วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นวันแรก ได้มีการอภิปรายที่ดุเดือดมีการลุกขึ้นประท้วงหลายครั้งในหลายประเด็น จนเกิดวาทะเด็ดๆ มากมาย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์จึงขอรวบรวมบางส่วนมาไล่เรียงให้ได้อ่านกัน
1. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้อภิปรายกล่าวหาว่า นายกฯ มีพฤติกรรมหนีภาษี โดยได้หุ้นจากกงสีครอบครัวแต่ออกเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN สร้างธุรกรรมซื้อปลอม เลี่ยงภาษี 218.7 ล้านบาท ทำให้นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงนายวิโรจน์ ทำให้นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ร้องกี้ก่อนได้ไหมครับ” จากนั้นนางนุชนาถได้กล่าวว่า “ท่านวิโรจน์ ไม่รู้สี่รู้แปด” นายวิโรจน์ จึงย้อนว่าผู้ประท้วง ประท้วงตามขอสัญญาว่าจ้างข้อไหนดีกว่า นางนุชนาถ จึงขอให้ถอนคำพูด นายวิโรจน์ จึงตอบโต้ว่า “ก่อนที่จะถอน ขอให้ ร้องกี้กี้ สัก 2 ครั้งได้ไหมครับ” นางนุชนาถ จึงโต้แย้งว่า ขอให้ถอนคำว่า “กี้กี้ด้วย” นายวิโรจน์ จึงกล่าวว่า “ได้ครับ ผมจะถอนคำว่า กี้กี้ ด้วยครับ จะได้นั่งลง” นางนุชนาถ จึงย้ำว่า ท่าน สส. ไม่รู้สี่ รู้แปดก็อย่างนี้แหล่ะ จนเกิดเป็นคำศัพท์ "กีกี้" ที่สะเทือนไปทั้งโซเชียล ( อ่านเพิ่ม : “กีกี้” เป็นเหตุ สส.ฟากรัฐบาล ลุกประท้วง “วิโรจน์” วุ่น ส่องความหมายคืออะไร)
ขณะเดียวกัน นายธีระชัย แสนแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้ประท้วงนายวิโรจน์ บอกว่า จะพูดจาอะไรพยายามใช้สมอง นี่ใช้สมองแค่ 2 ซีกเท่านั้น หนึ่งยกตนข่มท่าน ด้อยค่าคนอื่น ซีกที่สองคือยกย่องพวกตัวเอง คนแบบนี้เหมาะสมเป็นหัวหน้าม็อบ ทำให้นายวิโรจน์ตอบโต้ว่า ตนก็ยังดีใจที่ใช้สมอง เพราะเมื่อกี้คำพูดของท่านมันชัดเจนว่าไม่มีสมอง
...

ขณะที่ นายกฯ แพทองธาร ได้ชี้แจงว่ามีท่านสมาชิกเข้าใจว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ใช้สำนวนโวหารต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันตรงไปตรงมา ทำถูกต้องตามกระบวนการ ข้อกฎหมายทุกอย่าง
การทำธุรกรรมในเรื่องของหุ้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี มีการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว PN ซึ่งได้ติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการก็ไม่มีการเสียภาษีเพราะยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังไม่ทราบจำนวนและเสียภาษีไม่ได้ เป็นภาระหนี้สินระหว่างตนซึ่งเป็นผู้ซื้อและครอบครัวซึ่งเป็นผู้ขาย ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้วไม่มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.หมดแล้ว ตรวจสอบได้
“การกล่าวหาว่านายกฯ คนนี้หนีภาษี ไม่เป็นความจริงเลย และจริงๆ เป็นเรื่องตรงกันข้าม ถึงแม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่าแต่มั่นใจว่าเสียภาษีให้รัฐมากกว่าท่านแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

2. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีบกพร่องในการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ ว่าตัวเลขประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 26,432 ล้านบาทต่อปี ล่าสุดจะอนุมัติงบประมาณอีก 98 ล้านบาท เปรียบเสมือนซื้อยาพารามารักษามะเร็ง การแก้ที่ตรงจุดรัฐบาลต้องหาตัวผู้กระทำความผิด นำเงินทั้งหมดมาชดเชยเยียวยาให้กับเกษตรกร (อ่านเพิ่ม : “ณัฐชา” ฉายไทม์ไลน์ปลาหมอคางดำ สส.เพื่อไทย ลุกท้วงกล่าวหา “นายกฯ ไม่ทำอะไรเลย”)
"ถ้าไม่นำเข้ามาผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่นำมาผ่านการขออนุญาต ปลาหมอคางดำมันจะว่ายมาเองจากประเทศกานาก็จะฉลาดเกินไป รู้ว่ามีพ่อแม่อยู่ในศูนย์วิจัยตรงนี้ ลำพังแค่ว่ายมาถึงประเทศไทยก็เก่งแล้ว นี่ว่ายไปโผล่ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ถ้าฉลาดขนาดนั้น ให้เป็นนายกฯ ไปเลยไหม” นายณัฐชา กล่าว

3. นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยข้อบังคับที่ 9 ขอให้ประธานวางตัวเป็นกลาง และควบคุมการประชุม ระบุว่า ตั้งแต่เริ่มการประชุมสภาฯ ในช่วงเช้า ประธานสภามีมาตรฐานในการทำหน้าที่ที่ต่ำลง ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ จะกดปิดไมค์ นางสาวรักชนก ทันที พร้อมระบุว่า ตนเองไม่อาจทำให้สภาฯ นี้ตกต่ำลงได้ เพราะอยู่มานาน จึงต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสภาฯ พร้อมสั่งให้ น.ส.รักชนก นั่งลง และย้ำว่าตนเองทำหน้าที่เป็นกลาง จน น.ส.รักชนก มีอาการไม่พอใจและหันหลังเดินออกจากห้องประชุมไป
...

4.นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจัดการ PM 2.5 ล้มเหลว มีการปั้นตัวเลขเพื่อเคลมผลงาน เช่น เคลมว่าค่าฝุ่นทั่วประเทศลดลง 6% แต่หากอ้างอิงตัวเลขจากกรมควบคุมมลพิษ ตัวเลขเพิ่มขึ้น 6% และยังสั่งการลวก ๆ ไม่มีมาตรการที่จับต้องได้ เช่น ไม่มีการออกมาตรฐานบังคับสินค้าการเกษตรที่มาจากการเผา เป็นต้น
ด้านนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงแทนในฐานะกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยืนยันว่า นายกฯ ไม่ได้ละเลยการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทางกรมฝนหลวงวางตารางบินให้สามารถทำได้ทันที เพิ่มเวลาปฏิบัติการตอนกลางคืน ทำงานไม่มีวันหยุด และนายกฯ ยังได้สนับสนุนงบกลางจัดหาชุดผลิตสารฝนหลวง ซึ่งจะเป็นการลงทุนระยะยาวในการทำฝนเทียมและลดฝุ่นในชั้นบรรยากาศ และได้บัญชาการอีกว่าในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ให้ตนลงไปดูปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่ จ.เชียงใหม่กับกรมฝนหลวง แสดงให้เห็นว่านายกฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 มาโดยตลอด
จากนั้นนายภัทรพงษ์ ได้ขอใช้สิทธิพาดพิง ระบุว่า ขอบคุณรัฐมนตรีที่ได้ตอบในสิ่งที่ตนไม่ได้อภิปราย ดังนั้นหากเห็นแก่ปอดและลมหายใจ ขอให้นายกฯ ลองมาตอบเองเพราะคิดว่าน่าจะตรงประเด็นกับสิ่งที่ตนอภิปราย และทางหน่วยงานน่าจะเตรียมสคริปต์ให้กับนายกรัฐมนตรีมาตอบได้แล้ว
ขณะที่นายอิทธิ ขอใช้สิทธิพาดพิงระบุ ตอนที่ท่านอภิปรายตนนั่งฟังอยู่ด้วยซึ่งไม่ใช่สคริปต์แต่เป็นความจริงเพราะเราได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ ท่านไม่ได้ถามถึงปัญหาตรงนี้ แต่ตอนเรียนชี้แจงว่านายกฯ ได้ทำจริง และกรมฝนหลวงก็ได้ทำจริงจนถึงทุกวันนี้ ตนมาจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกันรู้ถึงจิตใจของการเป็นผู้แทนฯ สิ่งที่ตนชี้แจงเพื่อให้ท่านสมาชิกทราบรวมถึงคนไทยทั่วประเทศทราบว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการจริง ๆ ไม่ใช่นั่งอยู่ในห้องแอร์หรือสั่งการอย่างเดียวแต่มีการลงติดตามจริง
...

5.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าทุจริตเชิงนโยบาย มี 2 Super Deals ระดับแสนล้านบาท ที่สืบทอดมาจากขั้วอำนาจเก่า แต่มีการเอื้อประโยชน์เพิ่มเติมของรัฐบาลแพทองธาร โดย Super Deal แรก คือการแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีการปรับงวดเงินที่รัฐร่วมลงทุน 1.4 แสนล้านบาท ทุนใหญ่คว้าสัมปทานไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยหาประโยชน์เพิ่มด้วยการแก้สัญญา ส่วน Super Deal 2 คือการขยายสัมปทานทางด่วน หากินต่อจากสัมปทานเดิม ลักษณะของทุนใหญ่ที่เข้ามาหากิน คือ ได้สิทธิ์กินเต็มที่แล้ว แต่อยากกินต่อ เลยขอขยายสัมปทานไปเรื่อย
“พอกันทีกับตระกูลชิน หากินกับสัมปทานรัฐ ดีลแบบนี้คุณอาจมีกินมีใช้ แต่ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่าใช้คำไม่เหมาะสม อยากให้หลีกเลี่ยงการพาดพิงบุคคลที่ 3 คือคำว่า “ตระกูลชินวัตร” เพราะเป็นตระกูลใหญ่มีสมาชิกมาก หลายคนก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยากให้เจาะจงไปเลย และคำว่า “นายใหญ่” ที่หมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่ได้อยู่ในสภาไม่สามารถตอบโต้ได้ถือว่าไม่ยุติธรรม
...

6.นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม อภิปรายกรณีรัฐบาลผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตกลับประเทศจีน ว่าจะทำให้รัฐบาลไทยได้รับผลกระทบหลายอย่างในเวทีโลก เย้ยหยันหลักยุติธรรมจนทั่วโลกร่วมประณาม เสียทั้งภาพลักษณ์และผลประโยชน์ เป็นเหมือนละครคุณธรรมฟอกขาวตนเองความจริงพาประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โต้กลับว่านายกัณวีร์เป็นนักโกหกตัวยง ไร้ประสบการณ์บริหารประเทศ แสดงออกโดยไม่คำนึงถึงความมั่นคงของชาติ ใช้แต่จินตนาการพูดแล้วเหมือนไม่รักประเทศ โดยระบุว่า ไทยมี 3 ทางเลือกคือ 1. ขังต่อไป ซึ่งไม่สมควร 2. ส่งไปประเทศที่สาม ซึ่งไม่มีใครส่งหนังสือทางการมาขอรับตัว เป็นเรื่องการเพ้อฝัน 3. ที่บอกว่าไม่ใช่ชาวจีน ตนมีหลักฐานหมดว่าทั้ง 40 คนเป็นชาวจีน ตนมีหลักฐานแน่นอนว่า 40 คนนี้สมัครใจ
“ในฐานะถ้าท่านเป็นนายกฯ แล้วไปคุยกับผู้นำระดับสูงของประเทศที่เป็นมหาอำนาจหนึ่งแล้วยืนยันมาอย่างนี้ ท่านจะเชื่อฟังได้ไหม แต่ผมว่าท่านไม่รู้หรอกเพราะท่านไม่เคยเป็นรัฐบาล เป็นแต่ฝ่ายค้านพูดแต่เรื่องวิจารณ์ เอาจินตนาการมาด่าคนอื่น” นายภูมิธรรมกล่าว
ทำให้ สส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงว่าใช้คำเสียดสี โดยนายภูมิธรรมโต้ว่า ตนชี้แจงอย่างสุขุมที่สุดแล้ว ไม่เคยใช้คำว่า “กีกี้” ไปต่อว่าสตรี ซึ่งเป็นคำที่หยาบโลนมาก ท้าไปเปิดกูเกิลดูได้ จากนั้นจึงเกิดการประท้วงกันเดือด ทั้ง สส.รัฐบาลและ สส.ฝ่ายค้าน บอกว่านายภูมิธรรมเข้าใจความหมายคำว่า "กีกี้" ไม่ถูกต้อง จนนายภราดร ปริศนานันทกุล ประธานสภาถึงกับต้องลุกขึ้นและสั่งให้ทุกคนนั่งลง ระบุว่าในสภาเสียเวลากับการประท้วงไปมากพอแล้ว ประชาชนที่ติดตามไม่อยากเห็น หากเอาเวลาที่ประท้วงไปอภิปรายเพิ่มประชาชนได้ประโยชน์ เรื่องไร้สาระอย่าให้รกสภาฯ เลย นายภูมิธรรมจึงได้กลับสู่การชี้แจงโดยไม่มีการประท้วง (อ่านเพิ่ม : สภาเดือด “กีกี้” เป็นเหตุอีก เข้าใจคนละความหมาย “ภูมิธรรม” ซัด “กัณวีร์” โกหกปมอุยกูร์)

7.ต่อมาในเวลาประมาณ 21.20 น.นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อสภาอีกครั้ง ยืนยันเดินหน้าแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง ขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในระดับรัฐมนตรีเพื่อไม่ให้มีการเผา ที่กล่าวหาว่าตนสั่งการแต่ไม่มีคนทำนั้น เชื่อว่าข้าราชการทุกคนอยากทำเรื่องนี้ ขออย่าขีดเส้นตัดสิน ที่ผ่านมาฝุ่นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นเพราะการบูรณาการจากทุกฝ่ายร่วมมือกัน
ในส่วนของค่าไฟแพงนั้น ยืนยันไม่มีการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน รัฐบาลนี้ไม่เคยอนุมัติซื้อไฟฟ้าเพิ่มกับบริษัทไหนแต่เป็นการทำสัญญาที่มีมาก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ดังนั้นจึงเป็นการอภิปรายผลงานของรัฐบาลชุดอื่น
“ไม่แน่ใจว่าท่านกำลังอภิปรายรัฐบาลชุดไหน วันนี้นอกจากที่ท่านจะพูดถึงการซื้อที่ดินอัลไพน์ตอนดิฉัน 11 ขวบแล้ว ท่านก็ยังอภิปรายในเรื่องที่ไม่ทราบว่ารัฐบาลชุดไหนทำด้วย เพราะท่านกำลังอภิปรายดิฉันไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลชุดอื่นๆ ดิฉันรับฟังแล้วก็คิดขึ้นมาว่า อะไรๆ ก็ดิฉัน” น.ส.แพทองธาร กล่าว

8.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายนายกฯ รัฐมนตรีว่าเป็นต้นตอของความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมืองและการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยชี้ว่านายกฯ ได้ทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้ง นำไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตน ครอบครัว และเครือข่าย
“อดีตนายกฯ เศรษฐาเคยไปโอ้อวดในเวทีสหประชาชาติ ว่าประเทศไทยกำลังจะได้เริ่มบทใหม่ของประชาธิปไตย วันนี้พี่น้องประชาชนเขาฝากผมมาถามครับ ว่าบทใหม่เริ่มหรือยังครับ” นายพริษฐ์ กล่าว
รัฐบาลยัง “รวมกันอ้างชาติ” อ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติแต่ไม่เคยเอานโยบายส่วนรวมเป็นตัวตั้ง นอกจากนี้ นายกฯ เองก็ปากอย่างใจอย่าง เสแสร้งว่าต้องการปฏิรูปการเมืองแต่ไม่เคยออกแรงให้เห็น ชัดที่สุดคือความพยายามในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเทียบกับความพยายามในการผลักดันนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่แม้จะไม่เคยหาเสียงกับประชาชน แต่ถ้าอยากทำก็จะหาทางทำสำเร็จจนได้
“แน่จริงท่านนายกฯ ยอมรับตรงๆ เลยว่าพอได้เป็นนายกฯ ก็ไม่ได้สนใจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญอีกต่อไป แน่จริงท่านนายกฯ ยอมรับตรงๆ ไปเลยว่าไปทำดีลให้คุณพ่อกลับบ้านมาแล้ว ส่วนหนึ่งของดีลนั้นคือท่านต้องปกป้องรัฐธรรมนูญ 60 เอาไว้ให้ได้” นายพริษฐ์ กล่าว
