"ยันต์ยุงดูดของลับ" เชื่อว่าจะดึงดูดชายที่ร่ำรวยให้มาลุ่มหลง สักได้เฉพาะสตรี ถือเป็นวิชาของฤาษี แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะตามตำราโบราณมีเพียงยันต์ "แมลงวันคํา" หรือ "แมลงภู่" ตามสายวิชาทางภาคเหนือ เผยปัจจุบันมีคนที่ไปสักผิดต้องมาแก้เอาของออกจำนวนมาก
กลายเป็นกระแสวิจารณ์ เมื่อมีอาจารย์จากสำนักสักยันต์แห่งหนึ่ง มีการอัดคลิปลงในโซเชียล โดยเป็นยันต์ยุงดูดของลับ ที่ลายสักจะเป็นรูปยุงขนาดใหญ่ หันหน้าไปทางหว่างขาของผู้หญิง เชื่อว่าช่วยเสริมเสน่ห์ สักได้เฉพาะผู้หญิง วิชาการสักอยู่ในสายของฤาษีไม่ใช่สายพุทธศาสนา
"อัมรินทร์ สุขสมัย" ผู้ศึกษาด้านโหราศาสตร์และไสยเวท กล่าวว่า ยันต์ยุงดูดของลับ ไม่มีในวิชาโบราณ ซึ่งวิชามหาเสน่ห์ที่เคยเห็นจะมีการสักแมลงวันคํา หรือแมลงภู่ ที่เป็นการเสริมเสน่ห์ เป็นการสักไว้ที่ต้นขา ยันต์ประเภทนี้สักไว้บนร่างกายไม่ให้สูงกว่าเอว
ยันต์ยุงดูดของลับ น่าจะเป็นของใหม่ที่ถูกคิดขึ้นมา วิชาการสักยันต์ส่วนใหญ่เป็นคติชนความเชื่อ ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ แต่มีการนำมาใช้ตามความเชื่อ ซึ่งการที่อ้างว่าเป็นยันต์ของฤาษี เพราะหลีกเลี่ยงการถูกวิจารณ์จากสังคม และความเหมาะสม
...
การวางตัวนะไว้ในยันต์ เป็นการดัดแปลงตัวพยัญชนะมาไว้ในยันต์ และถือว่าตัวนะ เป็นอักขระพิเศษ ถือเป็นยันต์ชนิดนึง จะมีผลในเรื่องคาถาอาคมความเชื่อ ซึ่งการนำนะเข้าไปประกอบในยันต์ยุงดูด ตามความเชื่อสามารถทำได้ เพราะในอดีต เวลาคิดยันต์ขึ้นมาใหม่ ก็มีการดัดแปลงนำไปใส่ลงในยันต์
ในวิชาอาคมโบราณ จะมียันต์บางประเภทที่ถูกกำหนดให้สักได้เฉพาะผู้หญิง หรือผู้ชาย โดยส่วนใหญ่เป็นการเสริมเสน่ห์ แต่เป็นการสักเฉพาะบริเวณของลับ โดยเป็นอักขระตัวเล็กๆ ไว้บนอวัยวะเพศ ซึ่งยันต์ประเภทนี้ ผู้หญิง นิยมสักมากกว่าผู้ชาย เพราะสมัยอดีตอาชีพขายบริการ ถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และหญิงที่ทำอาชีพนี้ มักจะไปสักยันต์นี้ หรือบางคนก็เน้นสักน้ำมันในร่มผ้า เพราะถ้าสักให้เห็นเป็นรูปบนผิวหนัง คนที่มาใช้บริการก็จะรู้สึกกลัวได้
รูปลักษณ์ที่นิยมนำมาสักยันต์ มหาเสน่ห์
สัญลักษณ์ ที่นิยมนำมาสัก เพื่อเพิ่มความเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม "อัมรินทร์" มองว่า ที่นิยมคือ จิ้งจก สาริกา อีเป๋อ ซึ่งปัจจุบันมักมีการคิดค้นยันต์รูปแบบใหม่ขึ้นมา แต่อ้างว่าเป็นของเก่า เพื่อให้เกิดความรู้สึกอยากสัก และมักอ้างว่าเป็นมหาเสน่ห์
ปัจจุบันมักมีวิชาแปลกๆ เกิดขึ้นมาก ซึ่งหลายคนเมื่อไปทำมาแล้วไม่ถูกวิธีก็เกิดผลเสีย ทำให้ตอนนี้มีคนที่ต้องมาถอนของจำนวนมาก เพราะไปทำมาแล้วมีผลเสียต่อตัวเอง ดังนั้น ประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองให้มากที่สุด เพราะสังคมปัจจุบันเป็นโลกโซเชียลที่ไปได้ไกล