เปิดตัวคอลัมน์ “เชื่อ คิดและทำ อย่างวิทยาศาสตร์” วันนี้ด้วยเรื่อง “มีใครอีกไหมในจักรวาล” หลังจากวันนี้ พบกันใหม่วันเสาร์แรกของทุกเดือน

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้วันนี้ : บนดาวเคราะห์โลก มีมนุษย์อาศัยอยู่

คำถามของเราวันนี้ : แล้วนอกเหนือไปจากโลก มีมนุษย์(ต่างดาว)อาศัยอยู่หรือไม่?

คำถามนี้ ย้อนหลังไปเมื่อประมาณกลางศตวรรษที่ยี่สิบ เป็นคำถามที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิทยาศาสตร์มีชื่อเสียง ไม่อยากจะตอบ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ ไม่มีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์

มาวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะคำถามนี้กลายเป็นคำถามที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์มีชื่อเสียงที่ล่วงลับไปแล้วดังเช่น คาร์ล ซาแกน (CARL SAGAN) และ สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง (STEPHEN HAWKING) และที่ยังมีชีวิตอยู่เช่น อาวี โลบ (AVI LOEB) ผู้เขียนหนังสือ EXTRATERRESTRIAL : THE FIRST SIGN OF INTELLIGENT LIFE BEYOND EARTH (ตีพิมพ์ครั้งแรก มกราคม พ.ศ.2564) ยินดีจะตอบ

แล้วความคิดความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกวันนี้ ต่อคำถามของเรา เป็นอย่างไร?

คำตอบตรงๆ คือ ส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า เรา(มนุษย์) มิได้อยู่เพียงลำพังบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ของเราอย่างแน่นอน คำว่าเราในที่นี้มิได้หมายถึงมนุษย์ที่เหมือนกับมนุษย์โลกทั้งรูปร่างลักษณะและองค์ประกอบตัวตนของเราทั้งหมด หากหมายถึง “มนุษย์” ในความหมายของ “สิ่งมีชีวิตทรงปัญญา” ที่คิดได้คิดเป็น หรือ “มนุษย์ต่างดาว” นั่นเอง

จริงๆ แล้วโอกาสที่มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่างหน้าตา หรือลักษณะทางกายภาพเหมือนกับมนุษย์เรา มีน้อยมาก หรือจะกล่าวว่า ไม่มีเลย ก็ได้!

...

ถ้าวันหนึ่ง มนุษย์ต่างดาวเดินทางมาถึงโลกของเราจริงๆ หรือมนุษย์เราได้พบกับมนุษย์ต่างดาวจริงๆ ต่างก็จะต้อง “ประหลาดใจ” หรือ “ตกใจ” กับความแปลกประหลาดของอีกฝ่ายหนึ่ง

พวกเรามนุษย์โลก เป็นสิ่งมีชีวิตที่องค์ประกอบพื้นฐานประกอบด้านธาตุสี่ชนิด คือ คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และออกซิเจน โดยเรามักจะเรียกชีวิตแบบพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตแบบคาร์บอน และการที่เรามีรูปร่างลักษณะ ขนาด ความสูงต่ำ ดังที่เราเป็น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพทางกายภาพของดาวเคราะห์โลกอันเป็นบ้านเกิดของเรา รวมไปถึงตำแหน่งของดาวเคราะห์โลกในระบบสุริยะของเราเองด้วย

มนุษย์ต่างดาวอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ที่ร่างกายประกอบด้วยธาตุแตกต่างไปจากมนุษย์โลกอย่างสิ้นเชิง เช่น เป็นมนุษย์ซิลิคอน มีระบบการทำงานของร่างกายที่ไม่เหมือนกับของมนุษย์โลก แหล่งพลังงานของร่างกายก็จะแตกต่างไปจากมนุษย์โลก การสืบพันธุ์ก็จะแตกต่างจากมนุษย์เราอย่างแน่นอน มนุษย์ซิลิคอนอาจจะเป็นมนุษย์ไม่มีการแบ่งเพศ

โอกาสจึงเป็นไปได้มากที่สุดที่มนุษย์ต่างดาว จะเป็นมนุษย์ประหลาดสำหรับเรา และก็เช่นเดียวกัน มนุษย์ต่างดาวก็จะเห็นเราเป็นมนุษย์ประหลาดสำหรับเขา

แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า สิ่งแปลกประหลาดที่เราเห็น คือ มนุษย์ต่างดาว?
“คีย์เวิร์ด” สำคัญ คือ ความเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา!

ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาถึงโลกโดยยานอวกาศของพวกเขา ก่อนที่เราจะสามารถเดินทางออกนอกระบบสุริยะไปถึงดาวบ้านเกิดของพวกเขาได้ เราก็ “เกือบจะ” แน่ใจได้ว่า สิ่งที่ออกมาจากยานอวกาศจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา

ทำไมจึง “เกือบจะ”?

ก็เพราะว่า อย่างหนึ่ง สิ่งที่ออกมาจากยานอวกาศ อาจไม่ใช่ “มนุษย์ต่างดาว” หากเป็นสิ่งอื่น เช่น “หุ่นยนต์” ที่มนุษย์ต่างดาวส่งมาเยือนโลกก็ได้

หรืออีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่ลงมาจากยานอวกาศ ถึงแม้จะเป็น “มนุษย์ต่างดาว” ตัวจริง แต่ “แปลกประหลาด” เกินจินตนาการของพวกเราเอง ที่ถึงแม้จะเตรียมใจรับความแปลกประหลาดของมนุษย์ต่างดาว แต่เมื่อได้พบกับพวกเขาจริงๆ ก็ยังเหนือความคาดคิดของพวกเราอยู่ดี

ตัวอย่าง หรือ?

มนุษย์ต่างดาวอาจ “ไม่มีรูปฟอร์ม” ที่แน่นอน หรืออาจเป็น “มนุษย์ล่องหน” ก็ได้ คือ เราไม่เห็นพวกเขา แต่เรา “รู้” หรือ “รู้สึก” ได้ว่ามีพวกเขาอยู่ตรงหน้าของเรา

...

แล้วนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอน มีหรือไม่?

คำตอบคือ มี!

อะไรเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเปิดใจรับเรื่องมนุษย์ต่างดาวกันมากขึ้น?

มีอยู่สองสาเหตุ!

หนึ่ง คือ การค้นพบโดยเอ็ดวิน ฮับเบิล เมื่อปี ค.ศ.1924 (พ.ศ.2467) ว่า จักรวาลมิได้ประกอบด้วยกาแล็กซีทางช้างเผือกเท่านั้น หากประกอบด้วยกาแล็กซีจำนวนมากมายมหาศาล

สอง คือ การทดลองโดย สแตนลีย์ มิลเลอร์ เมื่อ ค.ศ.1952 (พ.ศ.2493) จำลองสภาพองค์ประกอบบรรยากาศของโลก ก่อนจะมีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นบนโลก ได้ผลออกมาว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกสามารถเกิดอย่างเป็นธรรมชาติ จากวัตถุดิบต้นทางที่เป็นสิ่งไม่มีชีวิต (คือ ธาตุองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก รวมทั้งมนุษย์ด้วยสี่ชนิด ดังได้กล่าวถึงไปแล้ว) ได้

สาเหตุแรก (จากการค้นพบของเอ็ดวิน ฮับเบิล) ทำให้โอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์อื่นๆ นอกเหนือไปจากโลก เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกระทั่งมีคำกล่าวของ คาร์ล ซาแกน ดังไปทั่วโลกว่า:- “จักรวาลนั้นกว้างใหญ่มหาศาล ถ้ามีเฉพาะเราเท่านั้น ก็จะเป็นการสูญเปล่าอย่างน่าเสียดายที่สุด”

สาเหตุที่สอง (จากการทดลองของ สแตนลีย์ มิลเลอร์) ยิ่งเป็นสาเหตุใหญ่กว่าของ เอ็ดวิน ฮับเบิล เสียอีก เพราะหมายความว่า สิ่งมีชีวิตสามารถจะเกิดขึ้นมาบนดาวเคราะห์ดวงใดก็ได้ ที่มีองค์ประกอบทางธรรมชาติอย่างเหมาะสม

...

จากสองสาเหตุใหญ่นี้ ทำให้เรื่องของการศึกษาวิจัย และการค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาร่วมจักรวาลกับมนุษย์บนโลก คึกคักขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะคล้ายโลก การพยายามค้นหาสัญญาณ (การสื่อสาร) จากมนุษย์ต่างดาว ดังเช่น โครงการเซติ (SETI) และการส่งสัญญาณจากโลกไปหามนุษย์ต่างดาวด้วยคลื่นวิทยุ การส่งยานอวกาศ ไพโอเนียร์-10, ไพโอเนียร์-11, วอยเอเจอร์-1 และ วอยเอเจอร์-2 นำข่าวสารจากโลกบันทึกบนแผ่นโลหะ และข่าวสารในรูปของแผ่นวิดีโอ (พร้อมด้วยวิธีการเล่นแผ่นวิดีโอ) ไปหามนุษย์ต่างดาวโดยตรง

คำถามใหญ่ต่อเนื่องที่จะต้องถามกันอย่างแน่นอน คือ แล้วมนุษย์ต่างดาวมาถึงโลกหรือยัง?

คำถามนี้ใหญ่และน่าสนใจเกินกว่าที่เราจะเจาะลึกได้วันนี้ แต่ที่พอจะบอกได้คือ ความคิดความเชื่อ และการลงมือทำงานกันในเรื่องนี้ ของนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว ที่แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่คิดและเชื่อว่ายังไม่มีมนุษย์ต่างดาวเดินทางมาถึงโลกของเรา และกลุ่มที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเดินทางมาถึงโลกแล้ว

สำหรับ กลุ่มที่สอง ก็มีข้อมูลหลักฐานรายงานมากมายเรื่องยูเอฟโอ และมนุษย์ต่างดาว รวมไปถึงการ “เผชิญหน้าโดยตรง” กับมนุษย์ต่างดาว

ส่วนกลุ่มแรก จริงๆ แล้วก็ไม่ปฏิเสธทันที เรื่องรายงานเกี่ยวกับยูเอฟโอ เกี่ยวกับการสื่อสารพบปะของมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว แต่จะให้ความสำคัญของการตรวจสอบ การพิสูจน์รายงานต่างๆ อย่างให้เป็นวิทยาศาสตร์จริงๆ เพื่อให้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ (อย่างวิทยาศาสตร์) ที่ปฏิเสธไม่ได้
อย่างไรล่ะ?

ก็คงต้องติดตามเรื่องนี้กันต่อในโอกาสต่อไป!

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ

...