การทูตเท่านั้น น่าจะเป็นหนทางจะคลี่คลายความตึงเครียดวิกฤติยูเครน แม้การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ยังไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ แต่หวังว่าการเปิดประตูทางการทูตของชาติตะวันตก กับผู้นำรัสเซีย จะราบรื่นในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นแล้วทุกฝ่าย มีแต่เสียกับเสีย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการสูญเสียชีวิต จากการสู้รบด้วยอาวุธมหาประลัย
สิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ เมื่อสื่อตะวันตกอ้างแหล่งข่าวสหรัฐฯ ว่า รัสเซียอาจจะบุกโจมตียูเครนในวันที่ 16 ก.พ. นี้ หรืออาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในเร็วๆ นี้ ทำให้กว่า 10 ประเทศขอให้พลเมืองของตนออกจากยูเครน และบางประเทศได้ถอนเจ้าหน้าที่สถานทูต ออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
...
ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง และนักธุรกิจของยูเครน ได้เดินทางออกนอกประเทศ แม้มีความพยายามจากประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน วิงวอนขอให้กลับมาภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อแสดงพลังความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในวันที่ 16 ก.พ. หากรัสเซียบุกโจมตี ด้วยการแขวนธงชาติ วางริบบิ้นสีเหลืองและน้ำเงิน แสดงให้เห็นว่าคนยูเครนต้องการเสรีภาพและพร้อมจะสู้ ในยามคับขัน
ชนวนขัดแย้ง บานปลายกลายเป็นสงครามโลก หรือไม่
"น.อ.สัมฤทธิ์ ทองอินทร์" ทหารวัยเกษียณ ผู้เขียนหนังสือ "สงครามโลกครั้งที่ 3" วิเคราะห์ความเป็นได้ที่วิกฤติยูเครน จะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่ ว่า ขณะนี้สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศประกาศให้เจ้าหน้าที่ทางการทูต เร่งอพยพออกจากยูเครนโดยเร็ว พร้อมส่งทหารเข้าโปแลนด์และโรมาเนีย และเร่งจัดส่งอาวุธให้ยูเครน ตามที่ยูเครนร้องขอ รวมถึงส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาลงจอดที่ฐานทัพของอังกฤษ หลังจากการสนทนาระหว่างผู้นำยักษ์ใหญ่ของโลกจบลง แต่ถึงวันนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมถอย และสื่อตะวันตกประโคมข่าวอย่างหนักว่ารัสเซียจะบุกยูเครนวันที่ 16 ก.พ.นี้
ภายหลังการเผชิญหน้าทางทหาร ระหว่างกลุ่มนาโตและสหรัฐฯ พุ่งเป้าใส่รัสเซียโดยตรง และรุนแรงขึ้นนับแต่ปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยรัสเซียเคยยื่นคำขาด ห้ามชาติตะวันตกเคลื่อนทหารเกินรัศมี 1,000 กิโลเมตร จากชายแดนเยอรมนี และเร่งส่งทหารประชิดยูเครน จนถึงวันนี้ชาติตะวันตกต่างให้ความสนใจในวิกฤติครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้ประเทศของตน และใช้กลวิธีทางการทูต
“การเคลื่อนกำลังของทั้งสองฝ่าย มีมากน้อยต่างกัน ใครจะเชื่อเมื่อฝรั่งเศส โรมาเนียและสวีเดน ประกาศชัดว่า จะไม่ส่งทหารร่วมนาโตถ้าเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้สหรัฐฯ เครียดพูดไม่ออก หนำซ้ำผู้นำฝรั่งเศสยังเดินทางไปมอสโก เพื่อพบผู้นำรัสเซียแบบทวิภาคี ทำให้ปูตินออกมาประกาศชัดว่า รัสเซียก็ไม่ต้องการสงคราม ถ้ายูเครนไม่ดิ้นรนเป็นสมาชิกของนาโต และสหรัฐฯ ต้องหยุดแทรกแซงยูเครน เพื่อบล็อกรัสเซีย อย่างจริงจัง”
...
ขณะเดียวกันผู้นำเยอรมนี กลับสวนทางกับเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำของฝรั่งเศส และเดินทางไปจูบปากกับโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จนประกาศจะร่วมมือกับเยอรมนีให้มากขึ้น และถึงวันนี้ไม่ว่าวิกฤติในครั้งนี้จะยุติ หรือเดินหน้ารบกันจนแตกหัก แต่สหรัฐฯ ไม่มีทางอื่นที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเผชิญหน้าในครั้งนี้ เพราะประกาศชัดมีการหนุนยูเครนอย่างเต็มที่มาตั้งแต่ต้น จนรัสเซียโกรธจัด ทำให้ทุกอย่างบีบให้สหรัฐฯ หนุนยูเครน โดยไม่มีทางเลือกอื่น
...
รัสเซีย-สหรัฐฯ การทูตเหลว ต่างท้ารบ ขู่ใส่กันไปมา
วิกฤติครั้งนี้ยังส่งผลให้จีนและรัสเซีย ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะถูกบีบมานาน และย้ำความร่วมมือทั้งสองประเทศอย่างเปิดเผยและรับรู้กันทั่วโลก ทั้งจีนและรัสเซีย ส่งกองเรือรบเดินทางรอบโลก กระชับมิตรกับนานาประเทศทั่วโลก และอย่าแปลกใจกับข่าว การจะมอบเรือดำน้ำให้ไทย ถ้ามอบจริงหรือขายในราคาที่ต่ำมาก ก็ควรรับไว้ อีกทั้งอาเซียนเป็นเป้าหมายหลักของชาติมหาอำนาจ ส่วนเมียนมา เวียดนาม และมาเลเซียต่างมีเรือดำน้ำแล้วทั้งนั้น
เมื่อย้อนมาดูการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและยูเครน อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ หากรัสเซียยังย้ำหลักการเดิม และพร้อมบุกโจมตียูเครน ทั้งการเพิ่มอาวุธ เสริมกำลังรบอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้นำตุรกีและฝรั่งเศส เร่งเดินทางไปยูเครน เพื่อเจรจาให้สถานการณ์เบาลง และประกาศเป็นตัวกลางให้รัสเซียและยูเครน ได้พูดคุยกันฉันมิตรประเทศ ที่มีอาณาเขตติดกัน
“เดาได้เลยรัสเซียไม่ยอมแน่ เพราะความขัดแย้งมาไกลเต็มที่ อาจจะรับฟังในความหวังดีทั้งฝรั่งเศสและตุรกี เหตุผลเพราะสหรัฐฯ และบางประเทศของนาโตไม่รับรู้ และยังไม่หยุดเคลื่อนไหว มีการออกข่าวโจมตีรัสเซียทุกวัน ด้วยความมันในอารมณ์ แม้ล่าสุดทั้งปูตินและไบเดน สนทนากันแล้ว แต่ผลออกมากลายเป็นว่า นี่คือการท้ารบและขู่กันชัดๆ”
...
สถานการณ์ขณะนี้ทั้งการทูต การทหาร มีการเคลื่อนไหวแรงสุดไปพร้อมกัน มีการเดินหน้าเคลื่อนกำลังทหารของรัสเซีย ส่วนยูเครน คงทำได้แค่นี้ เพราะถูกบีบให้รบกับรัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และสหรัฐฯ ต้องหนุนยูเครนต่อไป เพราะทำทุกอย่างมานานแล้ว และการเจรจาถ้าเกิดขึ้นอีก รัสเซียจะต้องสำทับข่ม หรือเตรียมบุกยูเครนต่อไป ไม่ช้าก็เร็ว
หากรัสเซียรบยูเครน ยืดเยื้อจบช้า เกิดสงครามโลกแน่
บทสรุปถึงวันนี้แม้ว่าผู้นำของรัสเซียและสหรัฐฯ จะเจรจาสนทนาเมื่อใด ที่ไหน อย่างไร แต่ที่สุดแล้วต่างฝ่ายต่างยืนในหลักการเดิมคือ "สหรัฐฯ ประกาศลั่นหากรัสเซียบุกยูเครนจะถูกตอบโต้อย่างหนัก ส่วนรัสเซีย สำทับกลับอย่ามายุ่ง เพราะสหรัฐฯ หาเรื่องมาตลอด"
วิกฤติการเผชิญหน้าระหว่างยูเครนและรัสเซีย ยังจะเดินหน้าต่อไป เพราะยูเครน คือประตูบ้านที่สำคัญของรัสเซีย และอยากยึดคืน นับแต่วินาทีแรกที่ยูเครนประกาศแยกออกจากรัสเซีย แต่เวทีการทูตการเจรจาของบางประเทศ ได้ช่วยหยุดระดับความร้อนแรงลงบ้าง
ทั้งหมดถึงวันนี้จึงอยู่ที่สหรัฐฯ และบางประเทศของนาโต รวมถึงยูเครนด้วยว่า จะเดินหน้าอย่างไรเท่านั้น ส่วนรัสเซีย พร้อมบุกโจมตียูเครนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าจะให้ตอบคำถามคาใจของทุกคนว่า ถ้ารัสเซียรบกับยูเครน จะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่
“คำตอบขึ้นอยู่กับว่า เมื่อรบกันแล้วจบเร็ว หรือจบช้าแค่ไหน ถ้าจบเร็วก็ไม่บานปลายจนขยายไปทั่วโลก แต่ถ้าจบช้า เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แน่นอน”.