You are my Solskjaer
"คุณคือ โซลชาร์ ของฉัน"
My Ole Solskjaer
"โอเล โซลชาร์ ของฉัน"
You make me happy
"คุณทำให้ฉันมีความสุข"
และนี่คือ "ความสุข" ที่บุรุษชาวนอร์วีเจี้ยน นามว่า "โอเล กุนนาร์ โซลชาร์" บันดาลให้กับ Red Army และ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนในเพลงเชียร์ประจำตัวของเขา ที่กึกก้องในรอบรั้วโรงละครแห่งความฝันมาเนิ่นนาน
ร่วมเป็นขุนพลของป๋าเฟอร์กี้ ตั้งแต่ปี 1996 และรีไทร์ในชุดยูนิฟอร์มปิศาจแดง ในปี 2007 ลงเล่นไปทั้งสิ้น 410 นัด ยิงไป 159 ประตู แอสซิสต์ 50 ครั้ง ค่าเฉลี่ยในการทำประตู 153 นาทีต่อ 1 ประตู
โดยมีไฮไลต์ที่สาวกยูไนเต็ดไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำ คือ การยิงทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก พลิกพาปิศาจแดงที่จวนจะแพ้อยู่แล้ว เฉือนเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิก เป็นเจ้ายุโรปครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ พร้อมกับฟาด "ทริปเปิลแชมป์" ในฤดูกาลนั้น และเข้าสู่ยุคสมัย "เฟอร์กี้เอสซองซ์" ไปอย่างเกริกเกียรติ!
หากแต่ความสุขมันมักไม่อยู่กับ "เรา" เนิ่นนานนัก!
When skies are grey
"เมื่อท้องฟ้ากลายเป็นสีเทา"
...
"โอเล กุนนาร์ โซลชาร์" คุมทีม 3 ฤดูกาล ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2018 "ไร้แชมป์" ทั้งๆ ที่มีเงินให้จับจ่ายใช้สอย สำหรับเพียงเฉพาะซื้อนักเตะเข้าทีม รวมกันถึงกว่า 441 ล้านปอนด์!
แฮร์รี แม็คไกวร์ : 80 ล้านปอนด์
อารอน วาน-บิสซากา : 50 ล้านปอนด์
ดาเนียล เจมส์ : 18 ล้านปอนด์
บรูโน เฟอร์นันเดส : 67.7 ล้านปอนด์
อเล็กซ์ เตลเลส : 15.4 ล้านปอนด์
ดอนนี ฟาน เดอ เบค : 39 ล้านปอนด์
อามัด ตราโอเร : 37.2 ล้านปอนด์
คริสเตียโน โรนัลโด : 19.7 ล้านปอนด์
ราฟาเอล วาราน : 41 ล้านปอนด์
จาดอน ซานโช : 73 ล้านปอนด์
และหากคิดเป็น "ต้นทุน" สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของการ "ซื้อ-ขายนักเตะ" (หักลบการขายนักเตะแล้ว) ฟ่อนเงินที่ "ยูไนเต็ดยุคโซลชาร์" ใช้ไปจะอยู่ที่ประมาณ 312 ล้านปอนด์! ซึ่งสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก
ในขณะที่ผลงานล่าสุดในฤดูกาลนี้ อยู่ในอันดับที่ 8 หลังผ่านไป 12 นัด ทำไป 17 คะแนน ด้วยสถิติ ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 5 ทำได้ 20 ประตู เสีย 21 ประตู
7 นัดหลังสุดในลีก ทำได้เพียง 4 คะแนน จาก 21 คะแนนเต็ม (เสมอเอฟเวอร์ตัน และชนะสเปอร์ส) ที่เหลือ "แพ้รวด" และถูกยิงประตูไปรวมกันมากมายก่ายกองถึง 17 ประตู!
แถมหนึ่งในซีรีส์หายนะนี้ ยังมีไฮไลต์ที่ไม่น่าชวนจดจำ ซึ่งได้สร้างความอัปยศอดสู อย่างชนิด Red Devil แทบจะต้องแทรกกายมุดดำดินหนีผู้คน ด้วยการพ่ายแพ้ให้กับอริราชศัตรูสำคัญอย่าง "อภิมหาทีมเครื่องจักรสีแดง" คาบ้านเละเทะ 5 ประตูต่อ 0!
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ นอกจากจะปล่อยให้คู่แค้นสำคัญบุกมาย่ำยีถึงถิ่น แถมฝาก "รอยแผลเป็นคาหน้า" ด้วย "แฮตทริก" ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แล้ว ในเกมวันนั้นไม่มีแม้แต่สักวินาทีเดียวบนฟลอร์หญ้าที่ "ยูไนเต็ด" ดูจะสามารถท้าทาย หรือพอจะสู้กับ "คู่แค้นตลอดกาล" ได้ ทั้งๆ ที่เล่นอยู่ต่อหน้าสาวก ณ ตำบลโอลด์ แทรฟฟอร์ด แท้ๆ!
So please don't take
"ดังนั้นได้โปรด..."
My Solskjaer away...
"อย่าเอาตัวโซลชาร์ของฉันไป"
การ "ยื้อ" ที่ทำให้สูญเสียโอกาสครั้งใหญ่!
เสียงเรียกร้อง #Oleout! เพื่อให้เกิดความ "เปลี่ยนแปลง" ดูจะยังดังไม่พอให้เข้าถึงหูของตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม และเอ็ด วูดเวิร์ด ผู้บริหารของยูไนเต็ด ทั้งๆ ที่ผลงานของทีมตกต่ำดำดิ่ง แถมยังมีการประกาศยืนยันออกสื่ออย่างสม่ำเสมอว่ายังคงพร้อมให้การสนับสนุน "วีรบุรุษ" ผู้นี้ชนิด 100%
แต่นั่นนอกจากจะไม่ทำให้สถานการณ์ทีมดีขึ้นแล้ว ยูไนเต็ดยังสูญเสีย "เวลา" สำหรับการให้ "กุนซือที่คู่ควร" เข้ามาปรับปรุงทีมในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อทำอันดับให้ดีที่สุดในลีกด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือ "อันโตนิโอ คอนเต" (ปัจจุบันถูก ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ดึงตัวไปร่วมงานแล้ว) กุนซือระดับอ๋องที่น่าจะมาพร้อมกับ "ไดร์เป่าผม Made in Italy" ซึ่งคู่ควรเสียเหลือเกินสำหรับนักเตะแมนยูฯ ชุดนี้ ที่กำลังว่างงานในเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย (ที่สุด)
...
แต่ก็เอาเถอะ...! ในเมื่ออดีตไม่มีทางหวนคืน หลังการประกาศ "จากกันด้วยดี" ระหว่าง ยูไนเต็ดและวีรบุรุษ ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ "เป้าหมายสำคัญ" ที่จะนำปิศาจแดงไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ควรจะเป็นใครกันล่ะ?
แล้วที่เรียกว่า "ดีกว่า ณ ที่เป็นอยู่ในเวลานี้" อะไรคือมาตรฐาน?
สถิติการคุมทีมของ "โอเล กุนนาร์ โซลชาร์"
คุมทีม 168 นัด ชนะ 91 นัด เสมอ 37 นัด แพ้ 40 นัด ยิงประตูได้ 308 ประตู เสียประตู 183 ประตู ค่าเฉลี่ยพาทีมคว้าชัยชนะอยู่ที่ 54.2%
ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดในลำดับที่ 2 ของ 5 กุนซือยูไนเต็ด ที่ทำหน้าที่หลังยุคสมัย "เฟอร์กี้เอสซองซ์" (อันดับที่ 1 คือ โชเซ มูรินโญ 58.3% อันดับที่ 3 เดวิด มอยส์ 52.9% อันดับที่ 4 หลุยส์ ฟานกัล 52.4% อันดับ 5 ไรอัน กิกส์ 50%)
ซึ่งหากดูตัวเลขตามหน้ากระดาษนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่กุนซือผู้มี "ตราประทับความสำเร็จ" อย่าง "มูรินโญ" ซึ่งสามารถสร้างค่าเฉลี่ยพาทีมได้รับชัยชนะได้สูงถึง 58.3% ก็ยังไม่อาจพาแมนยูฯ พุ่งชนเป้าหมายแชมป์ลีกได้สำเร็จเลยสักครั้งเสียด้วยสิ!
...
แล้วในบรรดา "ตัวเต็ง" ทั้งหลายที่มีข่าวว่า "ยูไนเต็ด" หมายตาเอาไว้ คนไหนจะมีสถิติการคุมทีมที่เข้าตามากที่สุดกันนะ?
อันดับที่ 1
ซีเนดีน ซีดาน
อายุ 49 ปี
สถานะปัจจุบัน : ว่างงาน
คำจำกัดความ : มิสเตอร์สมบูรณ์แบบ และตัวเลือกที่เด็กผีทั้งหลายปรารถนามากที่สุด
ระบบการเล่น : 4-3-3 หรือ 4-4-2
สถิติการคุมทีม : 2016-2021 สโมสรเรอัล มาดริด สถิติ 301 นัด ชนะ 190 นัด เสมอ 63 นัด แพ้ 48 นัด ค่าเฉลี่ยพาทีมชนะ 63.12% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. 2021)
เกียรติประวัติการคุมทีม :
- แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง
- แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2 ครั้ง
- แชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 2 ครั้ง
- แชมป์ลาลีกา 2 ครั้ง
- แชมป์ซุปเปอร์คัพ 2 ครั้ง
อันดับที่ 2
เอริก เทน ฮาก
อายุ 51 ปี
สถานะปัจจุบัน : ผู้จัดการทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
คำจำกัดความ : กุนซือดาวรุ่ง และเนื้อหอมที่สุดในยุโรปเวลานี้
ระบบการเล่น : 4-3-3
สถิติการคุมทีม : 2012-2021 สโมสรโก อเฮด อีเกิลส์, บาเยิร์น มิวนิก II (ดิวิชั่น3), เอฟซี อูเทรคท์, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สถิติ 407 นัด ชนะ 259 นัด เสมอ 69 นัด แพ้ 79 นัด ค่าเฉลี่ยพาทีมชนะ 63.64% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. 2021)
...
เกียรติประวัติการคุมทีม :
- แชมป์เอเรดิวิซีลีก 2 ครั้ง
- แชมป์ดัตช์คัพ 2 ครั้ง
- แชมป์ดัตช์ ซุปเปอร์คัพ 1 ครั้ง
อันดับที่ 3
หลุยส์ เอ็นริเก
อายุ 51 ปี
สถานะปัจจุบัน : ผู้จัดการทีมชาติสเปน
คำจำกัดความ : กุนซือสไตล์บุกแหลก ทรงบอลสวยงาม โจมตีรวดเร็ว
ระบบการเล่น : 4-3-3
สถิติการคุมทีม : 2008-2021 สโมสรบาร์เซโลนา B, โรมา, เซลตาบีโก, บาร์เซโลนา, ทีมชาติสเปน สถิติ 418 นัด ชนะ 246 นัด เสมอ 86 นัด แพ้ 86 นัด ค่าเฉลี่ยพาทีมชนะ 58.85% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. 2021)
เกียรติประวัติการคุมทีม :
- แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 ครั้ง
- แชมป์ลาลีกา 2 ครั้ง
- แชมป์สเปนนิชคัพ 3 ครั้ง
- แชมป์สเปนนิช ซุปเปอร์คัพ 1 ครั้ง
- แชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 1 ครั้ง
- แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 1 ครั้ง
อันดับที่ 4
แบรนดอน ร็อดเจอร์ส
อายุ 48 ปี
สถานะปัจจุบัน : ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้
คำจำกัดความ : กุนซือหนุ่มของพรีเมียร์ลีกที่กำลังมีผลงานดีวันดีคืน
ระบบการเล่น : 4-2-3-1 หรือ 4-1-4-1
สถิติการคุมทีม : 2008-2021 สโมสรวัตฟอร์ด, เรดดิ้ง, สวอนซี, ลิเวอร์พูล, กลาสโกว์ เซลติก, เลสเตอร์ ซิตี้ สถิติ 615 นัด ชนะ 333 นัด เสมอ 120 นัด แพ้ 162 นัด ค่าเฉลี่ยพาทีมชนะ 54.15% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. 2021)
เกียรติประวัติการคุมทีม :
- แชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ 2 ครั้ง
- แชมป์สกอตติชคัพ 2 ครั้ง
- แชมป์สกอตติชลีกคัพ 3 ครั้ง
- แชมป์เอฟเอคัพ อังกฤษ 1 ครั้ง
อันดับที่ 5
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน
อายุ 49 ปี
สถานะปัจจุบัน : ผู้จัดการทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง
คำจำกัดความ : หนึ่งในกุนซือที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้ความชื่นชมอย่างยิ่ง
ระบบการเล่น : 4-2-3-1 หรือ 4-3-3
สถิติการคุมทีม : 2008-2021 สโมสรเอสปันญอล, เซาแธมป์ตัน, ทอตแนม ฮอตสเปอร์, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สถิติ 566 นัด ชนะ 273 นัด เสมอ 122 นัด แพ้ 171 นัด ค่าเฉลี่ยพาทีมชนะ 48.23% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. 2021)
เกียรติประวัติการคุมทีม :
- แชมป์เฟรนช์ คัพ
- แชมป์เฟรนช์ ซุปเปอร์คัพ
การเดินทางครั้งใหม่ของ "ยูไนเต็ด" หลังสิ้นยุคโซลชาร์ จะเดินไปในทิศทางไหน?
นี่คือคำถามอันสำคัญที่ Red Army กำลังรอคำตอบ ความล้มเหลวหลายฤดูกาลที่ผ่านมา คือสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะการที่ต้องตกอยู่ภายใต้ความสำเร็จของคู่แค้นสำคัญอย่าง ลิเวอร์พูล หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างชนิดแทบจะเทียบกันไม่ได้ หรือแทบไม่ใกล้เคียง ทั้งๆ ที่ขุมกำลังนักเตะที่มีดูยังไงมันก็ไม่ได้เป็นรอง กลุ่มทีมชั้นนำในเวลานี้มากมายอะไรนัก ไม่ใช่หรือ?
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเลือกกุนซือคนใดเข้ามาคุมทีม สิ่งหนึ่งที่แฟนๆ ต้องยอมรับ และอาจต้องใช้ความอดทนมากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ก็คือ บางทีความสำเร็จมันอาจไม่ได้มาโดยง่าย เพราะปัจจุบัน พรีเมียร์ลีก คือลีกที่มีสโมสรระดับชั้นนำที่พร้อมจะแย่งชิงกันเป็น "แชมป์" รวมกันมากถึง 6 ทีม หรืออาจจะเป็น 7 ทีม เมื่อใดก็ตามที่ นิวคาสเซิล ที่มีเจ้าของคนใหม่ซึ่งร่ำรวยมหาศาล เริ่มใช้เงินซื้อนักเตะ
หากแต่ปัจจัยที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ "ที่นี่" คือ ลีกที่เป็นแหล่งรวมของผู้จัดการทีมระดับโลก ที่พร้อมจะพาทีมเป็นแชมป์ลีกได้มากที่สุดในโลกแล้ว ณ เวลานี้ เพราะการจะพาทีมเป็นแชมป์ลีกได้ แปลว่า คุณจะต้องเอาชนะ "กุนซือ" อย่าง เยอร์เกน คลอปป์, เป๊ป กวาร์ดิโอลา, อันโตนิโอ คอนเต, โธมัส ทูเคิล ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ก่อร่างสร้างทีมมาก่อนหน้าเจ้านายคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ข่าวน่าสนใจ:
- "แอสตัน วิลลา" คือคำตอบที่ใช่ สำหรับ "สตีเวน เจอร์ราร์ด" หรือไม่?
- บทวิเคราะห์ "นิวคาสเซิล" จากทูนอาร์มี นาม "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
- "นิวคาสเซิล" การ Rebranding สู่ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย
- ไขอาการลองโควิด "ผมร่วงฉับพลัน" เจออีกโรค "ผมร่วงเป็นหย่อม" หลังฉีดวัคซีน
- "โจ ไบเดน" คุยอะไรกับ "สี จิ้นผิง" ใน Virtual Summit ครั้งประวัติศาสตร์