คุยกับชาวเวียดนาม 'คดีฆาตกรรม 6 ศพ' มองข่าวนี้ไม่ดังมากนักในประเทศ ส่วนตัวเชื่อไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย
คดีฆาตกรรม (?) สะเทือนขวัญกลางกรุงเทพฯ ณ ห้องพักหมายเลข 502 โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ กลายเป็นคดีปริศนาที่นำมาซึ่งข้อสงสัยมากมาย ข้อมูลขณะนี้ (17 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. แถลงว่า "เบื้องต้นเราพบสารไซยาไนด์ ที่แก้วทั้ง 6 ใบ… กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลทั้ง 6 ไม่เกี่ยวกับแก๊งอาชญากรที่มาก่อเหตุในไทย"
นี่นับเป็นหนึ่งคดีที่สื่อไทย และคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทีมข่าวฯ สงสัยใคร่รู้ก็คือ ณ ประเทศเวียดนาม มีการพูดถึงคดีนี้มากน้อยแค่ไหน เราจึงต่อโทรศัพท์ข้ามประเทศ เพื่อพูดคุยกับ Minh Nhut Huynh (มินห์ หยึด หวิ่นห์) หรือชื่อไทยว่า ภานุรุจ (#คุณรุจเวียดนาม) มัคคุเทศก์ชาวเวียดนาม ให้ช่วยไขข้อสงสัยคำถามดังกล่าว
"ไม่ได้ถือว่าเป็นข่าวดังมากนักในเวียดนาม" :
...
มินห์ หยึด หวิ่นห์ กล่าวทำความเข้าใจกับทีมข่าวฯ เบื้องต้นว่า สิ่งที่ตอบนั้น ตอบตามที่เห็นคนในโลกโซเชียล ตามกลุ่มต่างๆ คุยกัน เช่น กลุ่มคนเวียดนามที่เคยไปเที่ยวไทย กลุ่มของนักเรียน นักศึกษาที่เรียนในไทย หรืออื่นๆ ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ที่สร้างกันขึ้นมา
"จริงๆ แล้ว ข่าวนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นข่าวที่ดังมากนักในเวียดนาม แต่ถ้าคนในวงที่เขาเคยไปเที่ยวเมืองไทย ชอบเที่ยวเมืองไทย หรือทำงานเกี่ยวกับประเทศไทย เขาจะทราบข่าวตรงนี้เยอะ"
ภานุรุจ กล่าวต่อว่า ในประเทศก็มีออกข่าวนี้ ทั้งทางโทรทัศน์และออนไลน์ แต่ทางโทรทัศน์จะมีความเป็นทางการมากกว่า ข้อมูลหรือเรื่องอะไรที่ยังไม่ชัวร์ เขาจะไม่รายงานออกไป รอการยืนยันจากทางการ
แต่ทางออนไลน์จะมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่ตลอด และค่อนข้างเร็ว อย่างตัวรุจเอง ก็ทราบข่าวจากทางออนไลน์มากกว่า ส่วนข้อมูลต่างๆ นั้นก็ไม่ได้มีมากกว่าไทยเท่าไร ทางไทยเผยชื่อหรือรายละเอียดอะไรมา ฝั่งเวียดนามก็อิงตามนั้น
ส่วนช่างแต่งหน้าที่เสียชีวิตชื่อ Phú Gia Gia (ฟู้ ซา ซา) ไกด์รุจยืนยันกับเราว่า เป็นช่างที่มีชื่อเสียงที่เวียดนามจริง ค่อนข้างดังในวงการการแต่งหน้า และเป็นที่รู้จักของคนในวงการบันเทิง
ไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย :
มีการสันนิษฐานว่า คนเชื้อชาติเวียดนามซึ่งเป็น 1 ในผู้เสียชีวิต อาจเป็นคนลงมือฆาตกรรมเอง ประเด็นนี้สร้างความกังวลให้ชาวเวียดนามหรือไม่ว่า อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของคนในชาติ?
รุจ ตอบว่า ไม่นะครับ เพราะคนเวียดนามเขามองว่า เรื่องนี้เป็นปัจเจกบุคคล ส่วนคดีก็ไม่มีอะไรมาก เขามองกันว่านี่เป็นเพียงคดีหนึ่ง ส่วนตัวยังไม่เห็นใครมองไปถึงว่า คดีนี้จะยิ่งใหญ่จนทำให้ชาวโลกมองคนเวียดนามไม่ดี เพราะจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเหมารวมกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คดีนี้จะส่งผลต่อการท่องเที่ยว หรือภาพลักษณ์ของไทยหรือไม่ มินห์ หยึด หวิ่นห์ แสดงทัศนะว่า รุจว่ามันไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกัน เพราะส่วนมากทุกคนที่กำลังติดตามข่าวนี้ เขารอทราบสาเหตุแท้จริงกัน เขาคิดแค่ว่าเป็นการติดตามคดีหนึ่ง ที่เกี่ยวกับคนเวียดนาม ซึ่งเกิดขึ้นในไทย
"รุจลองไล่ดูตามคอมเมนต์ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้กัน ยังไม่มีใครพาดพิงเกี่ยวกับว่าไทยไม่ดี หลายคนเคยไปเมืองไทยมาหลายครั้ง เขาก็จะรู้ว่าคนไทย หรือประเทศไทย เป็นยังไงบ้าง หรือถ้าจะมีคนกังวลบ้างนั่นก็เป็นเรื่องปกติ"
"จริงๆ แล้วคนเวียดนามส่วนมากมีความรู้สึกดีต่อเมืองไทยอยู่แล้ว เขาก็คิดว่านี่เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับเขา เหตุการณ์เดียวจึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเมืองไทย และตอนนี้รุจเองยังไม่เห็นมีใครตั้งคำถามว่า การท่องเที่ยวไทยช่วงนี้อันตรายเหรอ" ภานุรุจ ย้ำกับทีมข่าวฯ อีกครั้ง
...
คนเวียดนามชอบเมืองไทย :
หากคุณผู้อ่านได้เห็นสกู๊ปเรื่อง ส่องสถิติ 'นักท่องเที่ยวเวียดนาม' เดินทางเข้าไทย ก็น่าจะพอเห็นว่า จำนวนชาวเวียดนามที่เดินทางเข้าไทยในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ชนิดที่เรียกได้ว่า เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วนปี 2567 ก็มีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้น
เมื่อมีโอกาสได้สนทนาข้ามประเทศเช่นนี้ ทีมข่าวฯ จึงไม่รีรอที่จะสอบถาม มินห์ หยึด หวิ่นห์ เพิ่มเติมว่า เพราะเหตุใดชาวเวียดนาม ถึงชอบและเลือกเดินทางมาเยือนไทยแลนด์?
รุจ ตอบว่า เหตุผลหลักเลย คือ แพ็กเกจเที่ยวราคาถูก ส่วนเหตุผลที่สอง ในบรรดาประเทศที่ราคาการท่องเที่ยวเข้าถึงได้ และมีความเป็นกันเอง ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีสีสันมากที่สุด อารมณ์ประมาณว่า ถึงใครไปเที่ยวบ่อยแล้ว ก็ไม่รู้สึกเบื่อ และอยากไปเที่ยวอีก ทั้งสถานที่ อาหาร และการช็อปปิ้ง
"ในมุมมองของรุจ การท่องเที่ยวถูกมีอีกหลายประเทศก็จริง แต่ของไทยจะหลากหลายที่สุด ถ้าคนไหนที่ชอบการท่องเที่ยวใหม่ๆ เขาไม่จำเป็นต้องไปกรุงเทพฯ สามารถไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต หรืออื่นๆ ได้อีกเยอะ นี่ยังไม่นับบางเส้นทางเมืองอื่นๆ ที่คนเวียดนามอาจจะยังไม่ได้รู้จัก"
...
ภานุรุจ เสริมว่า อย่างเรื่องอุปนิสัย คนเวียดนามส่วนใหญ่จะรู้สึกดีมากๆ กับคนไทย อย่างช่วงหลังๆ คนเวียดนามก็ไม่ได้ชอบเมืองไทยแค่การท่องเที่ยว แต่ชอบการทำงานด้วย เพราะนิสัยง่ายๆ คล้ายกัน สมมติว่า คนไทยกับคนเวียดนามทำงานเครียดๆ ก็อาจจะมีเวลาพักหาเรื่องตลกคุยผ่อนคลายกัน แต่เราอาจจะทำแบบนี้ไม่ได้กับคนอื่นๆ เพราะเขาอาจจะซีเรียส
"รุจเคยทำงานนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยให้คนเวียดนาม เลยรู้ว่าคนเวียดนามชอบไปเที่ยวไทย บางคนเขารู้สึกดีกับไทยมากๆ ไม่ได้มองถูกหรือแพง แต่มันเป็นเรื่องความชอบและรสนิยมไปแล้ว"
มินห์ หยึด หวิ่นห์ ทิ้งท้ายว่า ในอดีตมันอาจจะมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่สู้ดี แต่วันนี้ถ้าคนไทยมาที่เวียดนาม จะเห็นความแตกต่าง สังคมก็พัฒนาแล้ว ส่วนคนเวียดนามเมื่อได้ไปเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ก็มีมุมมองที่กว้างและเปิดใจมากขึ้น
.......................
อ่านบทความที่น่าสนใจ :