ไล่เรียงไทม์ไลน์ ไล่ล่า 222 วัน “แป้ง นาโหนด” หนีคุก สะเดาะกุญแจ แหกป่า ฝ่าดงกระสุน ต้องตามจับตัวกันข้ามประเทศ สุดท้ายมาสิ้นท่า เพราะผู้หญิง 

จับได้แล้ว!! 

ที่ไหน...

“บาหลี” 

บทสนทนาระหว่าง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในอินโดนีเซีย ในนาทีที่ยืนยันว่า สามารถจับตัว “นักโทษ” ในคดีอุกฉกรรจ์อย่าง “แป้ง นาโหนด” หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี ที่ได้ทำการหลบหนีจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ด้วยการสะเดาะโซ่ตรวน (สะเดาะเอง หรือใครช่วยปลด?) ก่อนเดินเนียนๆ ผ่านกล้องวงจรปิดโรงพยาบาล และให้ลูกสมุนพาหนีออกไปอย่างง่ายดาย 

ก่อนหน้าจะหลบหนี การข่าวของตำรวจ ก็เคยเตือนไปแล้วว่า ได้กลิ่นแผนอันแยบยล และเตือนไปยังกรมราชทัณฑ์ว่าให้ระวัง!!

แต่...สุดท้าย ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ มีคดีติดตัวเป็นหางว่าว อาทิ คดีฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย รวมๆ ทั้งหมดกว่า 9 คดี 

ยังไม่รวมคดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว ในคดีปล้นและอาวุธปืน กำหนดโทษ รวมมากกว่า 20 ปี 6 เดือน 

กระทั่ง เวลา 00.06 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2566 เสี่ยแป้งได้หลบหนีจาก 2 ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชไปได้! 

อย่างแน่นอน สังคม หน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงตำรวจ ย่อมสงสัยว่า “เกลือเป็นหนอน” หรือไม่ หากมีการควบคุมตัวอย่างรัดกุม จะปล่อยให้ผู้ต้องหาคดีร้ายแรงแบบนี้หลุดมือง่ายๆ ได้อย่างไร 

ในเวลาต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้อนุมัติหมายจับ 2 ผู้คุม ในมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ 

...

2 ผู้คุม ได้มอบตัว สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และจากการสอบปากคำทั้งคู่ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา 

หนี ปะทะ กลางป่า 

อีกด้านหนึ่ง เมื่อ “เสี่ยแป้ง” หลุดจากพันธนาการแล้ว มีหรือจะอยู่เฉย สั่งการลูกน้อง พรรคพวก 6-7 คน มาช่วยพาหลบหนี กระทั่งมีรายงานว่า ไปกบดานอยู่ที่เทือกเขาบรรทัด หมู่บ้านตระ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ตรัง พัทลุง และสตูล ส่งผลให้ตำรวจต้องระดมกำลังไล่ล่า!  

จากสายข่าวที่ได้ ทำให้ค่อนข้างแน่ใจว่า “เสี่ยแป้ง” อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว กระทั่ง ชุดไล่ล่าตามสะกดรอยไปถึง 

โฮ่งๆๆ เสียงหมา ที่เสี่ยแป้งเลี้ยงไว้ ได้เห่าเตือน ทำให้ “แป้ง นาโหนด” กับพวกรู้ตัว ก่อนจะมีการเปิดฉากปะทะกับเจ้าหน้าที่ 

หลังควันปืนเริ่มจาง ก็มีข่าวลือว่า “แป้ง นาโหนด” สิ้นชื่อ ถูกเจ้าหน้าที่ “วิสามัญ” แต่...ข่าวลือ ก็คือข่าวลือ เพราะยังไม่มีใครยืนยัน รู้แต่เพียงว่า มีคนบาดเจ็บ 1 คน ทำหน้าที่ทำอาหารส่งเสบียง 

ยังไม่พบศพ!

ตำรวจชุดชายแดนไทย 54 และตำรวจภูธรภาค 9 ยืนยัน ไม่พบร่างเสี่ยแป้ง มีหลักฐานที่เหลือคือ ปืน M4 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนหลายร้อยนัด ที่ตกในที่เกิดเหตุ จึงคาดว่า “แป้ง นาโหนด” หนีไปได้ (วันที่ 8 พ.ย. 66)  

เมื่อไร้ร่องรอย...สิ่งที่ทำได้ ก็คือ ดำเนินการกับคนที่ยังอยู่ และจับได้ด้วยการดำเนินคดีกับคนที่ให้การช่วยเหลือ 

ส่วนอีกทีมก็ “แหวกป่า งมหากันต่อไป” จนทีมคนหาไล่ล่าเริ่มป่วย กระทั่ง “อาเรวัช กลิ่นเกษร” อดีตตำรวจปราบยาเสพติดคนดัง ออกมาเตือนทีมที่ไล่ล่าว่า “มันอาจไม่ได้อยู่บนเทือกเขาบรรทัดแล้ว” 

“ส่วนตัววิเคราะห์ว่า มันอาจจะไม่อยู่ในป่าแล้วก็ได้ อาจจะหนีไปตั้งแต่วันแรก หรือวันที่สองหลังปะทะกันแล้ว เนื่องจากหลังปะทะกัน มันอาจจะตีสวนแนว ซึ่งตำรวจก็ระดมกำลังปิดล้อม ความเป็นไปได้ คือ มันอาจจะหลุดจากวงล้อมมาแล้วก็ได้” อาเรวัช ให้สัมภาษณ์ 

...

คลิปว่อน! แป้ง นาโหนด อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม

24 พ.ย. 66 หลังล่องหนไปเดือนเศษ ก็มีคลิปหน้าคล้าย แป้ง นาโหนด มาเผยแพร่ และต่อมาได้รับคำยืนยันว่าเป็นตัวจริง

สิ่งที่แป้งอ้างในคลิป บอกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ไม่ได้รับประกันตัว เคยทำหนังสือไปถึง ก.ยุติธรรม หลายฉบับ แต่ไร้คำตอบ 

คดีเดียวกัน แต่อัยการคนหนึ่ง ดาบตำรวจคนหนึ่ง และจ่าสิบเอกคนหนึ่ง ได้ประกันและไม่ฟ้อง ทั้งที่เป็นคนวางแผน นอกจากนี้ ยังอ้างไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และปฏิเสธของกลางที่พบในป่า  

จะบอกว่า กระทรวงยุติธรรม ความเป็นธรรมไม่มีอยู่จริง ถ้ามีอยู่จริงช่วยเอาอัยการคนหนึ่งกับพวกไปดำเนินคดี แล้วผมจะมอบตัว...นี่คือคำอ้างของ “แป้ง นาโหนด” 

แน่นอนว่า แค่เอ่ยชื่อ ความซวยก็มาเยือน ต่อมาได้มีคำสั่งย้ายอัยการคนดังกล่าวเข้ามาส่วนกลาง พร้อมมีการตรวจสอบคดี 2 สำนวน ที่เกี่ยวกับ แป้ง นาโหนด ซึ่งมีการยื่นฟ้องตำรวจชุดจับกุม 8 นาย พลเรือน 1 นาย ในกรณีอุ้มรีดทรัพย์และกักขังหน่วงเหนียว โดยมีการอ้างว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์ 500,000 บาท 

25 พ.ย. 66 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่า การพาดพิงของผู้ต้องหานั้น หากต้องการที่จะรื้อคดีใหม่ ตามหลักประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องจนถึงที่สุด จะต้องมีพยานหลักฐานใหม่ แต่คำพูดของนายเชาวลิตในคลิปวิดีโอยังไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่นายเชาวลิตระบุถึงในจดหมายร้องเรียน หรือบุคคลที่ไม่ได้ถูกสอบปากคำเป็นพยาน รวมถึงเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าหากรวบรวมได้ เราถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่

อย่างไรก็ตาม รมว.ยุติธรรม ได้มีการสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีตำรวจและทหาร ร่วมก่อเหตุไปชิงตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนถูกจับกุม ดำเนินคดี 

...

นั่งสปีดโบ๊ต หนีเข้าอินโดนีเซีย 

ไม่นานนักหลังคลิปว่อน ตำรวจก็สามารถหาตัว “แป้ง นาโหนด” ได้ แต่ตามไปจับไม่ได้...

จากการสอบเค้น 1 ในทีมพาหนี ก็ทราบว่า เสี่ยแป้งได้ขึ้นเรือสปีดโบ๊ต หนีไปประเทศอินโดนีเซียแล้ว 

โดยในช่วงคืนวันที่ 8 ต.ค. เสี่ยแป้งได้ซ้อน จยย. ลูกน้องคนหนึ่ง ไปส่งที่หน้าวัดพรุนายขาว ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เมื่อไปถึงมีชายขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ไม่ทราบทะเบียน มารับตัวเสี่ยแป้งไปอีกทอด 

จากนั้นอีกวัน เสี่ยแป้งให้มารับของบางอย่าง เมื่อเจอตามนัด เสี่ยแป้งนำปืนใส่ถุงพลาสติกให้ จึงนำไปฝังไว้หลังบ้าน ก่อนถูกตำรวจจับ 

ขณะที่แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ชายที่ขับรถวีออส น่าจะเป็นผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าเสี่ยแป้งน่าจะไปหลบซ่อนตัวใน จ.อาเจะห์ มีกำนันคนดังรายหนึ่งที่อดีตเคยค้าขายทางเรือกับพ่อค้าอินโดนีเซีย เป็นผู้ให้ความสะดวกในการหลบหนี และประสานงานกับอดีตนายทหารยศ พ.ท. รายหนึ่งของประเทศอินโดนีเซียให้การดูแล

...

ผลพวง คลิป แฉ ฟ้อง กราวรูด ตร.อุ้มรีด 

หลังจากการตรวจสอบข้อมูล 22 ธ.ค. 66 นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 9 พิจารณาแล้ว ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 โดยเป็นตำรวจ 7 ราย มาตรา 157 มียศตั้งแต่นายดาบ จนถึงพันตำรวจตรี 

222 วัน ไล่ล่า “แป้ง นาโหนด” 10 ปฏิบัติการ!

30 พ.ค. 67 มีรายงานว่า ตำรวจอินโดนีเซีย ควบคุมตัว “แป้ง นาโหนด” ได้ 

โดย ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้มีการประสานกับทางการอินโดนีเซีย ซึ่งเขาก็มีขั้นตอนทางกฎหมายของเขา

จากการสืบสวน พบว่าในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีหญิงคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นแฟนสาวของนายแป้ง ได้เดินทางไปยังเมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย ชุดสืบสวนทั้งหมดที่นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ จึงได้เดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พร้อมกับประสานตำรวจประเทศอินโดนีเซียในการสืบสวนติดตามตัว 

จากการสืบสวนทราบว่า นายแป้งได้ทำบัตรประชาชนปลอม เพื่อโดยสารเครื่องบินเดินทางไปเที่ยว “บาหลี” กับแฟนสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทย ระหว่างที่อยู่บาหลี พบว่าทั้งสองเกิดทะเลาะกัน เนื่องจากทราบว่า เสี่ยแป้งมีกิ๊กเป็นสาวอินโดนีเซีย แฟนสาวจึงบอกเสี่ยแป้งว่า จะเดินทางกลับประเทศไทย 

แต่ก่อนที่จะกลับ ตำรวจได้รับรายงาน โดยมีพยานว่า เห็นนายแป้งกับแฟนทะเลาะกัน และเวลานี้ สาวไทยกำลังรักษาตัวที่ รพ.ในบาหลี เนื่องจากมีอาการป่วย จังหวะนี้ ตำรวจจึงได้เข้าสอบปากคำหญิงสาวไทย ก่อนจะเดินทางกลับวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา...

หญิงสาวได้ให้ที่อยู่สุดท้ายของ “เสี่ยแป้ง” กับตำรวจ เป็นที่มาของการบุกจับกุมได้สำเร็จ ทั้งนี้ ตำรวจอินโดนีเซีย ใช้เวลาเพียง 10 วัน ในการไล่ล่าตัว 

หลังจากดำเนินการต่างๆ ในอินโดนีเซีย และทางการไทยได้ประสานงานส่งตัวเรียบร้อย กระทั่งเวลา 17.38 น. วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ม.10 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  เครื่องบินซุปเปอร์เจ็ตของประเทศอินโดนีเซีย บินลงแตะรันเวย์สนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช

จากนั้น  “แป้ง นาโหนด” ได้ถูกตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้ามาแสดงหมายจับ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย อาทิ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, ผช.ทูตประเทศอินโดนีเซีย ร่วมอยู่ด้วย

หลังจากดำเนินการที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้วเสร็จ ล่าสุด วันนี้ (5 มิ.ย.) มีการส่งตัว “แป้ง นาโหนด” มาที่ “เรือนจำบางขวาง” ซึ่งถือเป็นเรื่องจำที่มีความมั่นคงสูง ซึ่งต่อมา นพ.สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ จะป้องกันการหลบหนีอย่างไร และ แป้ง นาโหนด มีโอกาสจะถูกลอบสังหาร หรือเสียชีวิตจากการป่วย ติดเชื้อในกระแสเลือดหรือไม่ 

นพ.สมภพ อธิบายว่า ขั้นตอนจะต้องรอให้กักโรคครบตามกำหนด 10 วันก่อนถึงจะนำไปคุมขัง แต่จะต้องแยกขัง เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ 

ในคดีสำคัญ ทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการในการแยกคุมขังและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ หรืออาจจะถูกผู้คุมขังด้วยกันทำร้าย หรือทำร้ายตัวเอง ทางเรือนจำได้มีการให้คนเฝ้าระวัง รวมถึงมีกล้องวงจรปิดคอยดูพฤติกรรม 

ในขณะที่การหลบหนีมี 2 เรื่อง คือหลบหนีจากภายนอกกับหลบหนีจากภายใน กรณี แป้ง นาโหนด เป็นการหลบหนีจาก รพ.ขณะนำตัวไปรักษา ซึ่งเรือนจำกลางบางขวาง เป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูง แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องทำตามสิทธิมนุษยชน เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วยของผู้ต้องขัง ก็มีความจำเป็นที่จะต้องส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอก ทำให้ผู้ต้องขังอาศัยช่วงนั้นหลบหนี 

นี่คือไทม์ไลน์ทั้งหมดของ “แป้ง นาโหนด” ผู้ต้องหาคนสำคัญ ที่ใช้เวลาในการไล่ล่าถึง 222 วัน เสียงบประมาณมากมายในการติดตามตัว ส่วนกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการไปรับตัวกลับเหมือนเป็นผู้ทรงเกียรติ เรื่องนี้ รมว.ยุติธรรม บอกว่า เป็นเพียงมุมมองของคน จะมองเช่นไรก็ได้ คงไม่ใช่แห่ไปรับ เพราะการจับกุมในต่างประเทศ ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น ต้องมีการประสานข้อมูลกัน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ