เห็นโฉมหน้ากันแล้วใครเป็นใคร ในครม.เศรษฐา 2 แบบอาฟเตอร์ช็อก ทั้งอกหักหลุดเก้าอี้ บางคนถูกลดชั้นลดเกรดกระทรวง ส่วนเด็กนายคนใกล้ชิดสมหวัง หรือการปรับ ครม.ครั้งนี้ เพื่อสนองความต้องการของใครกันแน่ อาจไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ ประชาชน คงต้องให้โอกาสวัดฝีมือว่าจะสามารถแก้โจทย์ท้าทาย และเดินหน้ายุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้หรือไม่ ทั้งเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และซอฟต์พาวเวอร์

โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องเร่งแก้ไข เพื่อแสดงให้เห็นว่า การปรับ ครม.เศรษฐา 2 ทำแล้วมีประโยชน์กับประเทศชาติจริงๆ จะได้ไม่ถูกมองมีการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเหมือนกับในอดีต ท่ามกลางข่าวลือหนาหูว่าเป็นบัญชาของทักษิณ ชินวัตร สั่งการมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า

"ปานปรีย์" ลาออก ฉีกหน้ารัฐบาลเศรษฐาอย่างแรง

จริงๆ แล้วเบื้องหน้าเบื้องหลังการปรับ ครม.เศรษฐา 2 เป็นอย่างไร? ในสายตาของ “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ยังไม่ทันรู้สึกอะไร ก็มีเรื่องช็อกเมื่อ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในทันทีหลังมีการโปรดเกล้าฯ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยมีปรากฏการณ์มาก่อน จนสปอตไลต์ฉายไปที่ ปานปรีย์ เป็นการลาออกแบบไม่มีการต่อรอง

...

“ในจดหมายของ ปานปรีย์ ระบุชัดเจนไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ เหมือนเป็นการยุติบทบาททางการเมืองในพรรคเพื่อไทย เป็นการฉีกหน้ารัฐบาลเศรษฐาอย่างแรง เพราะผู้จัดของรัฐบาล รู้สึกว่าเมื่อจัดโผ ครม.ไปแล้ว ก็คงไม่มีใครกล้าหือ ทำให้รู้สึกต่อไปว่าการจะจับใครไปอยู่ที่ไหน จะต้องสื่อสารกันก่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นเข้าใจว่าขาดการสื่อสารไปเลย ในการจัดวางรัฐมนตรีให้ไปอยู่ที่ไหน ก็คิดว่าคงมีคนพอใจโดยไม่มีเหตุผล”

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลเศรษฐา ไม่ได้ทำให้คนชื่นชมชื่นใจ และเห็นว่าเป็นการปรับ ครม.ภายใต้ความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน เป็บคนจัด ครม.ชุดนี้ จากการสื่อสารช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อน ก็ยืนยันว่าไม่มีการปรับครม. ขณะที่กระแสปรับ ครม.ก็หนาหูมากขึ้น กระทั่งช่วงสงกรานต์ ทางทักษิณก็ออกมาบอกถ้าจำเป็นก็ต้องปรับครม. จนต่อมา เศรษฐา ก็ออกมาบอกปรับครม. ขอให้ผู้เกี่ยวข้องไม่ต้องกังวล ขอให้ทำงานทำตามหน้าที่จะดีกว่า

ศูนย์กลางอำนาจบ้านจันทร์ส่องหล้า ใหญ่กว่าเศรษฐา

จากการถอดรหัสการสื่อสาร แสดงให้เห็นว่า ใครจัดครม. ต้องเป็นคนที่ใหญ่กว่าเศรษฐา โดยศูนย์กลางการสั่งการอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และขณะนี้ต้องหาตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ จะเห็นว่าบรรดานักเลือกตั้งทั้งหลาย ไม่อยากได้กระทรวงการต่างประเทศ เพราะผลประโยชน์น้อย และคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ มีศักยภาพรู้ระเบียบการต่างประเทศเป็นอย่างดี และที่ผ่านมา ปานปรีย์ ทำหน้าที่ได้ดี มีศักยภาพ เข้าใจวิสัยทัศน์ และเข้าใจว่าไทยต้องเข้าสู่จอเรดาร์ของโลก

“ก็เป็นโจทย์ใหญ่ต้องหาคนมาแทน อย่างน้อยต้องไม่แย่กว่าปานปรีย์ อาจเร่งเสนอคนมาดำรงตำแหน่งให้ทัน ก่อน ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และคาดว่าครั้งหน้าน่าจะ 6 เดือน จะมีการปรับ ครม.อีก เพื่อให้คนตระหนักถึงอำนาจของทักษิณ หากเขย่าทุก 6 เดือน ทำให้คนอยู่ในตำแหน่งต้องตื่นตัว ต้องเห็นคุณค่าคนจัดครม. เป็นการกระชับอำนาจอยู่ตลอดเวลา ทำให้รัฐมนตรีวิ่งเข้าหาศูนย์อำนาจทั้งขึ้นทั้งล่อง มีคนห้อมล้อม ตามสไตล์ไทยรักไทยที่ทักษิณทำตลอดเวลา”.

...