• กลายเป็นสามัญชน คนธรรมดาไปแล้ว เมื่อเจ้าหญิงมาโกะ พระชันษา 30 ปี พระธิดาองค์โตในเจ้าชายอากิชิโนะ และพระภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะแห่งญี่ปุ่น เสกสมรสอย่างเป็นทางการกับนายเค โคมุโระ หนุ่มสามัญชน วัยเดียวกัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา

  • เจ้าหญิงมาโกะ ราชนิกุลหญิงพระองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ต้องสละฐานันดรศักดิ์ตามกฎมณเฑียรบาลและธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของญี่ปุ่น เมื่อเสกสมรสกับสามัญชนคนทั่วไป ทำให้ขณะนี้สมาชิกราชวงศ์อิมพีเรียล เหลืออยู่เพียง 17 พระองค์ โดยฝ่ายหญิงเหลือ 12 พระองค์ และฝ่ายชายเหลือ 5 พระองค์

  • การสละฐานันดรศักดิ์ มีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 2564 ทำให้สถานะกลายมาเป็นนางมาโกะ โคมุโระ ซึ่งตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับสามีสามัญชน ในสภาพแวดล้อมใหม่กลางนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ หลังฝ่าฟันอุปสรรคความรักมามากมายจนสภาพจิตใจย่ำแย่ ถูกชาวญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์ขุดคุ้ยประวัติของนายโคมุโระ ไม่คู่ควรกับเจ้าหญิงมาโกะ ทำให้พิธีเสกสมรส มีอันสะดุดเลื่อนออกไป ตั้งแต่หมั้นหมายในปี 2560

...

สถานะราชวงศ์ญี่ปุ่นเปลี่ยนไป หลังแพ้สงครามโลก

เพราะชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบแม้เป็นเจ้าหญิง การจัดพิธีเสกสมรสที่ผ่านมาแบบเรียบง่ายไม่ใหญ่โต แต่ไม่วายถูกชาวโซเชียลข้อครหา ว่าใช้เงินภาษีของประชาชน จนคู่รักทั้งสองต้องออกมายืนยันจ่ายค่าเช่าสถานที่ในโรงแรมด้วยตัวเอง และก่อนหน้านั้นเจ้าหญิงมาโกะ ประกาศไม่รับเงินค่าสละฐานันดรศักดิ์จากราชวงศ์ที่มอบให้จำนวน 150 ล้านเยน หรือประมาณ 44.28 ล้านบาท

"รศ.ดร.นรีนุช ดำรงชัย" คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นศึกษา มองว่า แม้ราชนิกุลหญิงแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น มีการสละฐานันดรศักดิ์มาแล้ว 9 พระองค์ แต่กรณีเจ้าหญิงมาโกะ ค่อนข้างพิเศษ เพราะประชวรด้วยโรคเครียดเผชิญกับภาวะ PTSD จากการที่จิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง ก่อนหน้าที่จะแต่งงาน และช่วงหนึ่งถูกกระแสต่อต้านการแต่งงานอย่างรุนแรง มีการวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายนายโคมุโระ มีปัญหาความด่างพร้อยของครอบครัว ในเรื่องหนี้สิน และอาจมีเรื่องฉ้อโกงมากมาย ทำให้ประชาชนเริ่มไม่พอใจ

“คนญี่ปุ่นมีมุมมองเปลี่ยนไปจากในอดีต หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานะของราชวงศ์ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนไป เพราะสหรัฐฯ เข้ามาได้นำความเชื่อต่างๆ พยายามทำให้ศรัทธาประชาชนมีต่อราชวงศ์ลดลงไป กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประเทศ คล้ายกับราชวงศ์อังกฤษ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ได้แตกออกไปทั้งฝ่ายที่ยังคงจงรักภักดี และอีกฝ่ายอย่างไรก็ได้ ทำให้ราชวงศ์ต้องระมัดระวังในการแสดงออก เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง”

เมื่อเจ้าหญิงมาโกะจะแต่งงาน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยสังคมมองว่าแม้นายโคมุโระ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ เรียนจบกฎหมายที่สหรัฐฯ และผลงานวิจัยโดดเด่น แต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าการคบหากับเจ้าหญิงมาโกะ จะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะด้วยปัญหาหนี้สิน ไม่ยอมคืนเงิน 4 ล้านเยน ให้อดีตคู่หมั้นของแม่ตัวเอง ทำให้คนญี่ปุ่นส่วนมากข้องใจ

อย่างล่าลุดในพิธีแต่งงาน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยคำแรกที่นายโคมุโระ พูดออกมาเพียงแค่บอกว่ารักเจ้าหญิง เท่านั้น แต่ไม่ได้ชี้แจงในประเด็นข้อข้องใจของคนญี่ปุ่น เพราะเจ้าหญิงมาโกะ มีโอกาสเป็นพี่สาวของว่าที่จักรพรรดิญี่ปุ่น ทำให้การแต่งงานไม่ราบรื่น เผชิญกับปัญหาที่กระทบด้านจิตใจ หลังถูกโจมตีทางออนไลน์

...

ขณะเดียวกันฝ่ายน้องสาวของเจ้าหญิง เห็นด้วยกับการแต่งงาน แต่ฝ่ายพ่อแม่ ไม่เห็นด้วย เพราะราชวงศ์ญี่ปุ่นพยายามวางตัวให้เรียบง่าย บนพื้นฐานโดยมีประชาชนเป็นหลัก จึงเกรงใจประชาชน หากนายโคมุโระ ไม่แสดงความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ ก็อาจไม่ค่อยยินดีกับการแต่งงานของเจ้าหญิงมาโกะ

สละฐานันดรศักดิ์ เรื่องวุ่นวายในราชวงศ์ อาจยังไม่จบ

...

แต่ด้วยประเทศญี่ปุ่น มีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุว่า ทุกคนมีสิทธิแต่งงานด้วยตนเอง จึงไม่อาจต่อต้านได้ และเจ้าหญิงมาโกะ มีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยน้องสาว ออกมาเชียร์ออกมาสนับสนุนการตัดสินใจแต่งงานในครั้งนี้

ในส่วนฝ่ายต่อต้าน มองว่าฝ่ายชายหวังจะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องในราชวงศ์ ซึ่งยังใช้ภาษีของประชาชน เพราะมีความฉลาด มีความรู้ด้านกฎหมาย หากแต่งงานไปแล้ว จะยิ่งทำให้ราชวงศ์ญี่ปุ่นหม่นหมอง

“ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก็เลยออกมาต่อต้าน และฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็ไม่แฮปปี้ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย ก็ต้องยอมให้งานแต่งเกิดขึ้น และหลายเสียงมองว่า แม้สละออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว ก็ยังได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากพ่อแม่ ในการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา อยู่คอนโดฯ หรูได้ เพราะการใช้ชีวิตในนิวยอร์ก คงอาศัยเงินจากอาชีพทนายของฝ่ายชาย ที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายคงไม่ได้ ยิ่งน้องชายจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ และด้วยภาพลักษณ์ของนายโคมุโระ และแม่ อาจจะเรียกร้องอะไรบางอย่าง”

...

ขณะที่สังคมญี่ปุ่น กำลังพยายามแก้กฎหมายธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อให้มีจักรพรรดิหญิง แต่จักรพรรดิคนปัจจุบันต้องรอให้หลานชาย ซึ่งเป็นน้องชายเจ้าหญิงมาโกะ ขึ้นมาเป็นก่อน ทำให้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในอนาคตที่จะมีจักรพรรดิหญิง เพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยม เกรงว่าจะเกิดจุดตกต่ำของราชวงศ์ เหมือนราชวงศ์อังกฤษ กรณีเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน

รอยยิ้ม สามีเจ้าหญิงมาโกะ มีเลศนัย เหมือนผู้ชนะ

มีอีกกรณีทำให้คนญี่ปุ่นกังวลใจ เพราะท่าทีการแถลงในวันแต่งงานของนายโคมุโระ มีการพูดไปยิ้มไป ราวกับเป็นผู้ชนะ และสื่อต่างๆ มองว่าเจ้าหญิงมาโกะเอนเอียงไปทางฝ่ายชายและผู้เป็นแม่ เป็นอย่างมาก จึงมีหลายเรื่องที่น่ากังวลใจอีก ไม่ใช่ว่าการสละฐานันดรแล้วทุกอย่างจะจบ แต่เป็นหนทางที่น่าจะดีที่สุด ตามที่เจ้าหญิงมาโกะ ออกมาแถลงว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็นทางเลือกที่จำเป็น เพื่อจะพิสูจน์ความรัก ซึ่งหมายความว่าการแต่งงาน อาจจะจบด้วยความล้มเหลวก็ได้ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ จึงเลือกที่จะตัดสินใจ หากการแต่งงานล้มเหลว ก็เป็นเรื่องของเจ้าหญิงมาโกะที่ต้องยอมรับ

จากความศรัทธาของคนญี่ปุ่นต่อราชวงศ์ ได้เห็นความแตกต่างในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันการแสดงออกของราชวงศ์ต้องระมัดระวัง หากไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกโจมตีโดยฝ่ายที่ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยม และเหตุการณ์การแต่งงานของเจ้าหญิงมาโกะ อาจทำให้ศรัทธาเสื่อมคลายลงไป แต่คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญทำให้ศรัทธาน้อยลงไปอีก เพียงแต่เกรงกันว่าฝ่ายชายจะเข้ามาล้างผลาญสมบัติของราชวงศ์ญี่ปุ่นหรือไม่

ชีวิตเจ้าหญิงมาโกะ หรือนางมาโกะ โคมุโระ ต่อจากนี้ไป ถือมีความเสี่ยงหากนายโคมุโระ เข้ามาทำอะไร หรือหากินจากเครือญาติราชวงศ์ หลังการแต่งงาน ซึ่งถูกต่อต้านมาโดยตลอด และเมื่อต่อสู้กับอุปสรรคไปแล้ว ทำให้เจ้าหญิงมาโกะ มองว่าสามีของเธอเป็นฮีโร่ ขอให้ติดตามดูหลังจากนี้ อาจอีกหลายปี ซึ่งมุมมองของเจ้าหญิง จะเปลี่ยนไปหรือไม่ กับผู้ชายที่กุมหัวใจเจ้าหญิงได้อยู่หมัด ใครจะเข้ามาห้ามก็ไม่ได้ จนราชวงศ์ต้องยอมผ่อนปรนให้ในที่สุด

หากเทียบเหตุการณ์แล้ว ทั้งราชวงศ์ญี่ปุ่นและอังกฤษ เหมือนกันมาก ระหว่างคู่ของเจ้าชายแฮร์รี่ กับเมแกน และคู่ของเจ้าหญิงมาโกะกับนายโคมุโระ อาจนำมาสู่ความเสี่ยงก่อผลกระทบต่อราชวงศ์ในอนาคต ระหว่างเรื่องความรัก หรือการเลือกที่จะรักษาผลประโยชน์ของราชวงศ์ ซึ่งต้องติดตามดูกันต่อไปฉากต่อฉาก.

ผู้เขียน : ปูรณิมา