เปิดคลิปเสียง รีดเงิน 20 ล้าน "บอสปัน" โยง "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" พาออกรายการดัง "นักอาชญาวิทยา" วิเคราะห์เนื้อหาในคลิปเสียง ต้องพิสูจน์ว่าไม่มีการตัดต่อ พร้อมประเมินเข้าข่ายตบทรัพย์ หากใช้ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือในการหว่านล้อมให้หลงเชื่อ แม้ยังไม่รับเงินก็ผิดได้
บอสไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง! เป็นวลีอมตะของคดีดิไอคอน ที่ดูแล้วไม่อาจจบง่ายๆ เพราะหลังบอสพอล กับบรรดาบอสต่างๆ ระดับหัวแถว ถูกออกหมายจับไปในชุดแรก และมีคำสั่งในการดำเนินคดีกรณีที่เกี่ยวโยงกับการกระทำในลักษณะแชร์ลูกโซ่ แต่หลังจากนั้นบรรดาบอส ค่อยๆ ปล่อยคลิปเสียงบรรดานักวิ่งเต้น ที่อ้างว่ามาเรียกร้องให้จ่ายเงินในระดับหลักล้าน เพื่อไกล่เกลี่ยคดีให้
![อ่านคลิปเสียง รีดเงิน 20 ล้าน "บอสปัน" เข้าข่ายตบทรัพย์หรือไม่?](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04avdpp7AFlk7YfzFXJaQC51lXfn09mh.webp)
จนล่าสุด มีคลิปที่ "บอสปัน" ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนกรุ๊ป แม้ถูกคุมขัง แต่มีการปล่อยคลิปเสียง ที่โยงกับดาราชื่อดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" โดยเนื้อหาในคลิปเสียงมีการพูดถึงเงิน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการออกรายการข่าวชื่อดัง ของคุณหนุ่ม กรรชัย ต่อมาคุณหนุ่ม ได้เปิดเผยว่าได้โทรหาดาราชายดังกล่าว แต่ได้ปฏิเสธ ก่อนที่คุณหนุ่มให้ทนายไปแจ้งความกับตำรวจพร้อมคลิปเสียงดังกล่าว
...
วันเดียวกัน "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ออกมาขอโทษ หนุ่ม กรรชัย ยืนยันว่าคลิปเสียงดังกล่าว เป็นการประสานงานในการทำพีอาร์ แต่สังคมยังตั้งคำถามถึงคลิปเสียง ที่มีการเกี่ยวโยงกับนักร้องเรียนอีกท่านหนึ่ง
![อ่านคลิปเสียง รีดเงิน 20 ล้าน "บอสปัน" เข้าข่ายตบทรัพย์หรือไม่?](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04avdpp7AFlk7YfzFXNiJxB4F0PpLwf7.webp)
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า คลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ออกมา มีผู้ที่คุยอยู่ด้วยกัน 3 คน มีการอาศัยความน่าเชื่อถือ และการใช้สถานภาพของตนเอง เช่น ความเป็นดารา หรือผู้รู้ด้านกฎหมาย เพื่อให้คนที่ทำธุรกิจที่หมิ่นเหม่ ได้ยอมที่จะจ่ายเงิน
ส่วนรูปแบบที่จะจ่าย ผ่านการคุยคลิปเสียง มีการเจรจาให้จ่ายเป็นเงินสด ส่วนการจะจ่ายจริงหรือไม่ ในคลิปเสียงไม่มีการระบุ แต่ทางฝั่งคุณฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ออกมาแถลงข่าวว่ายังไม่ได้รับเงิน
“กรณีคลิปเสียง เจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงตัวเอง ส่วนจะมีการตัดต่อคลิปเสียงหรือไม่ ทางเทคนิคสามารถตรวจสอบได้ เช่นเดียวกับการพิสูจน์เส้นเสียงว่าตรงกับผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ก็สามารถพิสูจน์ได้”
หากวิเคราะห์ผ่านเนื้อหา หากมีการกล่าวถึงการให้นำเงินมา ไม่อย่างนั้นเรื่องของผู้ที่เป็นเหยื่อ จะถูกนำไปออกในรายการต่างๆ หรือจะถูกแจ้งตำรวจ เพราะไม่ได้ทำธุรกิจที่ถูกต้องเหมาะสม อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมายได้
แม้ผู้ที่กำลังคุยในคลิปเสียงยังไม่ได้รับเงินก็ตาม แต่มีความพยายาม ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องมาพิสูจน์หาข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อไป
![อ่านคลิปเสียง รีดเงิน 20 ล้าน "บอสปัน" เข้าข่ายตบทรัพย์หรือไม่?](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04avdpp7AFlk7YfzFXX31dieDkDjaQSs.webp)
กรณีนี้ ถ้าเป็นคนทั่วไปมาพูดอาจไม่มีใครเชื่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ที่ถูกกล่าวหา เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ดารานักแสดง และมีความเป็นไปได้ว่าอาจพาไปออกรายการดังได้ จึงกลายเป็นเรื่องเป็นที่น่ากังวล เพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ควรจะต้องสร้างมาตรฐานใหม่ ให้มีความตรงไปตรงมา ถูกต้องและเหมาะสม
เมื่อสอบถามว่า ทำไมคดีดิไอคอน ถึงมีผู้ที่ “เข้ามาตบทรัพย์” ในหลายกรณี ด้วยตอนนี้บรรดาบอสส่วนใหญ่อยู่ในเรือนจำ แต่ในเชิงการทำธุรกิจถือว่า มีการทำที่หมิ่นเหม่ ส่วนจะผิดหรือไม่ผิดต้องรอศาลตัดสิน แต่สิ่งนี้ทำให้นักกฎหมาย หรือผู้ที่แสวงหาประโยชน์ เข้ามาเรียกรับเงินในการวิ่งเต้น น่าสนใจว่า กรณีดิไอคอน อาจมีการจ่ายในลักษณะนี้มาแล้วหรือไม่ เลยทำให้กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์ลักษณะนี้ เข้ามามากขึ้น ซึ่งทุกอย่างต้องรอการพิสูจน์ชัดเจนต่อไป.