ความรู้สึกผลิบานในหัวใจ และคราบรอยรื้นในดวงตาของเหล่า "Red Army" ในวันแห่งความสำเร็จ ของยุทธการหยุดยั้งการเปลี่ยนเมืองแมนเชสเตอร์ให้กลายเป็น “สีฟ้า” ณ เดือนสิงหาคม ปี 2021 ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น “ความตกตื่นและเสียงตัดพ้อ” ว่า มันเกิดอะไรขึ้นในรอบรั้วโอลด์แทรฟเฟิร์ด ที่กำลังถูกประคบประหงมเพื่อรอวันกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ (อีกครั้ง) ของ "เอริก เทน ฮาก" ณ เดือนพฤศจิกายน 2022
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 7 เหตุผล ทำไม "โรนัลโด" จึงคืนถิ่นโอลด์แทรฟเฟิร์ด
“โค้ช (เอริก เทน ฮาก) ไม่มีความเคารพในตัวผม และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เขามักพูดกับสื่อมวลชนว่า เขาพร้อมเข้าหาผม เขาชอบผม และ บลา บลา บลา แต่นั่นคือเฉพาะกับสื่อมวลชน 100% ฉะนั้นเมื่อคุณ (เอริก เทน ฮาก) ไม่เคารพผม ผมก็จะไม่มีวันเคารพคุณ”
...
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เอริก เทน ฮาก ผู้พร้อมเปลี่ยนแปลง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ความสมบูรณ์แบบ
วาทะอันรุนแรงที่พรั่งพรูออกจากปาก “คริสเตียโน โรนัลโด” ลูกรักและสุดยอดนักเตะแห่งความภาคภูมิของเหล่า "Red Army" ที่ ณ วินาทีนี้ คือ นักฟุตบอลที่โลกทั้งโลกกำลังสาดแสงสปอตไลท์เข้าใส่ด้วยความสนใจใคร่รู้ว่า “การแตกหัก” แทบไม่เหลือชิ้นดีจากการออกไปให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “เพียร์ซ มอร์แกน” ในรายการ Piers Morgan Uncensored : 90 Minutes with Ronaldo ทั้ง 2 ตอน จะมีบทสรุปในตอนท้ายออกมาอย่างไร?
CR7 VS เอริก เทน ฮาก :
ประเด็นอะไรบ้างที่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง Boss และ นักเตะอันดับหนึ่งของสโมสรปิศาจแดง?
ฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำลงของโรนัลโด :
จากทั้งหมด 16 นัดที่โรนัลโดลงเล่นให้กับยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 10 นัด ปิศาจแดงทำประตูรวมได้รวมกัน 12 ประตู แต่ในอีก 8 นัด ที่ CR7 ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แมนยูฯ ยิงประตูได้รวมกันถึง 15 ประตู และจนถึงปัจจุบัน สตาร์ดังจากโปรตุเกส ทำได้เพียง 3 ประตู และ 2 แอสซิสต์เท่านั้น
พฤติกรรมของโรนัลโด :
1. ไม่กลับมารายงานตัวเพื่อเข้าร่วมการฝึกซ้อมในช่วงพรีซีซั่น
การตอบสนองของสโมสรและเอริก เทน ฮาก : สโมสรออกแถลงการณ์ว่า โรนัลโด มีปัญหาภายในครอบครัว จึงไม่สามารถกลับมารายงานตัว และลงซ้อมกับทีมในช่วงพรีซีซั่นได้
2. เดินออกจากสนามก่อนการแข่งขันจะจบลงถึง 2 ครั้ง (นัดกระชับมิตรกับ ราโย บาเยกาโน, และพรีเมียร์ลีก กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์)
การตอบสนองของสโมสรและเอริก เทน ฮาก : กุนซือหนุ่มปิศาจแดงที่ยืนกรานมาโดยตลอดว่า โรนัลโด ยังอยู่ในแผนการทำทีมของเขา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อสำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในนัดที่เจอกับราโย บาเยกาโน ว่า “เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้” แต่หลังจากนั้น โรนัลโด ก็ยังคงได้รับโอกาสในการลงเล่นกับยูไนเต็ดต่อไป
ส่วนกรณีการเดินออกจากสนามในนัดเจอกับสโมสรไก่เดือยทองนั้น ยูไนเต็ด มีบทลงโทษด้วยการตัดชื่อโรนัลโดออกจากทีมในการลงแข่งพรีเมียร์ลีกนัดถัดไปกับเชลซี รวมถึงมีรายงานข่าวว่า CR7 ถูกจับแยกซ้อมเดี่ยวเป็นเวลา 3 วันด้วย
...
ขณะที่ "เอริก เทน ฮาก" ออกมาระบุเพียงว่า “ผมต้องตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของสโมสรและทีม เพราะนั่นคืองานของผม” อย่างไรก็ดีในเกมพรีเมียร์ลีกนัดต่อไปกับเวสต์แฮม และ แอสตัน วิลลา โรนัลโด ก็ยังถูกปล่อยลงเล่นเป็นตัวจริง และได้เล่นจบครบ 90 นาที ทั้ง 2 นัดอีกครั้ง
3. การออกมาให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “เพียร์ซ มอร์แกน” โดยมีหลายๆ ประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์พาดพิงสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ "เอริก เทน ฮาก" ผู้จัดการทีมอย่างรุนแรง
การตอบสนองของสโมสรและเอริก เทน ฮาก : หลังรู้ข่าวว่า โรนัลโด ไปให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ซ มอร์แกน สโมสรตัดสินใจตัดยอดกองหน้าวัย 37 ปี ออกจากทีมแบบเงียบๆ ในนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก กับ ฟูแลม ก่อนพักชั่วคราวเพื่อไปลุยฟุตบอลโลก
และหลังจากมีการปล่อยทีเซอร์การสัมภาษณ์ดังกล่าวออกมา ซึ่งมีการกล่าวพาดพิงถึงสโมสรและเอริก เทน ฮาก สโมสรปิศาจแดงได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการโดยระบุว่า จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้หลังจากได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด และสโมสรยังคงมุ่งเป้าไปที่การเตรียมความพร้อมของทีมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง และจะสานต่อแรงผลักดัน ความเชื่อ และการหลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นระหว่างผู้เล่น ผู้จัดการทีม สตาฟฟ์ และแฟนบอลต่อไป
...
ทัศนะของโรนัลโดต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น :
การไม่ยอมกลับมารายงานตัวเพื่อเข้าร่วมการซ้อมในช่วงพรีซีซั่น :
ดาวยิงวัย 37 ปี อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “สาเหตุที่ผมไม่ไปเข้าร่วมการฝึกซ้อมในช่วงพรีซีซั่นกับยูไนเต็ด เป็นเพราะกังวลเรื่องสุขภาพของลูก (โรนัลโดสูญเสียหนึ่งในลูกแฝดไปหลังการคลอดของภรรยา) ผมไม่อยากจากครอบครัวไปเพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นได้ในช่วงเวลานั้น”
เดินออกจากสนามก่อนการแข่งขันจะจบลงถึง 2 ครั้ง :
CR7 อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “ในนัดที่เจอกับราโย บาเยกาโน ผมและผู้เล่นอีก 8 คน เดินออกจากสนามก่อนหมดเวลา แต่แล้ว...ผมกลับถูกพูดถึงอยู่คนเดียวในกรณีนี้ ทั้งๆ ที่ยังมีอีกหลายคนที่ทำแบบเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วด้วย แต่ผมเข้าใจดี และผมได้ขอโทษโค้ชในเรื่องนี้แล้วด้วย”
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในนัดที่พบกับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ นั้น โรนัลโด อธิบายว่า “เขา (เอริก เทน ฮาก) พูดกับผมเสมอๆ ว่า เนื่องจากผมไม่ได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมในช่วงพรีซีซั่น ดังนั้นผมจึงควรต้องรอโอกาสของผม ซึ่งเรื่องนี้ผมเข้าใจดี แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมเขาถึงไม่ทำแบบเดียวกันนี้กับผู้เล่นทุกคน”
...
และ....“ขอโทษผมมองว่าเป็นเพียงข้อแก้ตัว (กรณี เอริก เทน ฮาก ไม่ส่งลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับชี้แจงกรณีที่ไม่เปลี่ยนโรนัลโดลงสนามในนัดนั้น ซึ่งยูไนเต็ดพ่ายแพ้อย่างหมดรูปถึง 6 ประตูต่อ 3 ว่า เป็นเพราะต้องการเคารพความยิ่งใหญ่ของ CR7) เขาสามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากผม หรือเลือกผู้เล่นที่คิดว่าดีกว่าสำหรับทีม ผมเคารพในสิ่งนั้น แต่การแก้ตัวตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
โอเค...คุณไม่ส่งผมลงสนามในนัดเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะคุณเคารพในอาชีพผม แต่การที่คุณต้องการให้ผมลงสนามในนัดที่เจอกับทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียง 3 นาที มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ผมคิดว่าพวกเขา (เอริก เทน ฮาก และ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) มีเจตนาที่จะทำเรื่องนี้ (บีบบังคับให้ออกจากสโมสร)
ในตอนที่ผมเล่นทีมชาติ หรือกับสโมสรอื่นๆ ถ้าโค้ชต้องการให้ผมลงเล่นแค่ 5 นาที เพราะมีนักเตะคนอื่นได้รับบาดเจ็บ หรือต้องการผมจริงๆ ผมยินดีช่วย แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจ ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะเกมนั้น แต่มันรวมเกมก่อนหน้านั้นด้วย
อย่าบอกผมนะว่า ผู้เล่นระดับท็อป คนที่มีแรงปรารถนาในทุกสิ่งทุกอย่าง หรือนักเตะระดับคีย์แมนสำคัญๆ จะลงเล่นเพียง 3 นาที นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ หลังจากเขาเคยพูดก่อนหน้านี้ว่า เขาให้ความเคารพผม เพราะสำหรับผมแล้วนี่คือการไม่เคารพ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินออกจากสนาม ผมเสียใจ ผมขอโทษเพื่อนร่วมทีมสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น
โค้ชไม่มีความเคารพในตัวผม และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เขามักพูดกับสื่อมวลชนว่า เขาพร้อมเข้าหาผม เขาชอบผม และ บลา บลา บลา แต่นั่นคือเฉพาะกับสื่อมวลชน 100% ฉะนั้นเมื่อคุณ (เอริก เทน ฮาก) ไม่เคารพผม ผมก็จะไม่มีวันเคารพคุณ”
การวิพากษ์วิจารณ์สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :
“ตอนที่ผมเซ็นสัญญากับยูไนเต็ด ผมคิดว่าทุกอย่างจะแตกต่างออกไป เพราะมันผ่านมานานถึง 13 ปีแล้ว แต่ในความเห็นส่วนตัวของผม เมื่อเปรียบกับ เรอัล มาดริด หรือแม้แต่ ยูเวนตุส แล้ว พวกเขาตามหลังสโมสรอื่นๆ ในโลก โดยเฉพาะเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน การฝึกซ้อม หรือแม้กระทั่งเรื่องโภชนาการ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับผมมาก ทั้งๆ ที่ในมิตินี้ ยูไนเต็ด ควรอยู่ในระดับท็อปของสโมสรฟุตบอลในโลก แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ดีผมหวังว่าในปีต่อๆ ไป สโมสรจะสามารถก้าวไปสู่ระดับสูงสุดได้
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือไป ผมไม่เห็นพัฒนาการใดๆ ของสโมสรเลย ที่ ยูไนเต็ด การย่างก้าวไปข้างหน้าเท่ากับศูนย์”
การวิพากษ์วิจารณ์อดีตเพื่อนร่วมทีม :
“ผมสนใจคนที่ชอบผม และผมไม่เสียเวลากับคนที่ไม่ชอบผม ผมชอบที่จะอยู่ท่ามกลางคนที่รักผม และผมจะไม่เสียเวลาไปกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์ผมเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขา (เวย์น รูนีย์) ถึงวิพากษ์วิจารณ์ผมในทางที่ไม่ดี หรือมันอาจเป็นเพราะเขาสิ้นสุดเส้นทางการค้าแข้งในวัยเพียง 30 ปี แต่ผมยังคงสามารถลงเล่นฟุตบอลระดับสูงได้อยู่
มันเป็นเรื่องยากที่ต้องรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบจากคนที่เคยลงเล่นฟุตบอลด้วยกัน เช่น ในกรณีของ แกรี เนวิลล์ ซึ่งรับงานพิธีกรรายการโทรทัศน์และใช้การวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้มากขึ้น ผู้คนสามารถมีความคิดเห็นของตัวเองได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามซ้อมแคร์ริงตัน หรือสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ พวกเขาไม่ควรรับฟังเพียงแค่มุมเดียว พวกเขาควรรับฟังในมุมของผมด้วย
พวกเขา (รูนีย์ และ แกรี) ไม่ใช่สหายของผม พวกเขาเป็นแค่เพียงเพื่อนร่วมงาน เราแค่ลงเล่นฟุตบอลด้วยกัน พวกเราไม่เคยทานอาหารเย็นร่วมกันด้วยซ้ำไป”
การวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนร่วมทีม :
“เหล่านักเตะอายุน้อยในปัจจุบัน หรือลูกของผมที่มีอายุ 12 ปี แตกต่างไปจากในยุคอดีต พวกเขาได้อะไรมาง่ายๆ พวกเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไร หรือต้องแคร์อะไรมากมาย ผมไม่ได้หมายถึงนักเตะบางคนในยูไนเต็ด แต่ผมหมายถึงในทุกๆ สโมสร เด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่เหมือนเดิม เนื่องจากถูกเทคโนโลยีหันเหความสนใจไปจากการรับฟัง หรือศึกษาแบบอย่างที่ดีที่อยู่ตรงหน้า หรืออย่างน้อยที่สุดก็ลอกเลียนทำในสิ่งนั้น
ซึ่งสำหรับผมมันค่อนข้างแปลก เพราะผมจำได้ว่าตอนที่ผมอายุ 18 19 หรือ 20 ปี ผมมองหาผู้เล่นที่ดีที่สุดเสมอนั่นคือ รุด ฟานนิสเตลรอย, ริโอ เฟอร์ดินานด์, รอย คีน และ ไรอัน กิกส์ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ และสามารถดูแลร่างกายให้สามารถเล่นฟุตบอลได้ยาวนาน เพราะผมได้เห็นและเรียนรู้จากคนเหล่านั้น
และเมื่อถูกถามว่า มีใครที่ยูไนเต็ดให้ความสนใจรับฟังข้อเสนอแนะจากเขาหรือไม่ โรนัลโด กล่าวว่า “พวกเขาไม่สนใจ ยกเว้นบางคน แต่ส่วนใหญ่ไม่สนใจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะคนเหล่านั้นจะไม่สามารถยืนระยะได้ยาวนานในอาชีพการค้าแข้ง” ซึ่งหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่ให้ความสนใจคำแนะนำของโรนัลโด คือ “ดิเอโก ดาโลต์”
ทัศนะของแฟนบอลยูไนเต็ด ภายใต้ความขัดแย้ง :
เบธ ทัคเกอร์ (Beth Tucker) เจ้าของช่อง The United Stand มองประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของโรนัลโด อาจเป็นเรื่องที่เหมาะสม อย่างไรก็ดีส่วนตัวเขากลับไม่ชอบวิธีการที่ CR7 ปฏิบัติต่อสโมสรและเอริก เทน ฮาก
“หากโรนัลโดต้องการโจมตีสโมสร เขาควรปะทะกับตระกูลเกลเซอร์ แต่ไม่ควรออกมาแสดงการต่อต้านผู้จัดการทีม โรนัลโด อาจคิดว่าเขายิ่งใหญ่กว่า เอริก เทน ฮาก และในโลกฟุตบอลของเขา แต่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันไม่ใช่ เพราะไม่มีนักเตะคนไหนจะใหญ่กว่าสโมสรและผู้จัดการทีม”
ด้าน “ริโอ เฟอร์ดินานด์” อดีตเพื่อนร่วมทีมของโรนัลโด ให้ทัศนะในประเด็นนี้ว่า “ผมไม่รู้สึกว่ายูไนเต็ดจะดึงเขากลับมา และผมก็ไม่คิดด้วยว่าโรนัลโดอยากจะกลับมา ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เขาออกไปจากสโมสร”
อนาคตของโรนัลโด ภายใต้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น :
นักเตะวัย 37 ปี กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า :
“มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกในเวลานี้ เพราะอารมณ์ของผมตอนนี้จดจ่ออยู่กับฟุตบอลโลก ซึ่งมันอาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผม ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังฟุตบอลโลก แต่อย่างที่เคยบอกไปแล้ว และผมจะพูดอีกครั้ง แฟนๆ (ยูไนเต็ด) จะอยู่ในใจผมเสมอ และผมหวังว่าพวกเขาจะเคียงข้างผม แม้ว่าผมจะกลับมา หรือถ้าหากผมไม่กลับ หรือถ้าหากผมอยู่ หรืออะไรก็ตาม
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ช่วงเวลาในชีวิตที่เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ และการเป็นพ่อคน เพราะผมเองก็มักจะทำอะไรผิดพลาดได้อยู่เสมอ”
แผนการสำหรับการแขวนสตั๊ด :
CR7 กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า “ผมยังอยากเล่นฟุตบอลต่อไปอีกสัก 2-3 ปี ผมอยากจบอาชีพการค้าแข้งที่อายุ 40 ปี ผมคิดว่าเป็นอายุที่เหมาะสม แต่ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อนาคต เพราะบางครั้งคุณอาจวางแผนสิ่งหนึ่งให้กับชีวิต แต่อย่างที่ผมพูดไปหลายครั้ง ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และคุณไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ท่าทีล่าสุดของ ยูไนเต็ด หลังการออนแอร์การให้สัมภาษณ์โรนัลโดสิ้นสุดลง :
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ โดยระบุเพียงว่า ได้เข้าสู่กระบวนการขั้นต้นเพื่อพิจารณาขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับการให้สัมภาษณ์ของโรนัลโดแล้ว และสโมสรจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมจนกว่ากระบวนการที่ว่านี้จะสิ้นสุดลง.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง