ซาวข้าว 15 ครั้ง โชว์กินข้าวจำนำ 10 ปี คนวงการข้าวห่วง สารตกค้าง เหตุรมยา 60 ครั้ง วิตามินอาจไม่เหลือ ส่วนใครจะซื้อต้องมีวิธีจัดการ...

เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง!! สำหรับรัฐบาลเพื่อไทย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ล่าสุด ส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ “ข้าวสาร” ในสต๊อกของรัฐบาล ตามโครงการจำนำข้าว ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ใน อำเภอเมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ 

โดย “ไฮไลต์” ของการตรวจสอบข้าวสาร คือ การนำข้าวสารเก่าเก็บยุค “จำนำข้าว” มากินโชว์ ออกสื่อ....

“วันนี้ได้มาพิสูจน์ให้สิ้นข้อสงสัยว่าข้าว 10 ปียังสามารถหุงได้ มีกลิ่น มีคุณภาพดีอยู่หรือไม่ ร่วมกับสื่อมวลชนทั้งหมด ซึ่งได้ข้าวมาจากโกดังกิตติชัย ที่มีข้าวอยู่ 112,711 กระสอบ และที่โกดังพูนผล 32,879 กระสอบ รวมประมาณ 150,000 กระสอบ มาหุงทานร่วมกับผัดกะเพราไก่ไข่เจียว หากสิ้นข้อสงสัย ภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะเปิดประมูลสาธารณะให้ทุกคนที่มีสิทธิ์เข้าร่วมในโครงการประมูลได้ คาดว่าราคากลางจะอยู่ที่ 18 บาท/กิโลกรัม” นายภูมิธรรม กล่าวและว่า 

...

ถ้าดูทางกายภาพ เมล็ดข้าวยังมีจมูกข้าว ยังดูสวยงามสวยงาม สีสันอาจมีความเหลืองมากขึ้น ซึ่งเป็นธรรมชาติของข้าวอายุ 10 ปี เรากำลังมาเคลียร์เอาเงินเข้ารัฐ คาดว่าจะได้เงินประมาณ 200-400 ล้านบาท กลับเข้ามาโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องมาจ่ายคืนค่าเช่า ค่าใช้จ่ายอื่น คืนเข้ารัฐ  

รองนายกฯ ระบุอีกว่า ครั้งที่แล้วมีคนบอกว่าไม่จริง จัดฉาก ข้าวจริง 5 ปีก็เน่าแล้ว ซึ่งข้าว 5 ปี หรือ 2 ปีก็เน่าได้ถ้าไม่เก็บรักษาอย่างดี แต่ที่เห็นมีการเข้าออกอย่างเคร่งครัด ไม่มีน้ำรั่วที่ทำให้ข้าวเสียหาย ที่โกดังกิตติชัย รมยาทุก 2 เดือน ที่โกดังพูนผล รมยาทุกเดือน เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีเซอร์เวย์เยอร์ที่ลงทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศที่ได้รับมาตรฐานเพื่อความโปร่งใส ชัดเจน ให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย สะสางโครงการจำนำข้าวใน 2 โกดังสุดท้ายให้สิ้นสงสัย จบกระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนต่างๆ

ขณะที่ ล่าสุด วันนี้ (7 พ.ค. 2567) นักข่าวถามว่า ท้องเสียหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เสีย โอโห้ สบายมาก...

ส่วนประเด็นด้านราคา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ คาดว่า ถ้าประมูลได้ ราคามาตรฐาน 17-18 บาท ก็จะมีรายได้ 200-400 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า มีการซาวข้าวก่อนหุง 15 ครั้ง นายภูมิธรรมบอกว่า “เม็ดข้าวก็สวยงาม สีของข้าวมีปัญหาจริง ฝุ่นมีปัญหาจริงก็ต้องไปซาวข้าว ซึ่งเอาจริงก็ไม่เกิน 15 ครั้ง เป็นเรื่องปกติของการหุงข้าวมากิน อย่าไปทำให้มันเกิดความน่ากลัว ใครสงสัยผมก็บอกแล้วให้ไปดูด้วยกัน”

นี่คือประเด็นของวันนี้ “เรา” จึงสอบถามผู้รู้ในวงการข้าว ให้มุมมองว่า ก่อนอื่นต้องออกตัวว่า เราไม่ได้เห็นกับตาว่า คุณภาพข้าวเป็นอย่างไร และไม่ได้ลองรับประทานด้วย ดังนั้น จึงไม่ทราบว่า “ข้าว 10 ปี” จะมีคุณภาพอย่างไร รสชาติเป็นอย่างไร 

“เท่าที่เห็นภาพจากสื่อ ข้าวเต็มเมล็ดสวยอยู่ แต่มีสภาพที่เหลืองมาก และเห็นในข่าวว่าต้อง ซาวน้ำ ล้างข้าว ถึง 15 ครั้ง ประเด็นคือ “ขายได้ไหม...” ก็คงได้แหละ แต่คนที่ซื้อไปจะไปขายต่อยังไง ก็เป็นเรื่องวิจารณญาณ ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ติดใจอะไร ห่วงอยู่อย่างเดียว คือ เรื่อง “เก็บไว้นาน” มีการรมยาหลายครั้ง ซึ่งตามข่าว คือ 2 เดือนครั้ง แปลว่า 1 ปี 6 ครั้ง 10 ปี 60 ครั้ง ดังนั้น สิ่งที่ต้องตรวจสอบข้าวดังกล่าว คือ “สารตกค้าง” ก่อนขายด้วย นี่คือ เป็นข้อแนะนำ” 

โอกาสส่งออก เป็นอย่างไร คนในวงการข้าว ชี้ว่า ขึ้นอยู่กับราคา ถ้าถูกมาก อาจจะมี “ตลาดแอฟริกา” ก็อาจจะสนใจซื้อ เพราะกำลังการซื้อของเขามีน้อยกว่าที่อื่น หากระบายข้าวลอตนี้ออกได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี 

มีการประเมินราคาไว้เบื้องต้น ที่ 17-18 บาท/กิโลกรัม คนในวงการข้าว ยอมรับว่าบอกยาก แต่หากเป็นข้าวขาว ทั่วไป จะอยู่ที่ 21 บาท/กิโลกรัม แต่นี่เป็นข้าวหอมมะลิ ซึ่งนาน 10 ปี การเซตราคากลางไว้ที่ 18 บาท ก็น่าจะพอได้...แต่ก็ขึ้นอยู่กับการประมูล 

...

เมื่อถามว่า ปกติแล้ว ข้าวสารเก็บได้นานสุดกี่ปี คำตอบของคำถามนี้ คือ ไม่ควรเกิน 5 ปี หาก 10 ปี นี่ไม่รู้จริงๆ และเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เก็บข้าว 10 ปี 

เมื่อถามว่า “คุณค่าทางอาหารยังมีอยู่ไหม?” คนในวงการข้าวเชื่อว่า วิตามิน มันอาจจะหมดไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คงเป็น “แป้ง” เพราะการเก็บแบบบ้านเรา แตกต่างจากของเมืองนอก ยกตัวอย่าง คือ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีระบบปิด ควบคุมอุณหภูมิที่ 15 องศาฯ ฉะนั้น ข้าวที่เขาเก็บไว้จะคงความสด แต่เมื่อกลับมามองบ้านเรา เจอสภาพอากาศร้อนจัดแบบนี้ ส่งผลให้ข้าวเสื่อมเร็วขึ้น 

หากเป็น โกดังของผู้ส่งออก เขาจะมี “ไซโล” เย็น ที่จะเก็บข้าวโดยเฉพาะ “ข้าวหอมมะลิ” ดังนั้น เขาจึงมีการเก็บข้าวให้สดใหม่ เพราะข้าวหอมมะลิ ปีหนึ่ง ปลูกเพียงครั้งเดียว และขายจนถึงปลายปี หากเก็บไว้ที่ไซโลเย็น กลิ่น รสชาติ มันยังคงอยู่ได้เกือบ 100% 

มีวิธีการทำให้ข้าวดีกว่านี้ไหม... คำตอบ คือ ก็พอมี คือ อาจจะทำการขัดสีฉวีวรรณอีกสักรอบ หรือ ผสมกับข้าวที่ขายปกติอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละถุง ทุกอย่างเป็นไปได้หมด สิ่งสำคัญคือ “สารตกค้าง” มันเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะ 10 ปี รมยา 60 ครั้ง ผมไม่รู้ว่าตัวยาซึมเข้าไปในข้าวมากน้อยแค่ไหน เพราะหากมีสารตกค้างจริงๆ คนที่กินเข้าไปก็อาจจะเป็นมะเร็ง หากมีสารตกค้าง ทำเป็นอาหารสัตว์ ก็ยังไม่ควร...

...

อ่านข่าวที่น่าสนใจ