มนุษย์ต่างดาว ถ้าเดินทางมาถึงโลก พวกเขาจะมาอย่างมิตรหรือศัตรู ?
ในโลกภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่ที่สร้างกัน (เพราะสนุก ตื่นเต้น ทำเงินได้ง่าย) เป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาว ที่เดินทางมาเพื่อยึดครองโลก ดังเช่น ภาพยนตร์เรื่อง The War Of The Worlds จากนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อเดียวกันของ เอช. จี. เวลล์ (H.G.wells: พ.ศ. 2409-2489)
The War Of The Worlds เป็นเรื่องของมนุษย์ดาวอังคาร ที่ยกทัพมาเพื่อยึดครองโลก สร้างครั้งแรก ออกฉายปี ค.ศ. 2496 แสดงนำโดย ยีน แบร์รี ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ระดับคลาสสิกของโลก และถูกนำมาสร้างใหม่ กำกับโดย สตีเวน สปิลเบิร์ก เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แสดงนำโดย ทอม ครูซ ออกฉายปี พ.ศ. 2548
ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ที่เป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เดินทางมายังโลก อย่างมิตร แต่ถูกเข้าใจผิดว่า มาอย่างศัตรู และได้รับการยกย่องเป็นภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ระดับคลาสสิกเรื่องหนึ่ง คือ The Day The Earth Stood Still ออกฉายปี พ.ศ. 2494 แสดงนำโดย ไมเคิล เรนนี
The Day The Earth Stood Still ได้รับการนำมาสร้างใหม่ ออกฉายปี พ.ศ. 2551 แสดงนำโดย คีนู รีฟส์
สำหรับ สตีเวน สปิลเบิร์ก ก่อนที่จะกำกับ The War Of The Worlds เขาทั้งร่วมสร้างและกำกับภาพยนตร์ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีที่สุด ระหว่างมนุษย์ต่างดาว กับมนุษย์โลก คือ E.T. The Extra-Terrestrial ออกฉายปี พ.ศ. 2525
เชื่อว่า น้อยคนที่ได้ชมภาพยนตร์ E.T. The Extra-Terrestrial จะไม่นึกถึงคำพูดของอีทีตัวน้อยว่า "อีที โฟมโฮม" และจะต้องเห็นใจ....สัมผัสได้....กับความรู้สึกที่กำลังคิดถึงดาวบ้านเกิดอย่างที่สุด ของอีที
...
จากโลกภาพยนตร์ มาสู่โลกวิทยาศาสตร์จริง !
นักวิทยาศาสตร์คิดอย่างไรกับ มนุษย์ต่างดาว สำหรับประเด็น มนุษย์ต่างดาว ถ้ามาถึงโลก จะมาอย่างมิตรหรือศัตรู ?
น่าสนใจว่า ตั้งแต่เมื่อวงการวิทยาศาสตร์ เริ่มมองเห็นว่า เรื่องมนุษย์ต่างดาว มิใช่เป็นเรื่องไร้สาระ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ก็ยังไม่แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนออกมา
จนกระทั่งเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์คนดัง คือ สตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking : พ.ศ.2485-2561) ออกมาแสดงความคิดเห็นชัดเจน เรื่องการมาถึงโลกของมนุษย์ต่างดาวอย่างมิตรหรือศัตรู จึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ ที่มีการกล่าวถึง...ถกกัน...อย่างจริงจังในเชิงวิทยาศาสตร์ และทำให้คนในวงการวิทยาศาสตร์จับกลุ่มแยกเป็นสองขั้วชัดเจนขึ้น คือ กลุ่มที่มองว่า มนุษย์ต่างดาว จะมายังโลกอย่างศัตรู และกลุ่มที่มองว่า พวกเขาจะมายังโลกอย่างเป็นมิตร
สำหรับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มองมนุษย์ต่างดาว ว่า ถ้ามาถึงโลก จะมาอย่างศัตรู มีสตีเฟน ฮอว์คิง เป็นตัวแทนเสียงดังที่สุด
สตีเฟน ฮอว์คิง เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีอังกฤษ มีชื่อเสียงที่สุดในโลกช่วงปลายศตวรรษที่ 20 กับต้นศตวรรษที่ 21 เป็นนักวิทยาศาสตร์พิการ (ด้วยโรคระบบประสาทเสื่อม) ตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปีเศษ ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต มีปัญหาในการพูด และถึงที่สุดก็พูดไม่ได้เลย และแพทย์บอกเขาว่า จะมีอายุอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่ปี
แต่เขาไม่เพียงจะมีอายุยืนยาวอยู่ถึง 76 ปี เขายังกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีสีสัน อารมณ์ดี เป็นนักพูด (อาศัยคอมพิวเตอร์) เป็นนักเขียนหนังสือวิทยาศาสตร์สำหรับผู้อ่านทั่วไป (และนักวิทยาศาสตร์เองด้วย) ขายดีดังเช่น A Brief History Of Time และ The Universe In A Nutshell เป็นเจ้าของความคิดเกี่ยวกับหลุมดำ และจะอยู่กับวิทยาศาสตร์โลกตลอดไป เพราะมีชื่อของเขาอยู่ด้วย ดังเช่น Hawking Radiation (การแผ่รังสีฮอว์คิง)
...
สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาว สตีเฟน ฮอว์คิง เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่า เรา (มนุษย์บนโลก) มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล เขาสนับสนุนการแผ่ขยายพรมแดนมนุษย์ ไปสู่อวกาศ ไปสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะ และในที่สุด ก็เดินทางออกนอกระบบสุริยะ เพราะเขาเห็นว่า จะเป็นการเพิ่มทางรอดของมนุษยชาติ ต่อการทำลายตนเองบนดาวเคราะห์โลก และ "หวัง" ว่า ความพยายามในการแผ่ขยายพรมแดนมนุษย์ไปสู่อวกาศ จะทำให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี จนกระทั่งจะสามารถป้องกันตนเองจากภัยที่มาจากนอกโลก คือ มนุษย์ต่างดาว ได้
แล้วถ้ามนุษย์ต่างดาว มาถึงโลกวันนี้ล่ะ ?
ความคิดเห็นของ สตีเฟน ฮอว์คิง ชัดเจนว่า มนุษย์ต่างดาวจะก้าวหน้ากว่าโลกมากด้านเทคโนโลยี จนกระทั่งโลกจะไม่สามารถป้องกันตนเองจากมนุษย์ต่างดาวได้
สตีเฟน ฮอว์คิง สนับสนุนการรับสัญญาณ หรือ "ดักฟัง" สัญญาณ จากมนุษย์ต่างดาว แต่เตือนว่า เรา (มนุษย์โลก) ควรจะต้องระมัดระวัง เรื่องการส่งสัญญาณของเรา ออกสู่จักรวาล เพราะอาจจะถูก "จับ" สัญญาณได้ โดยมนุษย์ต่างดาวที่ก้าวหน้ากว่าเรามาก และก็จะรู้ว่า เราอยู่ที่นี่ ซึ่งผลที่จะเกิดขึ้น จะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมนุษย์
เขาเตือนในสารคดีโทรทัศน์ Into The Universe ช่อง Discovery เมื่อปี พ.ศ. 2553 และตอกย้ำในหนังสือเล่มแรกตีพิมพ์หลังการจากไปของเขา คือ Brief Answers To The Big Questions (คำตอบย่อของคำถามใหญ่, ชัยวัฒน์ คุประตกุล, แปล, Bear Publishing, พ.ศ. 2563) ว่า :-
ให้นึกถึงการเดินทางไปถึงโลกใหม่ คือ อเมริกาของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งผลออกมา ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับชนเผ่าอินเดียนแดงเลย
...
แล้วกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาถึงโลก จะมาอย่างมิตรล่ะ ?
ชัดเจนที่สุดและโด่งดังที่สุด คือ คาร์ล ซาแกน (Carl Sagan : พ.ศ.2477-2538) นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์อเมริกัน เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับชีวิตต่างดาว การเดินทางระหว่างดวงดาว เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์สำหรับผู้อ่านทั่วไป ที่รู้จักกันดี เช่น The Cosmic Connection, The Dragons Of Eden, Pale Blue Dot และ The Demon Haunted Worlds เขียนนิยายวิทยาศาสตร์อยู่เรื่องเดียว คือ Contact เป็นหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ขายดี และได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน ออกฉายปี พ.ศ. 2540 แสดงนำโดย โจดี ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) และแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ (Matthew McConaughey)
คาร์ล ซาแกน มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารของโลกกับมนุษย์ต่างดาว ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คือ :-
• โครงการ เซติ (SETI) เพื่อค้นหาสัญญาณ (เช่น วิทยุ) จากสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาต่างดาว
• "บัตรทักทาย" จากโลกสู่มนุษย์ต่างดาว ในรูปของลายเส้นแกะสลักบนแผ่นโลหะ ส่งไปกับยานไพโอเนียร์-10 และไพโอเนียร์-11 เมื่อปี พ.ศ. 2515 และ พ.ศ. 2516 ตามลำดับ
• สัญญาณวิทยุจาก กล้องโทรทรรศน์วิทยุอารีซิโบ (Arecibo) ในปัวร์โตริโก สู่มนุษย์ต่างดาว เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 แสดงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในโลกของเรา ลักษณะของมนุษย์ ตำแหน่งของโลกในระบบสุริยะ
• แผ่นวีดิทัศน์ แสดงตำแหน่งของโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในโลก ศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ ของโลก คำทักทายเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก 55 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยด้วยว่า "สวัสดีค่ะ สหายในธรณีโพ้น พวกเราในธรณีนี้ ขอส่งมิตรจิต มาถึงท่านทุกคน" ไปกับยานวอยเอจเจอร์-1 และวอยเอจเจอร์-2 เมื่อปี พ.ศ. 2520 ทั้งสองลำ
...
คาร์ล ซาแกน กล่าวในการสัมมนาเกี่ยวกับชีวิตนอกโลกและจิตมนุษย์ ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 และเป็นคำพูดของ โจดี ฟอสเตอร์ ในตอนท้ายของภาพยนตร์ Contact ความว่า :-
จักรวาลกว้างใหญ่ยิ่งนัก ถ้ามีเฉพาะเรา ก็ดูน่าเสียดายอย่างยิ่ง !
สำหรับ ผู้เขียนเองล่ะ ?
ผู้เขียนเชื่อว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวเดินทางมาถึงโลก พวกเขาจะมาอย่างมิตร มากกว่าศัตรู
ทำไมหรือ ?
ดูตัวเราเองสิ !
อีกหนึ่งร้อยปี ผู้เขียนแน่ใจว่า มนุษย์ก็จะยังไม่สามารถเดินทางด้วยตัวมนุษย์เองออกนอกระบบสุริยะได้ แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่า มนุษย์จะยังรักษาอารยธรรมของมนุษย์เองอยู่ได้ถึง อีกหนึ่งร้อยปี ถ้ามนุษย์ไม่พัฒนาจิตใจของพวกเราเองได้ดีพอ
ผู้เขียนเชื่อว่า เฉพาะมนุษย์ต่างดาวที่พัฒนาจิตใจของพวกเขาได้สูงพอ ที่จะไม่ทำลายพวกเขาเองเสียก่อน จึงจะเดินทางมาถึงโลกได้ !
แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คิดเรื่องนี้อย่างไร ?