เมียเสี่ยต้น ถูกรวบตัวข้อหาจ้างวานฆ่า พร้อมทีมมือปืน หลังตำรวจมีหลักฐานจ่ายเงินจ้าง 3 แสนบาท แต่มือปืนทำงานพลาด พบเมียนัดเจอกลุ่มคนร้ายอีกรอบ อาจเชื่อมโยงการตายผิดธรรมชาติ "หมอ" วิเคราะห์เหตุสงสัย 7 ปมการเสียชีวิต ซับซ้อนตั้งแต่สีผิวศพ การไม่ผ่าชันสูตร โดยอ้างว่าจะไม่ได้เงินประกัน ไปจนถึงเผาทำลายวัตถุพยาน เชื่อมีหลักฐานโยงถึง
กรณีการตายปริศนาของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ที่ญาติติดใจการเสียชีวิต จึงนำเรื่องมาร้องเรียนกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพราะสภาพศพของผู้ตายมีผิวที่ดำคล้ำ ผิดธรรมชาติการตาย และกังวลว่าจะมีการวางยาเกิดขึ้น
ล่าสุด ตำรวจรวบ เจ๊มด เมียเสี่ยต้น และทีมฆ่า หลังถูกศาลออกหมายจับในกรณีจ้างวานให้ลอบยิงเสี่ยต้น เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 67 เหตุการณ์ดังกล่าวเสี่ยต้นได้หลุดรอดคมกระสุนออกมาได้ ก่อนแยกกันอยู่กับภรรยา และไปตามง้อที่ จ.มหาสารคาม เมื่อ 16 เม.ย. 67 เสียชีวิตอย่างปริศนา เบื้องต้นทางตำรวจให้ข้อมูลการออกหมายจับภรรยาที่เกี่ยวโยงกับคดีลอบยิง ส่วนคดีที่เสียชีวิต ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่พบว่าภรรยาผู้ตายนัดเจอกับกลุ่มมือปืนหลังจากยิงพลาด
...
เกือบเดือนกว่าของการสืบสวน ก่อนตำรวจจะออกหมายจับภรรยาเสี่ยต้น ในกรณีจ้างวานฆ่า พร้อมมือปืน รวม 4 หมายจับ ซึ่งตอนนี้ทีมมือปืน 1 ราย อยู่ระหว่างการหลบหนี โดยคดีจ้างวานฆ่าเสี่ยต้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 67 ช่วงเวลาตี 1 หลังเสี่ยต้นไปดื่มกินที่ร้านย่านเอกมัย ได้ขับรถกลับบ้าน พอถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์กระหน่ำยิง 4 นัด หวังปลิดชีวิต โชคดีที่เสี่ยต้นรอดชีวิต ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ โดยภรรยายืนยันว่ามาหาเสี่ยต้นที่โรงพักด้วย
เจ๊มด ภรรยาเสี่ยต้น อ้างว่า ด้วยความที่ผู้ตายอารมณ์ร้อนเวลาเมา ทำให้ต้องแยกกันอยู่ โดยวันที่ 16 เม.ย. 67 เสี่ยต้นเดินทางโดยเครื่องบินไปยัง จ.มหาสารคาม เพื่อตามขอคืนดี เจ๊มด ผู้เป็นภรรยา เพราะอยากให้กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม เพราะสงสารลูก แต่ไปได้เพียง 1 วัน เสี่ยต้นก็เสียชีวิตปริศนา แม้ที่เกิดเหตุจะไม่มีร่องรอยต่อสู้ แต่ผิวหนังของศพดำคล้ำ มือหงิกงอ ใบหน้าเขียว มีรอยน้ำตาเป็นเลือด ผิดธรรมชาติ
ข้อพิรุธเหล่านี้ทำให้น้องสาวเสี่ยต้นร้องเรียนกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อให้ช่วยติดตามและคลี่คลายคดี ก่อนที่จะมีหมายจับเจ๊มด ภรรยาเสี่ยต้น ที่ยอมรับสารภาพเบื้องต้นว่าจ้างวานฆ่าด้วยเงิน 3 แสนบาท แต่เสี่ยต้นไม่เสียชีวิตด้วยคมกระสุน แต่ตำรวจกำลังสืบหาข้อมูลการเชื่อมโยงการตายที่ผิดธรรมชาติต่อไป
เสี่ยต้น พิรุธสาเหตุการตายผิดธรรมชาติ เชื่อมโยงเจ๊มดหรือไม่
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ให้ข้อมูลว่า ล่าสุดตำรวจในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ที่เสี่ยต้นเสียชีวิตปริศนา มีการให้ข้อมูลว่ามีโอกาสที่จะเป็นการถูกทำให้เสียชีวิตแบบธรรมดา ซึ่งไม่ใช่การวางยาพิษ จนมีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจทำให้ขาดอากาศหายใจ
...
จากสภาพศพของเสี่ยต้นมีการตั้งข้อสงสัยดังนี้
- สีผิวศพดำคล้ำผิดปกติ มีการแช่โรงเย็นภายใน 3 วัน ลักษณะการเน่าของศพเร็ว จนมีการตรวจสอบพบว่าโรงเย็นทำความเย็นผิดปกติ ซึ่งโรงเย็นจะมีอุณหภูมิ -5 องศาฯ วันที่แช่ศพเสี่ยต้นมีอุณหภูมิ 10 องศาฯ ปกติศพที่อยู่ในอุณหภูมิภายนอกที่มีค่าเฉลี่ย 37 องศาฯ 2-3 วันจะเริ่มเน่า มีสีผิวดำคล้ำ แต่กรณีนี้ต่อให้โรงเย็นเสีย แต่มีความเย็นอยู่ ดังนั้นศพก็ไม่น่าจะเน่าเร็ว
- สเตียรอยด์ เสี่ยต้นฉีดอยู่ ยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มีสภาพศพมีสีดำคล้ำผิดธรรมชาติ แต่มีผลวิจัยระบุว่า อาจทำให้เสียชีวิตโดยหัวใจวาย หรือเส้นเลือดแตกได้
- หางไหล มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการใช้สมุนไพรหางไหล มีสารโรติโนน ที่ใช้ในการเบื่อปลา แต่ในไทยยังไม่มีรายงานการใช้สมุนไพรนี้ทำให้คนตาย แต่มีรายงานในต่างประเทศจนเสียชีวิต
- กระดูกเสี่ยต้นสีดำ ญาติมีการตั้งข้อสังเกตหลังฌาปนกิจเสี่ยต้น ว่ามีกระดูกสีดำ กระดูกยังไม่อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติการตายได้ เพราะสีดำของกระดูกอาจมาจากเศษวัสดุที่ใส่ไปตอนเผา หรือการใช้อุณหภูมิในการเผาสูงจนทำให้กระดูกมีสีดำ
...
- ไม่มีการผ่าชันสูตรศพ หลังเสี่ยต้นเสียชีวิต ภรรยาให้ข้อมูลว่าหมอกับตำรวจไม่ติดใจการตาย เลยไม่ส่งผ่าชันสูตร เคสนี้แพทย์ลงข้อมูลว่าตายจากโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งต้องสอบถามหาสาเหตุจากพนักงานสอบสวนเพิ่มว่าทำไมไม่ส่งผ่า หรืออาจเป็นเหตุจากญาติที่ไม่ยอมส่งผ่า เพราะมีข้อมูลฝ่ายญาติสามีอ้างว่า เจ๊มด ภรรยาเสี่ยต้น บอกกับครอบครัวผู้ตายว่าถ้าส่งผ่า กลัวจะไม่ได้เงินประกัน เลยอยากให้อยู่เงียบๆ และให้เงินส่วนแบ่งบางส่วน แต่หลังจากนั้นภรรยาเสี่ยต้นออกมายืนยันข้อมูลว่าไม่เคยพูด
- ส่งกระดูกตรวจ มีการส่งเถ้ากระดูกเสี่ยต้นตรวจหาสาเหตุการตาย สามารถทำได้ แต่แปรผลได้ยาก เพราะจะมีสารปนเปื้อนจากกระบวนการเผาจำนวนมาก
- ปมสงสัยภรรยาเผาวัตถุพยานทิ้งหลังเสี่ยต้นตาย โดยมีการอ้างเรื่องความเชื่อ แต่เป็นประเด็นที่ย้อนแย้ง เพราะการเผาทำลายทำให้หลักฐานบางส่วนของคดีนี้หายไป ทำให้ตอนนี้ตำรวจต้องทำการสืบสวนหาการเชื่อมโยงด้านวัตถุพยานด้านอื่นที่ไม่ได้มากจากศพผู้ตาย ซึ่งหลายคดีต้องใช้วัตถุพยานในส่วนนี้เพื่อเอาผิดกับคนร้าย.