ท่ามกลางการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดอย่างหนักหน่วง โดยล่าสุดมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงเกิน 200,000 คน มาถึง 4 วันติดต่อกัน (ตั้งแต่วันที่ 5-8 เม.ย.2022) ในขณะที่ผู้เสียชีวิต พุ่งทะลุเกิน 300 ศพ มา 3 วันติดต่อกันเข้าให้แล้ว (ตั้งแต่วันที่ 6-8 เม.ย.2022)
*** หมายเหตุ จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันของประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 5-8 เม.ย.2022
วันที่ 5 เม.ย.2022 ผู้ติดเชื้อ 265,995 คน เสียชีวิต 209 ศพ
วันที่ 6 เม.ย.2022 ผู้ติดเชื้อ 286,243 คน เสียชีวิต 371 ศพ
วันที่ 7 เม.ย.2022 ผู้ติดเชื้อ 224,761 คน เสียชีวิต 348 ศพ
วันที่ 8 เม.ย.2022 ผู้ติดเชื้อ 205,289 คน เสียชีวิต 373 ศพ
ส่วนจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (Korea Disease Control and Prevention Agency) หรือ KDCA รายงานว่า สิ้นสุดวันที่ 9 เม.ย. 2020 มีชาวเกาหลีใต้ได้รับวัคซีนครบสูตรแล้ว 44.5 ล้านคนจากจำนวนประชากร 52 ล้านคน หรือ คิดเป็น 86.7% โดยในจำนวนนี้ เป็นการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับเยาวชนอายุ 13-18 ปี คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 83.2% ของจำนวนประชากร และเข็มที่สอง คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80.4% ของจำนวนประชากร ส่วนจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 64.1% ของจำนวนประชากร
โดยปัจจุบันวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ประเทศเกาหลีใต้ฉีดให้กับประชาชนประกอบด้วย วัคซีนไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โนวาแวกซ์ และแอสตราเซเนกา ***
...
หนำซ้ำในประเด็นเรื่องความมั่นคงยังได้เกิดภัยคุกคามจากการที่เกาหลีเหนือ กลับมาทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปที่มีประสิทธิภาพสูง (อีกครั้ง) อย่าง ฮวาซอง 17 (Hwasong-17) จนกระทั่งปลุกให้เกิดความตึงเครียดครั้งใหม่ขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีให้ลุกโชนขึ้นมาอีก
หากแต่สิ่งที่ (ว่าที่) ประธานาธิบดียูน ซอค ยอล (Yoon Suk-Yeol) ผู้นำคนใหม่ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 10 พฤษภาคม "เร่งรีบ" ดำเนินการกลับกลายเป็นการทุ่มเทงบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านวอน หรือ ประมาณ 991 ล้านบาท เพื่อย้ายที่ทำงานจาก "ทำเนียบบลูเฮาส์" (Blue House) หรือ ชองวาแด (Cheong Wa Dae) ซึ่งเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดีเกาหลีใต้มาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ไปยัง กระทรวงกลาโหมในเขตยงซาน ของ กรุงโซล
และแน่นอนเมื่อมีการย้ายที่ทำงานของประธานาธิบดีไปยังกระทรวงกลาโหม มันจึงมีความจำเป็นที่อาจจะต้องใช้งบประมาณสำหรับการย้ายเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม ไปทำงานยังอาคารเสนาธิการร่วมที่อยู่ใกล้กัน รวมถึงยังใช้เป็นค่าปรับปรุงอาคารกระทรวงกลาโหมให้กลายเป็นสถานที่ทำงานของท่านประธานาธิบดีคนใหม่ และปรับปรุงที่พักอาศัยให้กับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้คณะที่ปรึกษาของ (ว่าที่) ประธานาธิบดียูน ซอค ยอล คาดว่าน่าจะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 49,600 ล้านวอน หรือ ประมาณ 1,366 ล้านบาท
และตัวเลขค่าใช้จ่ายดังที่ร่ายมายืดยาวทั้งหมดนี้ อาจมีการพิจารณา “เพิ่มเติมได้อีก” เนื่องจากอาจต้องมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยให้กับ “ท่านประธานาธิบดียูน ซอค ยอล”
...
โดยผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ ให้เหตุผลถึงการย้ายที่ทำงานในครั้งนี้ว่า เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่เขาได้หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ต้องการนำทำเนียบบลูเฮาส์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการยึดติดทางอำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดี ไปทำเป็น “สวนสาธารณะ” เพื่อคืนให้กับประชาชน และการย้ายสถานที่ทำงานในครั้งนี้ จะช่วยให้ตัวเขามีความใกล้ ชิดและสามารถทำงานเพื่อให้บริการประชาชนได้มากขึ้นด้วย
เสียงวิพากษ์วิจารณ์การย้ายที่ทำงานของ (ว่าที่) ผู้นำเกาหลีใต้ :
การดำเนินการที่ “เร่งร้อน” จนเกินเหตุท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 และภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองชาวเกาหลีใต้ โดยผลการสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสำนักข่าว KBS พบว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน มากกว่า 53.8% คัดค้าน การย้ายที่ทำงานของ (ว่าที่) ประธานาธิบดียูน ซอค ยอล ในครั้งนี้ นอกจากนี้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีผู้ร่วมลงชื่อในคำร้องสาธารณะรวมกันถึง 3,600,000 รายชื่อ ถูกส่งไปยังทำเนียบบลูเฮาส์ เพื่อแสดงการคัดค้านแผนการดังกล่าวเนื่องจากมองว่าเป็นการ “ใช้เงินภาษีไปอย่างไม่สมเหตุสมผล”
...
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องการย้ายสถานที่ทำงานออกจาก “ชองวาแด” นั้น "นายมุน แจอิน (Moon Jae-in)" ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ก็ยังเคยออกมาท้วงติงแผนการดังกล่าว และเคยปฏิเสธแผนการอนุมัติงบประมาณที่สูงถึง 49,600 ล้านวอน หรือ ประมาณ 1,366 ล้านบาท สำหรับการย้ายสถานที่ทำงานตามที่ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ร้องขอก่อนหน้านี้มาแล้ว เนื่องจากมองว่า หากทำเช่นนั้น เกาหลีใต้อาจ “ไม่พร้อมมากพอ” หากถูกยั่วยุจากเกาหลีเหนือในช่วงเวลาที่เหลืออีกเล็กน้อยก่อนที่เขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ มันยังนำไปสู่การตั้งคำถามจากซีกการเมืองตรงกันข้ามด้วยว่า การย้ายไปทำงานในกระทรวงกลาโหม ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ทหารแล้ว ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด จะทำให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้นกว่าการทำงานในทำเนียบบลูเฮาส์ ซึ่งเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ (บางส่วน) ตรงไหน?
อีกทั้ง การย้ายที่ทำงานไปยังเขตยงซานในครั้งนี้ ยังจะส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย จนสร้างภาระที่ไม่จำเป็นให้กับผู้คนในบริเวณนั้นอีกด้วย
...
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา “นายมุน แจอิน” ก็ไม่สามารถทัดทานเรื่องนี้ได้อีกต่อไป และได้อนุมัติงบประมาณก้อนแรกมากกว่า 36,000 ล้านวอน หรือ ประมาณ 991 ล้านบาท ตามที่ผู้นำคนใหม่ร้องขอแล้วในที่สุด!
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ “คุณ” ก็คง คิดไม่ต่างจาก “เรา” ใช่ไหม แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ (ว่าที่) “ประธานาธิบดียูน ซอค ยอล” ถึงต้องพยายามย้ายสถานที่ทำงานออกจาก “ชองวาแด” มากมายขนาดนี้กันด้วย?
หากใครยังไม่ทราบ ก่อนหน้าที่จะเลือกที่ทำการกระทรวงกลาโหมเป็นที่ทำงานแห่งใหม่แทนที่ "ทำเนียบบลูเฮาส์“ ยูน ซอค ยอล เคยหมายตา อาคารศูนย์ราชการ (Government Complex) ในเขตควังฮวามุน (Gwanghwamun) ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบบลูเฮาส์ไปเพียงเล็กน้อย แต่หลังถูกท้วงติงว่า มีความเสี่ยงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงจะทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีประชากรหนาแน่น
(ว่าที่) ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ กระทรวงกลาโหม ซึ่งมีทั้งบังเกอร์ใต้ดิน ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆสำหรับสถานที่ทำงานแห่งใหม่ลงไปได้พอสมควร
อย่างไรก็ดี แม้ว่า ทั้งทีมที่ปรึกษาและ (ว่าที่) ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ จะเพียรพยายามอธิบายซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ รอบว่า การย้ายสถานที่ทำงานมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาทในครั้งนี้ เป็นไปเพราะต้องการที่จะใกล้ชิดกับประชาชน
แต่ในทางกลับกัน “ปฏิเสธ” ไม่ได้เลยว่า มันนำมาซึ่งเสียงซุบซิบนินทาที่ว่า “การเปลี่ยนแปลง” อย่างโกลาหลเช่นนี้ อาจเป็นเพราะ “ยูน ซอค ยอล” ได้รับอิทธิพลจากคำแนะนำของ "ผู้เชี่ยวชาญด้าน ฮวงจุ้ย”
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น :
เป็นที่รับทราบโดยเปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยหลายต่อหลายคน เคยออกมาให้ข้อมูลว่า ที่ตั้งของ “ชองวาแด” อยู่ในฮวงจุ้ยที่ไม่ดี จนกระทั่งส่งผลให้ ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้หลายต่อหลายคนต้องพบจุดจบที่ไม่สวยงามนัก ไม่ว่าจะเป็น เสียชีวิต ติดคุกตะราง หรือไม่ก็ต้องหนีออกนอกประเทศ
โดยหากนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1945 เกาหลีใต้มีประธานาธิบดีมาแล้วทั้งสิ้น 12 คน (หากยังไม่นับ ยูน ซอค ยอล) โดยคนแรกที่ประสบชะตากรรมอันแสนเลวร้าย คือ “อีซึงมัน” (Rhee Syngman) ถูกประชาชนขับไล่ให้สละตำแหน่งและต้องลี้ภัยไปฮาวาย ส่วนอีก 2 คน คือ “ชอนดูฮวาน” (Chun Doo-hwan) และ “โนแทอู” (Roh Tae-woo) เคยถูกตัดสินประหารชีวิต และจำคุก 22 ปี จากข้อหากบฏและทุจริต (แต่ในเวลาต่อมาได้รับการอภัยโทษ)
“โนมูฮยอน” (Roh Moo-hyun) กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกระโดดลงจากหน้าผา หลังอับอายที่ถูกสอบสวนในคดีที่ภรรยาและหลานชายรับสินบน, “พักจองฮี” (Park Chung-hee) ถูกลอบสังหารโดยผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองจนเสียชีวิต , และล่าสุด “พักกึนฮเย” (Park Geun-hye) ถูกประชาชนลุกฮือขับไล่ และถูกถอนให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่โดยรัฐสภา ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะถูกจับกุมและต้องติดคุกติดตะรางจากข้อหาทุจริต ไม่ต่างจากกรณีของ “อีมยองบัก” (Lee Myung-bak)
ฮวงจุ้ยที่ตั้งทำเนียบบลูเฮาส์ :
ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยส่วนหนึ่งมองว่า ที่ตั้งของ “ชองวาแด” นั้น ทางทิศเหนือเป็นภูเขาพกฮันซัน (Bukhansan) ขนาบข้างด้วยภูเขา 2 ลูก คือ 1.นักซัน (Naksan) ซึ่งเปรียบได้กับ มังกรฟ้า ทางด้านซ้าย (ทิศตะวันตก) และ 2.อินวังซัน (Inwangsan) ซึ่งเปรียบได้กับเสือขาว ทางด้านขวา (ทิศตะวันออก) ส่วนทางทิศใต้ มีภูเขานัมซัน (Namsan) ซึ่งมีน้ำที่มาจากสองสายไหลอยู่ทางด้านหน้า คือ น้ำจากคลองชองกเยชอน (Cheonggyecheon) และ น้ำจากแม่น้ำฮัน (Han River) มีข้อเสีย 3 ประการ คือ...
1. เสือขาวพิงภูเขาสูงชัน ซึ่งหมายความว่า การสร้างอาคารหลักอยู่ใกล้กับภูเขาสูงเกินไป ซึ่งจะทำให้คนที่พักอาศัย ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันต่างๆได้ง่าย
นั่นเป็นเพราะการที่ตัวอาคารหลักตั้งอยู่ในลักษณะพิงยอดเขาสูงชันอันโดดเดี่ยวที่ดูเหมือนกับหัวมังกร นั้น ทำให้เชื่อกันว่า เมื่อทำให้มังกรไม่สามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ พลังของมังกรจึงถูกกักขังเอาไว้จนกระทั่งทำให้เกิดความระส่ำระสาย
2. ขาดความสมมาตร
อาคารหลักและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดของ “ชองวาแด” เบี่ยงออกจากแกนกลางจนกระทั่งขาดความสมมาตรครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้ง 8 ทิศ ตามหลักฮวงจุ้ย ทำให้เชื่อกันว่าด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้จึงมักมีปัญหาในการนำเสนอภาพลักษณ์อันรุ่งโรจน์ต่อประชาชน
3. รูปทรงของภูเขาและแม่น้ำ
รูปทรงของภูเขาและแม่น้ำทางทิศเหนือมีลักษณะคล้าย “คันธนู” โดยมีเส้นกึ่งกลางของภูเขาทั้งสองลูกซึ่งหันทิศทางไปยัง “ชองวาแด” ขณะเดียวกันแม่น้ำทางตอนใต้ยังมีลักษณะคล้าย “ลูกธนู” ที่เล็งเป้าตรงมายัง “ชองวาแด” อีกด้วย
การย้ายที่ทำงานท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางของ (ว่าที่) ประธานาธิบดียูน ซอค ยอล ในครั้งนี้ จะทำให้การทำงานภายใต้วิกฤตินานัปการที่เกาหลีใต้กำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่ หลังวันที่ 10 พฤษภาคม “เรา” คงได้รู้กัน!
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :