กลาสโกว์ เรนเจอร์ส

อดีต : แชมป์เก่าผู้ทำสถิติไร้พ่ายเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เตะ 38 นัด ชนะ 32 นัด เสมอ 6 นัด ไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว และทำให้ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ยุติการผูกขาดแชมป์เป็นฤดูกาลที่ 10 ติดต่อกันของอริร่วมเมืองตลอดกาลอย่าง กลาสโกว์ เซลติก ได้สำเร็จ และยังเป็นแชมป์ลีกเมืองวิสกี้ของ(อดีต)ทีมที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง กลาสโกว์ เรนเจอร์ส เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีด้วย

ส่วนในฤดูกาลปัจจุบัน "เดอะ ไลท์บลูส์" ยังนำเป็นจ่าฝูง สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ด้วยสถิติแข่ง 13 นัด ชนะ 9 เสมอ 3 แพ้ 1

แอสตัน วิลลา

ปัจจุบัน : ทีมอันดับที่ 16 ของตารางพรีเมียร์ลีก สถิติแข่ง 11 นัด ชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด แพ้ 7 นัด โดย 5 นัดหลังสุดในลีก "แพ้รวด" เพิ่งมีเพียง 10 คะแนน และห่างจากทีมโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนน ยิงได้ 14 ประตู แต่เสียประตูมากมายถึง 20 ประตู!

ทั้งๆ ที่...ใช้เงินทุ่มซื้อนักเตะในฤดูกาลนี้ไปแล้วถึงเกือบ 85 ล้านปอนด์!

...

บรรยายมาเสียยืดยาวสิ้นเปลืองไปก็หลายบรรทัด เพราะเพียงจะบอกเล่าถึง "สถานะในปัจจุบัน" ของสตีวีจี "สตีเวน เจอร์ราร์ด" กุนซือคนใหม่ของสโมสรสิงห์ผงาด "แอสตัน วิลลา" เท่านั้นเอง!

"สตีวีจี" ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่โจทย์ความท้าทายใหม่ๆ ที่มีบททดสอบยากมากขึ้นกว่าเดิมอย่างชนิดไม่มีการ "ลังเล" ซึ่งไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ชายผู้นี้สวมเครื่องแบบลิเวอร์พูลเข้าเสียบสกัดนักเตะปิศาจแดงจนแดดิ้นคาฟลอร์หญ้านั่นแหละ Oops!

แล้วทำไมต้องเป็น แอสตัน วิลลา?

ก่อตั้ง : ปี 1874

เกียรติประวัติ : แชมป์ยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก) 1 สมัย แชมป์ดิวิชัน 1 อังกฤษ (พรีเมียร์ลีก) 7 สมัย แชมป์เอฟเอคัพ 7 สมัย แชมป์ลีกคัพ 5 สมัย แชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 1 สมัย

ทั้งหมดตามบรรทัดด้านบนคือ "คำตอบ" ในสิ่งที่ "เฮียเจิด" กล่าวถึงในวันเปิดตัวชูเสื้อสิงห์ผงาดที่ว่า...

"สโมสรแอสตัน วิลลา เป็นสโมสรที่มีทั้งเกียรติประวัติ และยืนหยัดอยู่คู่กับขนบทางวัฒนธรรมของฟุตบอลอังกฤษมาช้านาน ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่"

ความมั่งคั่งของ แอสตัน วิลลา?

สนามวิลลา ปาร์ค :

ความจุ 42,682 คน ค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าสนามก่อนวิกฤติโควิด-19 (ฤดูกาล 2018-2019) ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในลีกแชมเปียนชิพ อยู่ที่ 35,379 คน (เฉพาะนัดเหย้าในลีก 23 นัด)

ในขณะที่ยอดขายตั๋วปี ในฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งเป็นปีที่ "สิงห์ผงาด" กลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จอีกครั้ง สูงถึง 30,000 ใบ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร

...

ฐานะทางการเงิน :

รายงานผลประกอบการประจำฤดูกาล 2019-2020 ณ สิ้นสุดปีงบประมาณในวันที่ 30 พฤษภาคม 2020 ตามรายงานบนหน้าเว็บไซต์ของสโมสรแอสตัน วิลลา ระบุว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้สโมสรสูญเสียเงินก้อนมหาศาลจากรายได้ในวันแข่งขัน (เนื่องจากไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนาม) รวมถึงการต้องคืนเงินค่าถ่ายทอดสดให้กับผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในช่วงที่การแข่งขันต้องหยุดชะงัก (13 มี.ค. 2020 - 17 มิ.ย. 2020) ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้สโมสรอย่างมีนัยสำคัญ โดยสโมสรมีรายได้เพียง 36.1 ล้านปอนด์ และขาดทุนเป็นเงินก้อนโตถึง 99.2 ล้านปอนด์ (ปีงบประมาณก่อนหน้าขาดทุน 68.9 ล้านปอนด์)

อย่างไรก็ดี ภายใต้การบริหารงานของเจ้าของร่วมที่ใช้เงินเพียง 30 ล้านปอนด์ ซื้อหุ้น 55% สำหรับการเข้า Take over สโมสร ภายใต้กลุ่มทุนที่มีชื่อว่า NSWE Group ตั้งแต่ปี 2018 ของ นาสเซฟ ซาร์วิริส (Nassef Sawiris) เจ้าของความมั่งคั่ง 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประเมินของนิตยสารฟอร์บส์ และ เวส อีเดนส์ (Wes Edens) มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เจ้าของความมั่งคั่ง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประเมินของนิตยสารฟอร์บส์ ซึ่งได้อัดฉีดเงินเข้าสู่สโมสรถึง 126.4 ล้านปอนด์ จึงช่วยให้สโมสรแห่งนี้ "ปลอดจากปัญหาหนี้สิน" ได้ต่อไป (ฤดูกาลก่อนหน้าอัดฉีดเงินให้กับสโมสรไป 105 ล้านปอนด์)

...

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน :

ตั้งแต่ฤดูกาล 2011-2020 แอสตัน วิลลา ใช้เม็ดเงินลงทุนไปกับโครงสร้างพื้นฐานของสโมสรรวมกันทั้งสิ้น 43.2 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ "นาสเซฟ ซาร์วิริส" และ "เวส อีเดนส์" เข้ามาบริหารงานในปี 2018 ได้มีการบรรจุเรื่องการลงทุนสร้างศูนย์ฝึกเยาวชนแห่งใหม่ เพื่อมุ่งเน้นการแสวงหา Wonder Kids สร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญสำหรับแผนพัฒนาสโมสรในอนาคต

โดยศูนย์ฝึกซ้อมและศูนย์ฝึกเยาวชนที่สุดทันสมัยแห่งใหม่ของสโมสรแอสตัน วิลลา ซึ่งมีชื่อว่า Bodymoor Heath Training Ground มูลค่า 14 ล้านปอนด์นี้ เพิ่งเปิดใช้ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง

งบประมาณสำหรับใช้จ่ายซื้อนักเตะ :

ตลาดซื้อ-ขายนักเตะในฤดูกาล 2021-2022 "วิลลา" ใช้จ่ายเงินซื้อนักเตะไปมากกว่า 85 ล้านปอนด์ หลังสามารถทำเงินจากการขายนักเตะไปได้มากถึง 108 ล้านปอนด์ (ในจำนวนนี้เป็นค่าตัวจากการขายนักเตะเสาหลักของทีมอย่าง "แจ็ค กรีลิช" เพียงคนเดียวถึง 100 ล้านปอนด์)

และในช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ นาสเซฟ ซาร์วิริส และ เวส อีเดนส์ เข้ามาบริหาร "สโมสรสิงห์ผงาด" ใช้เงินสำหรับเพียงเฉพาะการซื้อนักเตะไปรวมกันแล้วกว่า 300 ล้านปอนด์! หรือเฉลี่ยฤดูกาลละ 100 ล้านปอนด์

และทั้งหมดนี้ คือ "คำตอบ" ในสิ่งที่ "สตีเวน เจอร์ราร์ด" กล่าวถึงในวันเปิดตัวชูเสื้อสิงห์ผงาดที่ว่า...

"เห็นได้ชัดว่า สโมสรแอสตัน วิลลา มีการวางแผนสำหรับความทะเยอทะยาน และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะช่วยให้พวกเขาบรรลุสู่เป้าหมาย"

...

ทรัพยากรนักเตะ :

กลุ่มนักเตะแกนหลัก

1. เอมิเลียโน บูเอนเดีย ปีกชาวอาร์เจนตินา ที่เพิ่งถูกซื้อจาก นอริช ซิตี้ เพื่อถมช่องว่างขนาดมหึมา จากการสูญเสีย แจ็ค กรีลิช โดยเจ้าตัวเล่นได้ทั้งริมเส้นซ้ายและขวา หรือ Playmaker สร้างสรรค์เกมรุกหลังกองหน้า

2. เลออน ไบลีย์ ปีกความเร็วสูงมากทักษะ หนึ่งใน "Wonder Kids" ที่ถูกจับตามองจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปก่อนหน้านี้ เพิ่งถูกกระชากตัวมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ด้วยค่าตัวสุดแพง

3. แดนนี อิงส์ กองหน้าสไตล์อังกฤษขนานแท้ ผู้เต็มไปด้วยความมุทะลุดุดัน และพร้อมเอาตัวเข้าแลกเพื่อทำประตูได้ทุกเมื่อ ความรวดเร็ว การเข้าปะทะ และสามารถเก็บบอลให้กับทีมได้ดี คือ "จุดเด่น" แต่ "จุดด้อย" คือ การเล่นแบบปะทะไม่ออมแรง มักทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจนถูกลักพาตัวไปจากสนามอยู่บ่อยครั้ง (มากๆ)

4. เอมิเลียโน มาร์ติเนซ หนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดในความเห็นของ ลิโอเนล เมสซี มีความนิ่ง, เหนียวแน่น, ไม่ผิดพลาดง่ายๆ แถมยังสามารถโชว์ซุปเปอร์เซฟเหนือมนุษย์ได้บ่อยครั้ง คือจุดเด่นของนายทวารผู้นี้

5. แมตตี แคช แบ็กขวาอนาคตไกลสัญชาติอังกฤษ ที่วิลลาไปดูดมาจาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เพื่อฟูมฟักตั้งแต่ฤดูกาล 2019-2020 มีความเร็วสูง เติมเกมรุกดุดัน แถมมีลูกเปิดจากด้านข้างที่แม่นยำ

6. ไทโรน มิงส์ นายใหญ่ในแผงหลังของวิลลายุคนี้ ดุดัน แข็งแกร่งเรื่องลูกกลางอากาศ และมีบุคลิกความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม แต่มี "จุดด้อย" ตรงที่มัก "ออกลูกเหวอ" ให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน

7. จอห์น แม็คกินน์ มิดฟิลด์ Box to Box ผู้มีพลังล้นเหลือ คุมจังหวะเกมได้สุดเนี๊ยบ แถมเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งของสิงห์ผงาด โดยก่อนหน้านี้โดดเด่นถึงขนาดมีข่าวว่า เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือหงส์แดงเคยให้ความสนใจมาแล้ว

ซึ่งขุมกำลังนักเตะแกนหลักเหล่านี้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า น่าจะเล่นเข้ากับ Formation : 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 เน้นการโจมตีจากด้านข้าง และเพรสซิ่งบดขยี้คู่แข่งชนิดเต็มรูปแบบ ที่ "สตีวีจี" เคยนำมาใช้กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส จนประสบความสำเร็จมาแล้วได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงแต่มันอาจต้อง "รอเวลา" เพื่อการผสมสูตรการเล่นให้ลงตัวกับขุมกำลังที่มี เพราะหากใครยังไม่ลืม "พี่เจิด" ของเรา ก็ใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าที่จะสามารถสร้าง กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ให้กลับมาเป็นแชมป์ได้อีกครั้งเช่นกัน.

ข่าวน่าสนใจ: