BUTTERBEAR กระแสมาแรงถูกพูดถึงในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก กับปรากฏการณ์ไอดอลสาวห้างแตก ที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เธอเป็นมาสคอตน้องหมีเนย ตัวกลมดิ๊ก ขนฟูนุ่มสีน้ำตาล ร่าเริงสดใส ขี้อ้อน เป็นกันเอง และเต้นเก่งสุดๆ จากร้านขนมหวานแบรนด์ Butterbear ในเครือ Coffee beans by Dao ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักตะมุตะมิ ได้ใจแฟนคลับทุกเจนไปหมด จนโด่งดังไกลไปถึงประเทศจีน และยังมีเพลงของตัวเอง 2 ซิงเกิล เพลง “It’s Butterbear” และเพลงล่าสุด “น่ารักมั้ยไม่รู้”

เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดในการใช้มาสคอตที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำ และจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจและการค้า พบว่า Butterbear หรือ บริษัท บัตเตอร์แบร์ จำกัด เพิ่งเปิดมาได้ 1 ปี ทำรายได้รวม 7,441,961 บาท กำไรสุทธิ 276,340 บาท ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา ในศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์, สามย่านมิตรทาวน์ และเซ็นทรัลเวิลด์ 

มาสคอต หลากหลายแบรนด์ทำให้คนจดจำ อย่าง "โรนัลด์ แมคโดนัลด์" ตัวตลกฉีกยิ้มกว้างของแมคโดนัลด์, “บาร์บีก้อน” มังกรตัวเขียวของบาร์บีคิวพลาซ่า, “ก็อตจิ” ตัวแทนทูตพลังงานของกลุ่ม ปตท. และล่าสุด “ลาบูบู้” จากความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับ POP MART เดินหน้าโครงการ “ลาบูบู้เที่ยวไทย” สร้างกระแสให้สาวกลาบูบู้ชาวจีน เดินทางมาท่องเที่ยวไทย

...

แม้การใช้มาสคอต เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการสะท้อนความเป็นแบรนด์ โดยเฉพาะธุรกิจยุคใหม่จะขาดไม่ได้ในการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายและทำแบบสุ่มๆ ต้องใช้เวลาและสร้างเรื่องราวของมาสคอตอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นมนุษย์จริงๆ ให้เข้าถึงผู้คนให้มากขึ้น เพื่อการจดจำในระยะยาว ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ยุค กี่สมัยก็ตาม

มาสคอตน้องหมีเนย ดังเพราะอะไร หรือโชคช่วย

กรณีของมาสคอตน้องหมีเนย BUTTERBEAR ดังจนพลุแตกในขณะนี้ ใครๆ ก็รักและเอ็นดู อยากอยู่ใกล้ๆ อยากสัมผัส อยากถ่ายรูปด้วย อาจเป็นเพราะโชคช่วยหรือไม่? “ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล” ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า ไม่สามารถตอบได้ชัดว่าเกิดจากโชคช่วย หรือเกิดจากอะไร ที่ผ่านมาก็มีมาสคอตเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างบาร์บีก้อน กว่าจะเป็นที่รู้จักต้องใช้เวลายาวนาน แต่สิ่งที่ชัดเจนของมาสคอตน้องหมีเนย เป็นเพราะตัวเจ้าของแบรนด์มีแพสชัน (Passion) เป็นเด็กรุ่นใหม่ไอเดียกระฉูด และรักในธุรกิจ ต้องถ่ายทอดให้ใครสักคนให้เป็นตัวเอง

“มีการวางโพสิชั่นเข้าถึงง่าย ให้คนรู้สึกว่าขนมอร่อย ก็เลยวางมาสคอตที่มีเพอร์ซันแนลสูง มีความน่ารัก เข้าถึงง่าย เพราะปัญหามาสคอตที่เคยเจอกอดไม่ได้ แต่น้องหมีเนยน่ารักจริงๆ เมื่อไม่สามารถแสดงสีหน้าได้ จะต้องเป็นหมีอารมณ์ดีอย่างไร ก็เลยอยู่ในรูปแบบของการเต้น การหันตัว และสิ่งที่แสดงออกมาด้วยการเต้น ก็เก่งมาก เหมือนการแสดงของคน เหมือนมาสคอตในดิสนีย์แลนด์ มีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เข้ามา ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่ง จนคนติดตามมากขึ้น”

เมื่อมีคนเข้าไปหาน้องหมีเนย BUTTERBEAR ก็ต้องเอารูปไปโพสต์ในแพลตฟอร์ม X มีการส่งต่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ TikTok และมีส่วนร่วมในการทำคอนเทนต์ ไม่ได้มีเกราะมากั้น มีการทักทายคนนั้นคนนี้ ไปทักทายร้านค้าใกล้ๆ และคนเห็นน้องหมีเนยในโซเชียล ก็มีความสุข อยากติดตาม จนกลายเป็นอินฟูลเอนเซอร์

อีกทั้งคนทำคอนเทนต์ ก็เก่งมาก อย่างการให้น้องหมีเนย อ่านจดหมายแฟน ซึ่งน่ารักมาก และสุดท้ายเอาเพื่อนมาสคอตมาเต้นด้วย ทำให้ทุกคนยิ้ม มีความสุข มีประสบการณ์ร่วม จนอิ่มเอมกับการแสดงที่ทำให้เคลิบเคลิ้ม จากประสบการณ์การให้บริการในการส่งความสุขให้คนดู

กลยุทธ์ 4 C เบื้องหลังความสำเร็จ BUTTERBEAR

อีกเรื่องที่ประสบความสำเร็จมีการคอลแลบ (Collab) กับธุรกิจอื่น เพื่อแลกฐานลูกค้าซึ่งกันและกัน จนทุกคนวินๆ และเนื้อหาต่างๆ ที่สร้างออกมา มีความสนุกสนาน มีความรวดเร็วแบบเรียลไทม์ ผ่านกลยุทธ์ 4 C คือ 1. Character มีการแสดงเหมือนมนุษย์ 2. Content ในการสร้างเนื้อหา 3. Collab กับธุรกิจอื่น และ 4. Communication มีการสื่อสาร และสร้างประสบการณ์ร่วม

...

ความดังของน้องหมีเนย BUTTERBEAR จะยาวนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสร้างแฟนคลับว่าจะมากน้อยแค่ไหน หากสร้างคอนเทนต์ต้องเป็นเนื้อหาน่าสนุก น่าติดตาม ยกเว้นเกิดดราม่า ก็มีโอกาสที่ไม่ได้ไปต่อก็เป็นไปได้ และอาจจะไม่ใช่โชคช่วยก็ได้ เพราะกระแสโซเชียลช่วยได้มาก และขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ แต่สิ่งที่กังวลคือเรื่องยอดขาย ก็เป็นความท้าทาย เพราะความดังของน้องหมีเนยลงทุนไม่มาก แต่ลงทุนสูงในเรื่องของมีเดีย จะต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหาร ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่

“หากทำคอนเทนต์ต่อเนื่อง มีของที่ระลึกขาย ในอนาคตอาจมีคอนเสิร์ตน้องหมีเนย BUTTERBEAR มีการจัดแฟนมิตติ้งก็ได้ และอีกสิ่งที่น่าสนใจ มีคนอยากรู้ว่าใครอยู่ในชุดนั้น อาจเป็นความลับ ไม่จำเป็นต้องเปิดหมวกออก ก็ยิ่งทำให้คนอยากรู้ว่าเป็นใคร กลายเป็นคำถามว่าคนอยู่ในชุดหมี มีแค่คนเดียว หรือหลายคน ยิ่งทำให้คนอยากติดตามมากขึ้น”.

เครดิตภาพ : เพจ Butterbear.th