คุยกับ “ประยุทธ เพชรคุณ” โฆษกอัยการสูงสุด แฉพฤติกรรม อัยการเก๊ ชี้ไม่มีกฎหมายห้ามแต่งตั้งปรึกษา ทำหนังสือเวียนเตือนพึงระวัง คนทำผิดเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนคดีอัยการเมืองคอน ย้ายด่วนแล้ว...
กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว 2 เรื่องติด สำหรับคดีการจับกุม นายมงคล อัยการเก๊ ที่มีหนังสือแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาอธิบดีอัยการ งานการสอบสวน เป็นของจริง โดยเจ้าตัวได้ใช้หนังสือดังกล่าว ไปกระทำการไม่เหมาะสม ทั้งข่มขู่ และคุกคามคนอื่น และอีกคดี คือ อัยการเมืองคอน หรือ จ.นครศรีธรรมราช ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนจับกุมในคดีตบทรัพย์
นายประยุทธ เพชรคุณ กล่าวกับ “เรา” ถึงเรื่องอัยการเก๊ ว่า ประเด็นของนายมงคล นั้น เริ่มจากไปข่มขู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานอัยการธัญบุรี อ้างว่าตัวเองเป็นที่ปรึกษาอัยการสูงสุด จากนั้น อัยการที่ธัญบุรีก็มีการฟ้องร้องนายมงคล ในข้อหาข่มขู่ผู้อื่นให้ตกใจกลัว เขารับสารภาพ ฟ้อง 30 ม.ค. 67 ซึ่งศาลได้สั่งจำคุก 15 วัน ปรับ 5,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี
อีกคดีเขาเป็นโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ว่าตัวเองเป็นพนักงานอัยการ และแต่งตัวเต็มยศ มีพฤติการณ์คุกคามอัยการหญิงท่านหนึ่ง และอัยการสูงสุดทราบเรื่อง ว่าเขาแต่งตัวเป็นพนักงานอัยการ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ ประกอบกับนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ และต่อมา พนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับในคดีนี้ และระหว่างไปจับกุม เขากำลังสอนหนังสืออยู่ ซึ่งก็แต่งกายเป็นอัยการอีก ก็ถือว่าเป็นการกระทำผิด
...
การแต่งตั้งที่ปรึกษาอัยการ?
นายประยุทธ พูดถึงประเด็นนี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการแต่งตั้งจริง แต่สำนักงานอัยการสูงสุดนั้น ไม่มีระเบียบเรื่องการแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษา ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของอัยการท่านนั้น เรียกว่าไม่มีระเบียบรองรับ และไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม คนๆ นั้นไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบพนักงานอัยการ
เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ นายประยุทธ บอกว่าสำนักงานอัยการยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้...
อย่างไรก็ตาม กรณีตั้งที่ปรึกษานั้น ทางผู้บริหาร ได้มีการทำหนังสือเวียน หรือกำหนดแนวทาง แม้เรื่องนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ แต่การตั้งที่ปรึกษาก็ให้พึงระวัง เพราะคุณเองถือว่าเป็นอัยการ
ส่วนกรณีอัยการที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาตบทรัพย์นั้น นายประยุทธ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดทราบเรื่อง และสิ่งที่ทำทันที คือ “ย้ายด่วน” ออกมาทันที ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เพราะให้สังคมมั่นใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
“ท่านสั่งให้อธิบดี ภาค 8 รายงานข้อเท็จจริง แต่เนื่องจากเป็นภาพข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชนค่อนข้างชัดเจน จากนั้น จะมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้านวินัย ส่วนด้านอาญาก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการ โดยขั้นตอนการสอบเบื้องต้น ใช้เวลา 30 วัน หากพบว่ามีมูลวินัยร้ายแรง ก็ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตามมาตรา 80 หากพบว่า หากยังรับราชการอยู่ จะทำให้ราชการเสียหาย ก็สั่งพักราชการได้เลย”
ถึงเวลาหรือยัง ที่อัยการควรเปิดบัญชีทรัพย์สินสู่สาธารณะ นายประยุทธ ตอบว่า อัยการมีการเปิดเผยอยู่แล้ว กับทาง ป.ป.ช. โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยมีกฎหมาย ป.ป.ช.กำกับอยู่แล้ว...
อ่านบทความที่น่าสนใจ