"การเลือกตั้งกลางเทอม 2022 ของสหรัฐอเมริกา" มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจและน่าติดตาม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะบ่งบอกถึงอนาคตทางการเมืองของ โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไร วันนี้ "เรา" ไปรับฟังบทวิเคราะห์จาก "ผศ.ดร.วิบูลพงศ์ พูนประสิทธิ์" ที่ปรึกษาสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย รัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เพื่อให้การเมืองสหรัฐฯ "กลมกล่อม" และเข้าใจได้ง่ายขึ้นกันดู
“ความเห็นส่วนตัวคิดว่าการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง คือ ประเด็นแรก พรรคเดโมแครต น่าจะสูญเสียเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่าง (สภาผู้แทนราษฎร) ไปค่อนข้างแน่นอน รวมถึงยังสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะพ่ายแพ้ในสภาสูง (วุฒิสภา) ให้กับ พรรครีพับลิกันอีกด้วย
...
ส่วนประเด็นที่สอง คือ ชัยชนะที่พรรครีพับลิกันได้รับนั้น ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เป็นคนที่ใกล้ชิดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทอย่างสูงเรื่องการคัดเลือกคนลงสมัครในนามพรรครีพับลิกัน เพื่อปูทางไปสู่การลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024”
เลือกตั้งกลางเทอม กับ ปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ :
หากรีพับลิกันได้รับชัยชนะ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำให้การเมืองภายในสหรัฐฯกลับมามีปัญหาอีกครั้งแน่นอน เพราะแนวคิดทางการเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ ตรงกันข้ามกับฝ่ายเดโมแครตอย่างสิ้นเชิง และประเด็นนี้อาจทำให้ “ความประนีประนอมทางการเมือง” ที่เคยมีมาอย่างยาวนานระหว่างทั้งสองพรรคอาจจบสิ้นลง
อิทธิพลเหนือรีพับลิกัน ของ โดนัลด์ ทรัมป์ :
บุคคลิกส่วนตัวและเงินทุน คือ 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "โดนัลด์ ทรัมป์" ยังคงแผ่อิทธิพลเหนือพรรครีพับลิกันอยู่ได้ เพราะสิ่งหนึ่งต้องยอมรับ คือ บุคลิกและความเคลื่อนไหวทางการเมืองของทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา นั้น เป็นที่ถูกอกถูกใจของ ชาวอเมริกันชนชั้นกลางฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน จนกระทั่งได้รับเงินบริจาคทางการเมืองจำนวนมาก
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจอีกประการ คือ จากผลสำรวจยังพบด้วยว่า ผู้สมัครพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งกลางเทอมนี้ มากถึง 40% เชื่อว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมา และชัยชนะของ "โจ ไบเดน" ได้มาแบบไม่บริสุทธิ์ ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
ความพลาดพลั้งของเดโมแครต :
แคมเปญหาเสียงของเดโมแครตในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่า “ผิดพลาด” เพราะแทนที่จะไปมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับคนอเมริกันเป็นสำคัญ แต่กลับไปเน้นเรื่องการเมือง เรื่องภัยคุกคามของระบอบประชาธิปไตยอันเป็นผลมาจากการกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเอาล่ะ อาจจะถูกอยู่ส่วนหนึ่งและเป็นจริงในระดับลึกของพรรคการเมือง แต่จากผลสำรวจจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ปัจจุบันคนอเมริกันกำลังมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาเศรษฐกิจ อันเป็นผลจาก เงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารของ "ประธานาธิบดีโจ ไบเดน" มากกว่าปัญหาในเรื่องอื่นๆ
...
“จริงๆแล้ว โจ ไบเดน ควรพยายามเน้นการทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้ ต้นตอเกิดจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะฉะนั้น ควรให้โอกาสให้กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง โดยจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างนั้น อย่างนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ โจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต กลับพยายามไปพูดเรื่องการเมืองมากจนเกินไป
เพราะผลสำรวจล่าสุด จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า คนอเมริกันโดยเฉพาะคนชั้นกลางเกือบ 50% มองว่าขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจ คือ เรื่องใหญ่ ส่วนปัญหาเรื่องประชาธิปไตย นั้น อยู่ในระดับเพียง 4-5% เท่านั้น”
การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ :
หากการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ พรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะในสภาล่าง เชื่อว่าอีกไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยหน้าอย่างเป็นทางการแน่นอน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์ กำลังรอดูผลว่า สิ่งที่ได้พยายามสื่อสารเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันได้รับฟังจากคนอเมริกันที่กำลังมีทุกข์ยากหรือไม่
...
“ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ปัญหาต่างๆในสหรัฐฯเวลานี้ กำลังเข้าทางโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชูเรื่อง American First แบบโลกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อเมริกาโอเคก็แล้วกัน มาโดยตลอด ฉะนั้น นี่คือจังหวะที่ดีที่ ทรัมป์ จะต้องรีบฉวยเอาไว้เพื่อหาทางต่อสู้กับคดีความต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการยุยงให้เกิดจราจลที่รัฐสภา ซึ่งกำลังถูก FBI ตรวจสอบ ซึ่งหาก ทรัมป์ เกิดกลับมาได้จริงๆ คดีความต่างๆเหล่านี้ก็คงค่อยๆหมดไป เพราะขนาดยังเป็นแค่อดีตประธานาธิบดี ก็ยังได้รับความเกรงใจ แล้วหากเกิดกลับมาลงประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งมันจะเกิดอะไรขึ้น?”
ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง :
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ ก็คือ มีผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากตัวเองพ่ายแพ้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมากๆ และหากเกิดขึ้นจริงคงจะสร้างความปั่นป่วนทางการเมืองในสหรัฐฯ ได้พอสมควรเลยทีเดียว
...
การเมืองสหรัฐภายใต้ความเปลี่ยนแปลง :
อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าจับตา คือ การเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวอเมริกัน Gen Y และ Gen Z หรือผู้ที่มีอายุ 20-30 ปี ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ ไม่ได้มีอุดมการณ์แก่กล้าเช่นคนยุคก่อนหน้า ที่ประกาศตัวเป็น "รีพับลิกัน" หรือ "เดโมแครต" อีกแล้ว เพราะคนรุ่นนี้ซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆประกาศตัวชัดเจนเลยว่าเป็น “อิสระ” และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ คนกลุ่มนี้ คือ กลุ่มคนในวัยทำงานที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจด้วย
เลือกตั้งกลางเทอม = ประชามติทางการเมือง :
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มักมีผลต่อการเลือกตั้งกลางเทอม คือ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ มักนิยมใช้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็น ประชามติในการวัดผลการทำงานของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วย ฉะนั้น การที่ โจ ไบเดน ซึ่งตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ได้รับคะแนนนิยมจากผลสำรวจไม่เคยเกิน 40% เลยสักครั้งเดียว จึงทำให้พรรคเดโมแครต ประสบความยากลำบากมากในการเลือกตั้งครั้งนี้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง