โฉมหน้าว่าที่ สว.ทั้ง 200 คน ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกระดับประเทศ แบบข้ามวันข้ามคืน นักวิชาการพบว่า กว่า 80% เป็นขั้วอนุรักษนิยม ส่วนอีก 20% ขั้วเสรีนิยม ถึงมีข้อกังขาในระบบการคัดสรร แต่การยึด "สภาสูง" ของกลุ่มสีน้ำเงิน ก็ซ่อนนัยทางการเมือง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวังวนเดิม รวมถึงการปูทางสู่อำนาจทางการเมืองอย่างแยบยล

การคัดเลือก สว.67 ระดับประเทศ เมื่อ 26 มิ.ย. 67 ใช้เวลาคัดเลือกทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ แบบข้ามวันข้ามคืน กว่าจะได้ว่าที่ สว. 200 คน หลังจากนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะทำการตรวจสอบข้อร้องเรียนรายบุคคล และทำการรับรอง สว.ชุดใหม่

ท่ามกลางความหวังของประชาชน ที่มีต่อการทำหน้าที่ของ สว.ชุดใหม่ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ว่า หลังจากเห็นโฉมหน้า สว.ชุดใหม่ทั้ง 200 คน แม้มีการผสมผสานจากหลายกลุ่ม แต่ไม่กล้าคาดหวังอะไรมาก เนื่องจากสิ่งที่อยากเห็นตอนแรกคือ สว.ที่มีความอิสระอย่างแท้จริง ได้รับเลือกมาสัก 20 คน ก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจ แต่พอเห็นผลจริง กลับรู้สึกว่า ได้จำนวนน้อยกว่าที่คาดไว้

...

เพราะโฉมหน้าว่าที่ สว.ทั้ง 200 คน แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ ขั้วอนุรักษนิยม ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามา 80% ส่วนขั้วเสรีนิยม 20%

การเข้ามาของกลุ่ม สว.ฝั่งอนุรักษนิยม จำนวนมาก มีผลในทางการเมือง เพราะตอนนี้มีกฎหมายหลายฉบับที่รอ สว.ชุดใหม่อยู่ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กฎหมายประชามติ แม้กระทั่งการแต่งตั้งตัวแทนองค์กรอิสระ

น่าสนใจว่า การคัดเลือก สว. รอบนี้ มีกติการที่สามารถบล็อกโหวตได้ และด้วยพฤติกรรมของผู้สมัครทำให้เกิดเครือข่ายของการฮั้วระดับชาติ เลยไม่ได้ต่างอะไรจากที่คาดไว้ว่าจะได้ สว. 3 แบบคือ "ฮั้วได้ - จ่ายเงิน - คนหิวแสง" เนื่องจากระบบของกติกา ทำให้เกิดระบบนิเวศในการฮั้วกัน

เห็นได้จากตัวเลขของผู้ลงคะแนนในระดับอำเภอ และจังหวัด ที่ผู้ได้รับเลือก มีคะแนนที่ลงให้โดดสูงมากกว่าปกติ และพอมาถึงการลงคะแนนระดับประเทศ จะเห็นคะแนนของผู้สมัครในหลายกลุ่ม มีคะแนนสูงโดดมาก จนน่าผิดปกติ เช่น หลายกลุ่ม คะแนนของคนที่ได้ลำดับ 1-7 สูงทิ้งห่างในลำดับรองลงมา โดยคะแนนที่ได้อยู่ประมาณ 60-70 คะแนน

จุดเริ่มต้น สว.2567 ถอนรากระบบ คสช.

สว. ปี 2567 ทั้ง 200 คน กับความคาดหวังของประชาชน "รศ.ดร.ยุทธพร" มองถึงภารกิจแรกที่ สว.ชุดนี้ควรเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกคือ การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมีการทำงานร่วมกับ สส. ในการทำอย่างไร ที่จะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ เพราะยังเชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สว.ชุดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ เนื่องจากมีกลุ่มอนุรักษนิยมอยู่จำนวนมากพอสมควร

...

ต้องยอมรับว่า บุคคลที่ก่อนจะได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็น สว. ก็มีแนวทางที่ต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง ทัศนคติอาจเปลี่ยนไปจากเดิม

"สว.ชุดนี้ แม้มีการวิจารณ์ในหลายแนวทาง แต่เราสามารถนำระบบของ คสช.ออกไปได้มากพอสมควร เพราะว่าที่ สว.ชุดใหม่ 200 คน มีตำแหน่งนำหน้าชื่อเป็นยศทางทหารเพียง 5 คน คิดเป็น 2.5% เท่านั้น จากเดิม สว.ชุดเก่า 250 คน มียศนำหน้าทางทหารถึง 40% แต่อำนาจของ สว.ชุดใหม่ มีการแปลงรูปแปลงร่างหรือไม่ ต้องรอให้เวลาพิสูจน์การทำหน้าที่ต่อไป"