาพรวม ปัจจัยใหญ่ที่สุดถูก “ชี้เป้า” คือ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ซึ่งเริ่มต้นจาก ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ส่งกองทัพรัสเซีย บุกเข้าประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เพื่อปกป้อง “ความเป็นรัสเซีย” และกำจัด “นาซีใหม่” ในยูเครน ที่คุกคามรัสเซีย
แต่ประเทศยูเครน สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป นาโต (NATO) และองค์การสหประชาชาติ ถือเป็นการรุกรานอธิปไตยของ ยูเครนโดยตรง ที่เป็นประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ
รัสเซีย เป็นประเทศใหญ่ มีประชากร 143 ล้านคน มีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก
ยูเครน เป็นประเทศเล็ก มีประชากร 43 ล้านคน เคยมีอาวุธนิวเคลียร์มาก เป็นอันดับสามของโลก แต่ได้ยกเลิกการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด หลัง “ข้อตกลงร่วมกันบูดาเปสต์” (Budapest Memorandum ) ปี พ.ศ. 2537 รับประกันความมั่นคงของประเทศยูเครน ลงนามโดยผู้นำ 5 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, รัสเซีย, คาซัคสถาน และยูเครน
จากความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อต่อไปอีกในปี พ.ศ. 2566 และการประกาศของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่า จะใช้อาวุธ มีผลเชิงยุทธศาสตร์สูง ถ้าจำเป็น ก่อให้เกิดความกังวลว่า สงครามรัสเซีย - ยูเครน อาจจะลุกลามเป็น สงครามโลกครั้งที่สาม และสงครามนิวเคลียร์ ได้
อย่างแน่นอน ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ ก็จะไม่มีประเทศใดเป็นฝ่ายชนะ เพราะทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง จะแพ้กันหมด
สงครามรัสเซีย - ยูเครน มิใช่จะเป็นปัจจัยโดยตรงของภัยนิวเคลียร์ ต่อการปรับตั้งเวลาของ นาฬิกาวันสิ้นโลกเท่านั้น ยังสร้างผลกระทบต่อความพยายามในการ ควบคุม หรือลดการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ของประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์ทุกประเทศ และประเทศที่กำลังพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ดังเช่น อิหร่าน อีกด้วย
จึงมีผลทำให้นาฬิกาวันสิ้นโลก ขยับเข้าใกล้เวลาเที่ยงคืน มากขึ้น
ยังมีอีก ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน คือ ผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน!
คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ชี้ว่า สงครามรัสเซีย - ยูเครน ยังสงผลกระทบต่อความพยายามในการแก้ปัญหาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ โลกร้อน (global warming)
เพราะ สงครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติ และน้ำมัน รวมทั้งผลจากการ “แซงค์ชัน” (sanction) การส่งออกน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ จากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผลิตแก๊สธรรมชาติ และน้ำมัน มากเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ทำให้หลายประเทศที่พยายามลดการใช้ และผลิตแก๊สธรรมชาติ และน้ำมัน กลับไปต้องพยายามผลิตหรือ หาน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติจากประเทศอื่นๆ และจึงส่งผลเชิงลบต่อความพยายามในการควบคุม “แก๊สเรือนกระจก" (greenhouse gas)
ถัดจากการคุกคามของภัยนิวเคลียร์ และ ภาวะโลกร้อน คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ชี้ไปปัจจัยที่สาม ของการปรับตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก คือ เทคโนโลยี หรือภัยคุกคามทางชีวภาพ!
ตัวอย่างที่คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ชี้ออกมา คือ การคุกคามทางชีวภาพ ดังเช่น การระบาดของ โควิด-19 และความผิดพลาดจากทดลองทางชีวภาพในห้องทดลอง รวมไปถึงการกล่าวหาของ รัสเซีย ว่า ยูเครน และสหรัฐอเมริกา กำลังซุ่มเตรียมการเพื่อใช้อาวุธชีวภาพ
ส่วนปัจจัยที่สี่ ต่อการปรับตั้งเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก คือ เทคโนโลยีสร้างความปั่นป่วนสูง (high disruptive technology) คณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม ชี้ว่า ...
ในปี พ.ศ. 2565 ถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไซเบอร์ และ ปัญญาประดิษฐ์ ได้สร้างปัญหาความปั่นป่วนสูงอย่างน่าเป็นห่วง ทั้งในเรื่องของการผลิต และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารปลอม ทั้งของเอกชน และภาครัฐ เป็นอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ผู้ตกเป็นเหยื่อ คือ “ประชาชนทั่วไป” และมีผลต่อความปั่นป่วนระดับโลก
เสียงไม่เห็นด้วย กับ นาฬิกาวันสิ้นโลก!
มิใช่ “ทุกคน” หรือ “ทุกองค์กร” จะเห็นด้วย กับนาฬิกาวันสิ้นโลก
เสียงคัดค้าน มีทั้งจากนักวิทยาศาสตร์ นักคิด นักสื่อข่าว และสำนักข่าว
ตัวอย่างเสียงคัดค้าน มีเช่น ......
• ไม่สมจริง
• ข้อมูลและปัจจัย ใช้ในการปรับตั้งเวลานาฬิกาวันสิ้นโลก หยาบเกินไป ตีความกว้างเกินไป
• ไม่คงเส้นคงวา ใน “ลำดับความสำคัญ” ของปัจจัยเหตุการณ์ปรับตั้งเวลา ดังเช่น วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ระหว่างสหรัฐอเมริกา (จอห์น เอฟ.เคนเนดี) กับ สหภาพโซเวียต (นิกิตา ครุชชอฟ) ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2505 ซึ่งฝ่ายไม่เห็นด้วยกับคณะนักวิทยาศาสตร์อะตอม มองว่า วิกฤติกว่า สงครามรัสเซีย - ยูเครน ....
แต่นาฬิกาอะตอม เมื่อปี พ.ศ. 2505 และ 2506 ถูกตั้งอยู่ที่ 7 นาทีก่อนเที่ยงคืน ห่างไกลจาก เที่ยงคืนมากกว่า ปี พ.ศ. 2566 อย่างมาก
ผู้เขียนยอมรับว่า “นาฬิกาวันสิ้นโลก” ยัง “ปรับปรุงได้อีก” ให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ใหม่ แต่ที่ผ่านมา และที่กำลังเป็นอยู่ “ก็เป็นประโยชน์” เตือนสติของคนทั้งโลก ถึงวิกฤติระดับวันสิ้นโลก ที่จะเกิดจากฝีมือมนุษย์ เป็นสำคัญ
แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไร?
เห็นด้วย กับการปรับตั้งเวลาครั้งล่าสุด ของนาฬิกาวันสิ้นโลก หรือไม่?