แกะรอยวางยาพิษ 6 ศพ โรงแรมหรูกลางราชประสงค์ ตำรวจคาดฆ่าล้างหนี้ 10 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ หากเป็นการฆ่าตัวตาย คนลงมือต้องวางแผนดื่มพร้อมกัน สภาพศพชี้ชัดสารไซยาไนด์ ชี้รอยนิ้วมือในห้องพักมรณะยืนยันใครคนฆ่า
เหตุสะเทือนขวัญเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 16 ก.ค. 67 ในโรงแรมดังย่านราชประสงค์ กรุงเทพฯ พบผู้เสียชีวิต 6 คนภายในห้องพัก ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกาย หรือร่องรอยการทำร้าย แต่ริมฝีปากเป็นสีดำ เชื่อถูกวางยาพิษสังหาร
ต่อมาวันที่ 17 ก.ค. 67 ตำรวจได้แถลงความคืบหน้าในการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเหตุผู้เสียชีวิต 6 ราย มีชาวเวียดนาม และบางคนถือสัญชาติอเมริกัน โดยเหตุเกิดในพื้นที่ สน.ลุมพินี จากการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันดังนี้
จากการตรวจสอบข้อมูล วัตถุพยานจากห้อง 502 จากการชันสูตรศพ และรวบรวมหลักฐาน รวมถึงตรวจสอบกระเป๋าทั้ง 8 ใบ ผู้ตายในห้องเกิดเหตุ พบ 6 ศพ โดยคนตายส่วนหนึ่งอยู่ตรงทางเข้า ส่วนคนตายอีกกลุ่มอยู่ในห้องนอน
สำหรับการตรวจสอบในระบบการจองห้องพัก ระบุการเข้าพัก 7 คน ซึ่งคนที่ 7 ได้เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าการมาเช็กอิน แต่ละคนมาเช็กอินด้วยตัวเอง ไม่มีคนแปลกปลอมเข้าพัก
...
และการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรม ยืนยันว่า มีเพียง 6 คน เข้าไปในห้องพัก ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปในห้องพัก ตอนแรกพนักงานโรงแรมตรวจสอบห้องเพื่อเช็กเอาต์ แต่เจอคนนอนอยู่ เลยเข้าไปในห้อง จนพบว่ามีผู้เสียชีวิตในห้อง
การตรวจสอบการเข้าพัก พบการเข้าพักตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ค. โดยทั้งหมดมาที่ห้อง 502 ซึ่งผู้ตาย 5 คน มาเข้าพักตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ค. 67 เวลา5 ทุ่ม จนวันที่ 15 ก.ค. 67 ผู้ตายบางส่วนเช็กเอาต์ และมายังห้องพักผู้ตาย มีการสั่งอาหารที่โรงแรม ซึ่งสั่งตั้งแต่เวลา 11.45 น. โดยพนักงานยืนยันนำอาหารไปวางบนโต๊ะ ส่วนแก้วชา พนักงานบอกขอชงชาให้ แต่หญิงผู้ตายรายหนึ่งบอกจะชงเอง
จากการตรวจสอบพบในถ้วยชา 6 ใบ พบสารไซยาไนด์ทั้งหมด ดังนั้น 1 ใน 6 เป็นผู้ก่อเหตุ โดยใช้สารไซยาไนด์
เบื้องต้นจากการที่คุยกับญาติผู้ตาย พบหญิงรายหนึ่งชักชวนร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่น และผู้ตายให้เงินไปแล้ว 10 ล้านบาท แต่ไม่มีการก่อสร้าง เลยนัดไปเคลียร์กันที่ญี่ปุ่น แต่ผู้ตายติดขัดเรื่องวีซ่า เลยนัดกันมาไทย และเกิดเหตุสลดดังกล่าว
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) วิเคราะห์ว่า สารไซยาไนด์ ถือเป็นสารพิษที่อันตราย มีการออกฤทธิ์เร็ว และเป็นสารพิษที่ละลายน้ำได้ดี ทำให้คนร้ายมักผสมในเครื่องดื่ม แต่กรณีที่เกิดขึ้นคาดว่าคนที่สังหารต้องมีการออกอุบายให้ดื่มพร้อมกัน เนื่องจากสภาพพื้นที่ในห้อง จะพบว่าแก้ววางไว้อย่างปกติ และผู้ตายบางส่วนเหมือนดื่มเข้าไปแล้วออกฤทธิ์ทันที ขณะที่บางส่วนพยายามวิ่งออกมาจากห้องแต่ไม่ทัน จนเสียชีวิตหน้าประตูห้อง
เมื่อถามว่า สารไซยาไนด์ที่คนร้ายนำมาใช้ น่าจะมาจากในไทยหรือต่างประเทศ รศ.นพ.วีระศักดิ์ มองว่า สารไซยาไนด์มีความร้ายแรง ใช้แค่นิดเดียวก็สามารถทำให้ตายได้ โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งสารไซยาไนด์ในต่างประเทศและลักลอบขายในไทยจะมีลักษณะเหมือนกัน โดยเฉพาะในไทย สารไซยาไนด์ถือเป็นตัวยาชนิดหนึ่งในการผลิตยาบ้า สิ่งนี้เลยทำให้ไม่สามารถปราบสารไซยาไนด์ไปได้หมด
...