หากยังไม่มีการกำหนดกรอบการถ่ายโอนข้อมูลจากสหภาพยุโรปมายังสหรัฐฯ แบบใหม่มาใช้ และบริษัทไม่สามารถพึ่งพา ข้อสัญญามาตรฐาน รวมถึงวิธีการอื่นๆ ในการถ่ายโอนข้อมูล บริษัทอาจจะไม่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญที่สุดอย่าง เฟซบุ๊ก (Facebook) และ อินสตาแกรม (Instagram) ในยุโรปได้
“คำขู่” จาก เฟซบุ๊ก (Facebook) หรือในชื่อใหม่ เมตา (Meta) 1ใน 4 BigTech ของโลกยุคปัจจุบัน ที่ระบุเอาไว้ในรายงานประจำปี ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ก.พ.22 ที่ผ่านมา และหลังจากประเด็นนี้ “อื้อฉาว” ออกมาสู่วงกว้าง
“บริษัทไม่มีความปรารถนาและไม่มีแผนที่จะถอนตัวจากยุโรป หากแต่เป็นความจริงที่ว่า Meta และองค์กรธุรกิจอื่นๆ จำนวนมาก ต้องพึ่งพาการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อให้บริการทางธุรกิจ”
โฆษกของ Meta ให้ชุดคำตอบเดียวกันกับหลายๆ สำนักข่าวของตะวันตก เพื่อตอกย้ำอีกครั้งว่า “การถ่ายโอนข้อมูล” มีความสำคัญแค่ไหน?
*** หมายเหตุ ข้อสัญญามาตรฐาน (Standard Contractual Clauses) หรือ SCC คือ ข้อกำหนดการป้องกันข้อมูลมาตรฐานสำหรับการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ควบคุมไปยังผู้ประมวลผลที่จัดตั้งขึ้นในประเทศที่สาม แต่จะไม่มีรับประกันการคุ้มครองข้อมูลในระดับที่ปลอดภัยสูงสุด ***
...
อะไรคือสิ่งที่ยืนยันความจริงในเรื่องนี้?
Meta เปิดเผยรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ประจำปี 2021 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. จากรายได้รวม 33,671 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรายได้จากค่าโฆษณาถึง 32,639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 99.5% ของรายได้ทั้งหมด!
และวิธีที่ทำให้ได้มาซึ่ง “รายได้ที่งดงาม” นี้ เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันว่ามาจาก โมเดลการจัดเก็บและประมวลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความยินยอม ไปกำหนดการยิงโฆษณาสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ จนกระทั่งทำให้บริษัทน้อยใหญ่ “ยอมจ่ายเงินค่าโฆษณา” ก้อนโตมาให้กับ แพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
แรงกดดันอะไรที่บีบให้ Meta ต้องเล่นใหญ่ขู่ชาวยุโรป?
แรงกดดันจากข้อกฎหมาย :
พ.ค. 2018 มาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation) หรือ GDPR มีผลบังคับใช้ในสหภาพยุโรป
โดย GDPR นอกจากจะมีผลคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ยังคลอบคลุมการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปนอกอาณาเขตสหภาพยุโรป (EU) และ เขตเศรษฐกิจยุโรป (EEU) อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อ E-commerce การโฆษณา และ Digital Marketing โดยตรง
ก.ค.2020 :
ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (Court of Justice of the European Union) หรือ CJEU มีคำสั่งยกเลิก กรอบข้อตกลงการโอนข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐเมริกา (EU-U.S. Privacy Shield) ที่อนุญาตให้บริษัทในสหรัฐฯ สามารถโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองยุโรปและผู้อาศัยนอกสหภาพยุโรปได้อย่างอิสระ เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าว...
“ไม่สอดคล้องกับสิทธิความเป็นส่วนตัวของชาวยุโรป และยังล้มเหลวในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลพลเมืองอีกด้วย”
ส.ค.20 :
นิค เคล็ก (Nick Clegg) รองประธานฝ่ายการสื่อสารของ Facebook เปิดเผยว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลแห่งไอร์แลนด์ (Ireland Protection Commission) ได้เริ่มต้นการสอบสวนเกี่ยวกับการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ของ Facebook และได้ให้ข้อแนะนำในทางปฏิบัติว่า ข้อสัญญามาตรฐาน หรือ SCC ไม่สามารถนำมาใช้ในกรณีนี้ได้
ในขณะที่ เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล (The Wall Street Journal) รายงานในประเด็นเดียวกันนี้ โดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลของไอร์แลนด์ มีคำสั่งให้ Facebook หยุดการถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้งานจากสหภาพยุโรปไปยังสหรัฐอเมริกา! และจะมีคำตัดสินในเรื่องนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นี้ด้วย
โดยหาก ข้อสัญญามาตรฐาน หรือ SCC ไม่อาจนำมาใช้เป็นข้อกฎหมายในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้ Facebook จะตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัด ที่ต้องปกปิดข้อมูลส่วนใหญ่ที่รวบรวมจากบรรดาผู้ใช้งานในยุโรป และมีความเสี่ยงต่อการละเมิดหลักเกณฑ์ GDPR จนอาจถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 4% ของรายได้ต่อปี หรือประมาณ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐหากไม่ปฏิบัติตาม!
...
แรงกดดันจาก Apple :
“Apple สร้างความท้าทายสองประการ สำหรับผู้ให้บริการโฆษณา ข้อแรก ทำให้ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายของการโฆษณาลดลง และต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับผลักดันไปสู่ผลลัพธ์ ข้อสอง การวัดผลลัพธ์ ยังทำได้ยากขึ้นด้วย”
เชอริล แซนด์เบิร์ก (Sheryl Sandberg) COO ของ Meta
การอัปเดต iOS 14.5 กลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตต่อเครื่องจักรผลิตเงินอย่าง Facebook โดยเฉพาะการหาเงินจากการโฆษณา เนื่องจากมีความยากขึ้นในการติดตามข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อกำหนดเป้าหมายในการโฆษณาและความสำเร็จในแคมเปญการโฆษณาได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยประเด็นนี้ผู้บริหารระดับสูงของ Meta คาดว่าอาจทำให้บริษัทสูญรายได้ในปี 2022 นี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!
แรงกดดัน ความซบเซาของจำนวนผู้ใช้งาน :
Facebook สามารถเพิ่มผู้ใช้งานใหม่ได้เพียง 2 ล้านยูสเซอร์ต่อเดือน จากรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ 15 ล้านยูสเซอร์ต่อเดือน อย่างน่าใจหาย แต่ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น คือ จำนวนผู้ใช้งานรายวัน หายไปมากกว่า 1 ล้านยูสเซอร์! ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง ความเสื่อมถอยในระยะยาว เพราะหากไม่สามารถอวดเลขจำนวนผู้ใช้งาน หรือระยะเวลาในการใช้งาน ที่สวยหรูได้แล้ว ย่อมมีผลต่อเรตค่าโฆษณาต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในยามที่มี “คู่แข่ง” ที่สามารถเรียกร้องความสนใจจากคนหนุ่มสาวได้มากกว่าอย่าง TikTok มาคอยกดดันเพื่อแย่งชิงชิ้นเค้กได้ตลอดเวลา
...
และทั้งหมดนี้ ที่ร่ายยาวมาจนถึงบรรทัดนี้ น่าจะพออธิบายได้แล้วหรือไม่ว่า กระเป๋าเงินจากค่าโฆษณาของ Meta นับจากนี้เป็นต้นไปกำลังตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยง และประเด็นนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทำให้ Meta ต้องออกมาเล่นใหญ่ เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกบีบรัดมากไปกว่าที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ก็เป็นได้!
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ