ศึกบิ๊กตำรวจ ยังฟาดกันไม่จบ หลังมีกระแสข่าว “ผกก.สน.เตาปูน” ยื่นใบลาออก แต่หลังได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาถึงความกังวล จึงตัดสินใจทำหน้าที่ต่อ ท่ามกลางข้อพิรุธ และไฟสุมจากรอบด้าน อดีตนายตำรวจมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากแรงกดดัน ที่อาจกลัวถูกเช็กบิลย้อนหลัง รวมถึงแรงกดดันจากระดับบิ๊ก
ช่วงบ่ายวันนี้ (7 เม.ย.67) มีกระแสข่าวสะพัดถึงการยื่นหนังสือลาออกจากราชการของ พ.ต.อ.สุรเดช ฉัตรไทย ผกก.สน.เตาปูน ด้วยทนกระแสความกดดันจากการทำคดีเว็บพนันออนไลน์ ที่มีความข้องเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่ไหว
ก่อนในเวลาต่อมา มีรายงานว่าหลังปรึกษากับผู้บังคับบัญชาระดับสูง จึงตัดสินใจไม่ลาออกจากราชการ โดย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้เรียก พ.ต.อ.สุรเดช มาพูดคุยถึงสาเหตุ และแนวทางการทำงานหลังจากนี้ เนื่องจาก พ.ต.อ.สุรเดช กำลังจะเกษียณอายุราชการใน เดือน ก.ย.67
15.50 น. พล.ต.ต.อรรถพล ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.สุรเดช เบื้องต้นเพียงแค่การหารือ แต่จากการพูดคุยกัน ได้ทำความเข้าใจกันแล้วว่า ในด้านคดีก็ให้ดำเนินการไป ทำให้ พ.ต.อ.สุรเดช คลายกังวล และไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกแต่อย่างใด
...
จากคดีเว็บพนันออนไลน์ ที่ตอนนี้บางส่วนอยู่ในความดูแลของ สน.เตาปูน และอาจมีความเกี่ยวโยงกับ “2 บิ๊กตำรวจ” เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความเครียดหรือไม่ "พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ" อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม วิเคราะห์กับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า กรณีมีกระแสความกดดันที่ผู้กำกับสถานีตำรวจเตาปูน จะลาออกจากราชการ เนื่องจากได้รับความกดดันจากการทำคดีเว็บพนันออนไลน์ ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะมีความเกี่ยวโยงโดยตรงในการทำคดีนี้
และมีอำนาจในการเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของบิ๊กตำรวจ เลยทำให้มีความอึดอัดในการปฏิบัติหน้าที่ หรือมีความขัดแย้งต่อกระบวนการสอบสวนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะนำสู่การต้องรับผิดชอบ หรือตกอยู่ในสถานะต้องรับผิดชอบ
“น่าสนใจว่าผู้กำกับอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งคดีพนันออนไลน์มีความพิเศษ ทั้งที่คดีนี้น่าจะพ้นมือสถานีตำรวจเตาปูน ไปแล้วตามหลักการคือ เมื่อมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษในสถานีตำรวจแล้ว และมีชุดพนักงานสอบสวนที่มาจากหลายหน่วย แต่ในฐานะหัวหน้าสถานีตำรวจ คาดว่าสิ่งที่วิตกกังวลอาจเป็นการปรากฏข้อเท็จจริง ในทางสาธารณชนในการปฏิบัติกับผู้ต้องหา และการสอบสวนในคดี”
ขณะเดียวกันก็มีคดีเพิ่มเติม จากการที่มีการฟ้องร้องจากฝ่ายตรงข้าม จากผู้ต้องหามาเป็นพยาน เลยทำให้ผู้กำกับเกิดความอึดอัด และไม่อยากเกี่ยวข้องกับสำนวนนี้
“กรณีที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นพิรุธชัดเจน เห็นตั้งแต่ปมขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ามองในมุมส่วนตัว การเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจไม่ได้จะรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่เป็นในลักษณะทีมงาน ใช้อำนาจร่วมกัน สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อมีความคิดเห็นขัดแย้งอะไร ต้องมีการบันทึกการประชุมทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐาน และไม่ต้องรับผิดกับการกระทำนั้น เมื่อปรากฏภายหลังว่าเกิดการฟ้องร้องเกิดขึ้น”
...
คดีนี้เกี่ยวโยงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งสองฝ่าย เลยทำให้อำนาจในการสอบสวนไม่เป็นอิสระ แต่ถ้ายังทำคดีนี้ต่อต้องใช้มติของคณะทำงานเป็นการพิจารณาในที่ประชุม โดยคดีที่อยู่กับ สน.เตาปูน ต้องรอให้พนักงานสอบสวนสั่งทางคดีก่อน ถึงส่งไป ป.ป.ช.