กูรูการเมืองชำแหละ ครม.เศรษฐา ชี้สไตล์ “ทักษิณ” ปรับบ่อย สมบัติผลัดกันชม “หมอชลน่าน” เจ็บแต่คุ้ม ปานปรีย์ ไม่ใช่พวก การเมืองแลกเปลี่ยนต่างตอบแทน...?

เรียกว่าเข้าสู่เฟส 2 แล้ว สำหรับรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ภายใต้พรรคเพื่อไทย หลังมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยส่วนใหญ่เป็นหน้าเดิม แต่โยกย้ายเก้าอี้ แต่ที่เพิ่มเติมคือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ จาก 1 ใน 3 รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง คือ นายพิชิต ชื่นบาน กับปมเรื่อง “ถุงขนม” และที่เป็นความบาดหมางใจ ก็คือ การลดชั้น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร จาก รองนายกฯ ควบ รมว.ต่างประเทศ ให้เหลือเพียง รมว.ต่างประเทศ จน นายปานปรีย์ ได้ยื่นหนังสือลาออก ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็กลายเป็นอดีต รมว.สาธารณสุข ทั้งที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แต่ก็ยังพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้กองเชียร์ต่างเห็นอกเห็นใจ 

อย่างแน่นอน...ใครๆ ก็คิดว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ล้วนมาจากแนวคิด “นายใหญ่” ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่รีเทิร์นการเมืองไทยอย่างเท่ๆ จากคนป่วย ไม่ต้องติดคุก พอครบวาระก็เดินสาย ส่วนจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ อาจารย์สุขุม นวลสกุล กูรูและนักวิเคราะห์การเมืองไทย มองว่า...มันเป็นเรื่องที่ปรับไปตามวาระ และหลักการ เรียกว่า “สมบัติผลัดกันชม” เป็นสไตล์ที่สืบเนื่องกันมาจาก ไทยรักไทย มาถึงเพื่อไทย เรียกว่าเป็นการปรับ ครม.ทุก 6 เดือน

...

“ตอนนี้รัฐบาลพยายามสร้างผลงานเพื่อเรียกคะแนน และแรงศรัทธาคืนจากประชาชน โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำยังไงก็ได้เพื่อให้คนรู้สึกว่าอยู่ดีกินดี แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ทำไว้หลายเดือนที่ผ่านมายังไม่เป็นรูปร่าง หรือเห็นผลงานออกมา ดังนั้นสิ่งที่แสดงออกจากการปรับ ครม.ครั้งนี้เพื่อให้รู้ว่าฉันกำลังจะเอาจริงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยเฉพาะ ก.คลัง แม้จะมีข่าวว่ามีปัญหากับทางแบงก์ชาติก็ตาม” 

เมื่อถามว่า มีอะไรแปลกไปไหมสำหรับการปรับ ครม. สไตล์ “ทักษิณ ชินวัตร” อาจารย์สุขุม ชี้ว่า เรื่องที่ดูเสียหายเรื่องหนึ่งคือ การปรับเอาหมอชลน่าน พ้น ครม. โดยแฟนๆ ของเพื่อไทยมองว่า “หมอชลน่าน” คือบุคคลที่เสียสละเพื่อพรรคมากที่สุดคนหนึ่ง ทำไมถึงกลายเป็นคนที่โดน “ตัดหางปล่อยวัด”

นี่คือมุมมองของแฟนเพื่อไทย แต่ถ้าเป็นมุมการเมืองล่ะ ถือว่า “คุ้ม” หรือยัง อาจารย์สุขุม หัวเราะเล็กน้อย บอกว่า “ทักษิณ” อาจจะเห็นว่า “คุ้มแล้ว” แต่ภาพภายนอกคนอื่นมองว่า การมาเป็นรัฐบาลครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ หมอชลน่าน ที่ยอมเสียสละให้คนชี้หน้าด่า แต่ถ้าเป็นมุมมองของทักษิณ ผมวิเคราะห์ว่า “พอแล้ว” 

กรณี “นายพิชิต ชื่นบาน” กับปัญหาเรื่อง “ถุงขนม” กูรูการเมืองไทย อุทานออกมาว่า “นี่แหละ! คือนิสัยของคุณทักษิณที่ชอบท้าทาย ยิ่งอะไรที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ นี่ยิ่งชอบ...ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าประเด็นเรื่อง “นิติสงคราม” มันยังอีกไกล และคิดว่านี่แหละอาจจะเป็นมือดีของเขา และการที่เขาชนะในแง่นิติสงครามแต่ละครั้งมาจาก “ฝีมือ” ที่สำคัญคือ “น้อง” ยังไม่ได้กลับมา 

ส่วนหนึ่งที่การปรับ ครม.ล่าช้า ก็อาจจะมาจากเรื่องนี้ก็ได้ เพราะกลับไปคิดอยู่เดือนหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจแล้วว่า “ชนเป็นชน” เพราะเหมือนดูคนที่ต่อต้านอย่าง ปชป.นั้นไม่มีน้ำหนัก 

อาจารย์สุขุม เชื่อว่าเรื่องนี้ผ่านการประเมินของคุณทักษิณมาแล้ว และคิดว่า หากมีการประท้วงก็คิดว่าไม่น่าจะ “จุดติด” ส่วนพวกที่ชุมนุม 

แปลว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ สไตล์คือ บุญคุณต้องตอบแทน? อาจารย์สุขุมตอบว่า “ใช่....”

กรณี นายปานปรีย์ ที่ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ นั้นเนื้อแท้เขาก็ไม่ใช่คนของเพื่อไทย แต่เป็นคนที่มีคอนเนคชันกับทาง ชาติพัฒนา ขณะเดียวกันทาง คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ยังเดินหน้าต่อ 

...

การที่มีการโปรดเกล้าฯ ครม.มาแล้ว แต่มาลาออกภายหลัง ถือว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ กูรูการเมืองไทย ตอบว่า..เท่าที่จำได้ “ยังไม่เคยเห็น”  

เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลจะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตจนสำเร็จไร้ปัญหา? อาจารย์สุขุม กล่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเราไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ดูแล้ว “หนักใจ” เพราะ “ขาประจำ” ที่ต่อต้าน ในทางราชการ ยืนหยัดในหลักการแนวเดียวกันหมด ว่า “ทำไม่ได้” 

หากจะให้คะแนน ครม.ชุดนี้ จะได้กี่คะแนน อาจารย์สุขุม บอกว่า สำหรับผม ก็ไม่ได้มากหรือน้อยกว่า เดิมคือ 5-6 คะแนน จากเต็ม 10 

...

“การเมืองแบบต่อรองแบบนี้ สถานการณ์ที่เห็น คือ จะดึงกันไปมา ส่งผลให้บ้านเมืองจะไม่เดินหน้าไปเท่าไร สิ่งที่แลกเปลี่ยนจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัว การปรับ ครม.บ่อยก็จะทำให้การเดินหน้าหยุดชะงักไปแป๊บหนึ่ง ซึ่งข้อเสียของเรื่องนี้คือ จะทำให้คนที่ติดตามขาดความเชื่อใจ เพราะมองว่า “จะคิดอะไรมาก...อยู่ไม่นานก็ไป” ซึ่งความคิดแบบนี้นั้นมาจาก ข้าราชการประจำ รวมถึงประชาชนด้วย 

เหมือนอย่างคำถามวันนี้ว่า...เมื่อไหร่จะได้สักทีล่ะ หากเป็นภาษาวัยรุ่น ก็คือ เงินดิจิทัลออกกี่โมง?.

บทความที่น่าอ่าน 

...