อดีตข้าราชการ เจอปัญหาหนี้ท่วมเป็นล้าน ตัดสินใจไปขุดทองไต้หวัน เคลียร์หนี้ ก่อนเจอทางสว่าง ปลูกหญ้า อาหารสัตว์ รายได้งาม...

ทางเลือกในการเป็นเกษตรกรนั้นมีหลากหลายสาย บางคนเลือกปลูกผัก ผักสลัด ผักสวนครัว ผักใบเขียวต่างๆ ใช้เวลาน้อย ได้เงินเร็ว หรือบางคนเลือกที่จะลดค่าใช้จ่าย 

บางคนเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์ วัว ควาย แพะ แกะ หมู ปลา หรือแม้แต่ แมลง ซึ่งแน่นอนว่า “ค่าใช้จ่าย” สำหรับสัตว์ หลักๆ ก็คือ “อาหาร”

และนี่คือเกษตรอีกรูปแบบหนึ่งคือ การปลูกพืช โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็น “อาหารสัตว์” นั่นก็คือ การปลูกหญ้า วันนี้ “เรา” มีโอกาสได้คุยกับ หยก อรณี สำราญรื่น เจ้าของหยกฟาร์ม ดินแดนหญ้าอาหารสัตว์ ตั้งอยู่ที่ บ้านมอดินแดง ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

หยก บอกกับเราว่า เดิมทีเป็นข้าราชการในส่วนเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งก็เริ่มต้นในระดับล่างสุด คือ C1 ซึ่งตอนนั้นก็ทำงานอยู่หลายปี ปรากฏว่า “เงินไม่พอใช้” และก็มีหนี้สินอยู่มากมายเป็นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้สินของทางครอบครัว จึงตัดสินใจลาออกจากราชการเพื่อไปแสวงโชคที่ต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายจะเอาเงินมาใช้หนี้  

...

“ตอนรับราชการ จำได้เลยว่าเงินเดือนบรรจุครั้งแรกในปี 2539 คือ 4,900 บาท และก่อนจะลาออกในปี 2545 ได้เงินประมาณ 6,000 กว่าบาท”

เจ้าของหยกฟาร์ม เผยว่า จากสภาพของครอบครัวเวลานั้น เราไม่มีทางเลือกอะไรมาก อยากที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ อยากจะใช้หนี้ให้หมด ตอนนั้นมีญาติมาชวนไปทำงานที่ไต้หวัน เราจึงตัดสินใจ “ลาออกจากราชการ” เพื่อไปหาเงินใช้หนี้ 

อรณี เล่าว่า ตอนที่เธออยู่ไต้หวันก็ทำอาชีพเป็นคนโรงงาน ทำงานในส่วนโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ประจวบเหมาะว่าเราไปเจอคนไทยที่นั่น ได้เจอหัวหน้าดีๆ มันก็มีโอกาสให้เราเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง และก็กลับมา “ช่วยกันใช้หนี้” ที่บ้านจนหมด เป็นล้าน 

เธอใช้เวลาในการทำงานอยู่ 6 ปี เซ็นสัญญาไปทำงานไต้หวัน 2 รอบ รอบละ 3 ปี เมื่อใช้หนี้หมดจึงกลับมาเมืองไทย... โดยกลับมาก็ไม่มีเงินเหลือ 

เริ่มต้นปลูกหญ้า อาหารสัตว์ ไม่ได้หวังขาย 

หยก อรณี เล่าต่อว่า หลังจากกลับมาก็มาอยู่ที่บ้าน เห็นพ่อแม่ก็ปลูกหญ้าไว้เพื่อให้เป็นอาหารวัว โดยทางครอบครัวเลี้ยงไว้ 2-3 ตัว โดยพ่อของเราเอาหญ้าพันธุ์ “เนเปียร์แคระ” มาปลูก โดยรับมาจากคนในหมู่บ้าน นอกจากนี้คนที่อยู่ใกล้ๆ กัน เขาเป็นพ่อค้าวัว 

“หญ้าที่ปลูกชุดแรกใช้พื้นที่แค่ 2 งาน แต่พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งใช้เวลาปลูกเดือนกว่าๆ เวลานั้นคนเลี้ยงวัว เขามาเห็นว่าเราปลูกหญ้า เขาก็มาขอซื้อ ตอนนั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า “หญ้า” ก็ขายได้หรือ...” 

สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็มีการบอกต่อกันแบบ “ปากต่อปาก” จากนั้นก็เริ่มมีคนมาซื้อเยอะ ที่ดินที่ปลูกหญ้าไว้ 2 งาน เราขายแค่ 1-2 วันก็หมด จึงเป็นที่มาว่าเราก็ขยายไปเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบัน เรามีการปลูกหญ้าเพื่อขายเป็นอาหารสัตว์ รวมถึงขายพันธุ์ของหญ้า เป็นเนื้อที่ 80 ไร่ แบ่งเป็นเนื้อที่ของตัวเอง 40 ไร่ และเช่าอีก 40 ไร่ 

พันธุ์หญ้าที่เหมาะกับการทำเป็นอาหารสัตว์  

สำหรับรายละเอียดการปลูกหญ้านั้น อรณี เผยว่า หญ้าทุกสายพันธุ์สามารถขายได้ 2 แบบ คือ ขายแบบสด กับหญ้าตัดบดทำหญ้าหมัก สิ่งที่เน้นคือ หญ้าบดหมัก โดย 2 สายพันธุ์ที่เหมาะในการตัดหมัก คือ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 กับนรกจักรพรรดิ์ 

โดยตอนขายช่วงแรกๆ เรายังไม่รู้จัก หญ้าบด หญ้าหมัก เราขายแต่แบบสดอย่างเดียว พอต่อมา กลุ่มที่เกี่ยวพืชอาหารสัตว์ เขามาแนะนำวิธีการหาคนมาสอนการทำหญ้าหมักกับเรา เราจึงเริ่มทดลองทำและขยายตลาดไปเรื่อยๆ 

...

“สำหรับสัดส่วนในการปลูก คือ 95% คือ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 กับ นรกจักรพรรดิ์ ส่วนที่เหลือคือ เนเปียร์แคระ, เนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ และหญ้าหวาน 

สำหรับ ราคาสับบดหมัก มันจะเก็บได้นาน 1-2 เดือน จะขายราคากิโลกรัมละ 2 บาท ส่วนหญ้าสด ราคาขายขึ้นอยู่กับฤดูกาล หากเป็นช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว กิโลกรัมละ 3 บาท 

“หญ้าสดจะราคาดีกว่า รอบตัดเร็วกว่า แต่ข้อเสียคือ หากเข้าฤดูฝนก็จะขายได้น้อย เพราะหญ้าเหล่านี้จะเติบโตเร็วในฤดูฝน สวนหรือฟาร์มที่ไหนเขาก็มี เขาจึงซื้อเราน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เป็นช่วงที่คนเลี้ยงสัตว์เขาได้ประหยัดต้นทุน” 

แต่สำหรับหน้าฝนของคนปลูกหญ้านั้นจะไม่ค่อยดีมาก เพราะการปลูกหญ้าของเรา เราอาศัยน้ำจากโรงงานแป้งมันที่ผ่านการบำบัดด้วยยูเรีย ซึ่งนี่ถือเป็นการประหยัดต้นทุนเรื่องปุ๋ย แต่ในพื้นที่มันจะเจอพวกวัชพืชมารบกวน จึงไม่ค่อยดีนักในหน้าฝน การเจอวัชพืชรบกวนมันจะส่งผลให้เกิดอัตราการตายได้มากขึ้น ผลผลิตหญ้าที่ปลูกไว้จะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนฤดูอื่น ปลูก 100% ก็ได้ผลผลิต 100% 

...

เทคนิคการปลูกหญ้าให้ได้ผลผลิตดี 

หยก อรณี เผยเทคนิคว่า เราใช้น้ำจากการบำบัดยูเรีย ซึ่งยูเรียจะเหมาะมากสำหรับการปลูกพืชที่เน้นใช้ใบ ไม่เน้นหัว แล้วเมื่อตัดแล้วมันก็งอกใหม่ มันเหมาะมากกับพืชชนิดนี้ แต่หากเราไปใช้กับการปลูกมัน ข้าว หรืออ้อย จะไม่เหมาะ 

ส่วนการปลูก เราต้องเตรียมดินให้ดี มีการไถเพื่อไม่ให้มี “วัชพืช” หลงเหลือเลย ไถให้ร่วนที่สุด พื้นที่บางแห่งมีวัชพืชเยอะ อาจจำเป็นต้องไถถึง 3 รอบ 

หลังจากเริ่มปลูก ดินต้องชุ่ม เราต้องรีบให้น้ำตาม ส่วนฤดูที่เหมาะสม ในการปลูกคือ ช่วงฤดูหนาว เพราะวัชพืชจะมีน้อย อย่าปลูกฤดูฝน เพราะดินโดนน้ำมันจะแน่น 

รายได้หลักแสน อาชีพเกษตร รวยได้ 

เจ้าของหยกฟาร์ม เผยว่า รายได้แต่ละเดือนจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนจะได้ผลผลิตน้อยกว่าช่วงหน้าอื่น โดยเฉพาะฤดูร้อนจะได้ผลผลิตดี ได้เต็มๆ 

“อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ดีมากๆ เพราะสัตว์กินทุกวันเช้าเย็น ตอนที่เราไม่ได้ทำ เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเลี้ยงเราได้นานขนาดนี้ ซึ่งถึงวันนี้ 17 ปี แล้ว” 

...

หลังจากเริ่มมีโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถขายท่อนพันธุ์ได้มากขึ้น เพราะมีกำไรมากกว่าการขายอาหารสัตว์ แต่อาหารสัตว์จะขายได้ทั้งปี แต่ท่อนพันธุ์ก็จะเป็นช่วงๆ 

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่าขายได้ดีมาก แต่แปลกมากในปีนี้คือ ตลาดในประเทศขายได้น้อยมาก เราจึงส่งขายท่อนพันธุ์ไปที่เมียนมา และลาว โดยเฉพาะก่อนช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ลาวจะขายดีมาก กระทั่งเขาโดนน้ำท่วม ออเดอร์จึงหาย แต่เราก็กลับมาได้ลูกค้าในประเทศ” 

โดยรวมรายได้ คุณหยกยอมรับว่า “ดีมากพอสมควร” เรียกว่าพออยู่พอกิน เฉลี่ยรายเดือนก็หลักแสนบาท บางเดือนก็ได้มากกว่านี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ช่วงเวลา 

“ความโชคดีของเราคือ เราได้แหล่งน้ำที่มียูเรีย ทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยไปมาก มีน้ำใช้ตลอดปี จึงเหมาะกับเรา ฉะนั้นการทำเกษตรก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสมด้วย เราต้องดูว่าแต่ละพื้นที่เหมาะกับอะไร” 

สำหรับหญ้าที่เอามาทำอาหารสัตว์ ทั้งสด ทั้งหมัก นั้นมันเหมาะกับสัตว์หลายชนิดมากๆ วัว ควาย ช้าง ตั๊กแตน จิ้งหรีด ปู ปลา เหล่านี้ ล้วนเป็นอาหารสัตว์ได้หมด..

อ่านบทความที่น่าสนใจ