การหลอกลวงให้รัก หว่านล้อมด้วยคำพูดทำให้หลงรัก ให้ความหวังว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป มุกเดิมๆของแก๊งโรแมนซ์สแกม ส่วนใหญ่แฝงตัวในแอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ บนโลกออนไลน์ จนคนในสังคมรู้ทันจากการสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูดีน่าเชื่อถือ หลอกว่าเป็นนักธุรกิจ มหาเศรษฐี และออกกลอุบายต่างๆ มาหลอกเพื่อเอาทรัพย์สิน แต่ก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง เพราะความเชื่อใจโอนเงินไปให้ สุดท้ายก็จากไปไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกหลอกไปแล้ว

เหยื่อแก๊งโรแมนซ์สแกมมักเป็นคนโสด หย่าร้าง เป็นม่าย เนื่องจากความเหงา อาจเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง ขาดการดูแลอย่างใกล้ชิดจากบุตรหลาน เป็นสาวใหญ่ที่แสวงหารักแท้ หรืออาจจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ระแวดระวังตนเอง มองโลกในแง่ดีเกินไป เชื่อคนง่ายจนตกเป็นเหยื่อ เกิดขึ้นบ่อยใน 4 ประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย และจากสถิติตัวเลขคดีหลอกให้รักและโอนเงิน ศูนย์บริหารรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 1 มี.ค. 2565 จนถึง 31 ม.ค. 2567 มีจำนวน 3,323 คดี ความเสียหายมากกว่า 1,154 ล้านบาท เฉลี่ยความเสียหายคดีละประมาณ 34,752 บาท

...

เมื่อคนเริ่มรู้มุกเดิมๆ ของแก๊งโรแมนซ์สแกม จากเดิมสร้างโปรไฟล์ปลอมใช้ภาพถ่ายคนอื่นให้ดูดีน่าเชื่อถือ ใช้คารมหวานๆ แสดงความห่วงใย หว่านล้อมด้วยคำพูดหลอกให้รัก แล้วโอนเงินให้ แต่ขณะนี้มีกลวิธีใหม่พัฒนารูปแบบใหม่ ไม่เพียงแค่หลอกให้รักแล้วโอนเงินแบบเดิมๆ แต่แยบยลกว่าด้วยมุกใหม่ เรียกว่า “ไฮบริดสแกม” (Hybrid Scam) ไปไกลกว่าโรแมนซ์สแกม

เป็นรูปแบบหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อหลอกให้รักแล้ว ก็หลอกล่อวาดฝันนำเงินมาสร้างชีวิตคู่ร่วมกัน ให้ลงทุนเทรดหุ้นเทรดทอง ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล จากแอปพลิเคชันปลอมที่สร้างขึ้นมาเอง ในช่วงแรกอาจได้เงิน เมื่อเหยื่อเห็นว่าได้เงินจริง ก็เพิ่มเงินก้อนใหญ่เข้าไป กระทั่งไม่สามารถเอาเงินออกมาได้อีก ส่วนใหญ่คนแก่วัยเกษียณทั้งหญิงและชายที่มีเงิน มีเวลา และเหงา ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก 

รูปแบบใหม่ หลอกให้รักแล้วลวงลงทุน 

“พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน” รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า โรแมนซ์สแกม ไฮบริดสแกม คือ รูปแบบหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปีหนึ่งมีเหยื่อสูญเงินให้กับขบวนการนี้ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เฉพาะในเรื่องของการหลอกลงทุนอย่างเดียว แต่ถ้าในภาพรวมของการหลอกทุกรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปีหนึ่งจะประมาณ 30,000 ล้านบาท เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 80 ล้านบาท และบางวันทะลุ 100 ล้านบาท

ขณะที่ “พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์” ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เมื่อก่อนเป็นคนผิวดำ ผิวสี หลอกให้หลง หลอกให้รัก แล้วก็ให้โอนเงิน แต่ปัจจุบันพัฒนารูปแบบ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีหัวโจกเป็นคนจีนไต้หวัน เอารูปแบบโรแมนซ์สแกมเข้ามาใช้ จนมีผู้เสียหายตกหลุมได้ง่าย มีคนไทยร่วมกระทำความผิดเป็นตัวการสำคัญในการหารูปโปรไฟล์คนหน้าตาดี และคนไทยบางส่วนอยู่ในประเทศ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า

...

2 หญิงสาวตกเป็นเหยื่อ เพราะหลงเชื่อหนุ่มโปรไฟล์ดี

คุณเอ หญิงสาวทำธุรกิจส่วนตัว วัย 41 ปี เคยตกเป็นเหยื่อโดนหลอกให้รัก ลวงให้ลงทุนในส่ิงที่ไม่มีอยู่จริง จากชายหนุ่มโปรไฟล์ดี อ้างเป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน เข้ามาสานสัมพันธ์เพียง 2 สัปดาห์ก็ชวนลงทุน จนสูญเงินไป 2 ล้านกว่าบาท แรกๆ ตอนที่ลงทุนก็สามารถถอนเงินจากการลงทุนครั้งแรก ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ได้เงินกลับคืนมาเป็นแสนก็คือกำไร ยิ่งทำให้เชื่อมั่นว่ามันสามารถได้เงินจริงๆ แต่หลังจากลงทุนไปกว่า 1 ล้านบาท เริ่มมีอุปสรรค โดยจะถูกสร้างสถานการณ์ว่า หากจะถอนเงินออกมา ต้องโอนเงินเข้าไปในระบบเพิ่ม เพื่อเสียภาษีและค่าธรรมเนียม หลังจากที่ลงเงินไปแล้ว ก็มีปัญหาถอนเงินไม่ได้

“ลงทุนไปแล้วเราอยากได้คืน ก็เติมจ่ายภาษีไป หลังจากนั้นจะเริ่มมีข้ออ้างต่างๆ นานาเยอะแยะไปหมด เพื่อที่ให้เราเติมเงินเข้าไปเรื่อยๆ จนเรามาเริ่มเอะใจว่ามันไม่ใช่แล้ว เราก็เลยคิดว่าเราน่าจะโดนหลอกแล้วแหละ แล้วหลังจากนั้นคนที่เราคุยด้วยก็บล็อกเราไปหมดเลย กว่าจะรู้ตัวก็สูญเงินไป 2 ล้านกว่าบาท”

...

เช่นเดียวกับ คุณเบล เหยื่ออีกคน อาชีพพยาบาลในกรุงเทพฯ วัย 40 ปี เป็นสาวโสดขี้เหงา จนเมื่อปลายปี 2566 ได้รู้จักชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ อ้างว่าทำรับเหมาก่อสร้างใน จ.ขอนแก่น ตอนเช้าชายหนุ่มจะส่งข้อความมาให้ดูแลสุขภาพ ซึ่งผู้หญิงก็มักจะแพ้ทางแบบนี้ และเมื่อสานสัมพันธ์แนบแน่น ก็เริ่มชักชวนให้ลงทุนด้วยการเทรดทองออนไลน์ วาดฝันว่าจะนำเงินมาเริ่มต้นสร้างชีวิตคู่ร่วมกัน โดยลงทุน 2 แสนบาท จะได้กำไรประมาณ 25% และมีการบอกว่าถ้าโอนภายใน 24 ชม. จะได้โบนัส 2 เท่า ก็เกิดความโลภได้เกือบ 1 แสนบาท

...

2 เมืองศูนย์กลางแก๊งคอลฯ หลอกคน ขนาบข้างไทย

ขบวนการนี้มีฐานที่มั่นอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น เมียนมา ลาว และกัมพูชา จะรับสมัครคนไทยข้ามพรมแดนไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ และบางส่วนเป็นสแกมเมอร์ ทำหน้าที่ทักแชตล่อลวงเหยื่อในประเทศไทย โดยมีคนไทยอีกกลุ่มอยู่ในประเทศ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเข้ามาที่อ้างว่าเป็นการแลกเงินสกุลดิจิทัล หลังจากนั้นเงินจะถ่ายโอนไปบัญชีนายทุนในต่างประเทศ แต่จากการถูกกวาดล้าง บุกจับบ่อยครั้ง 

ทำให้ขบวนการนี้บางส่วนหลบหนี และย้ายไปตั้งฐานที่มั่นแห่งใหม่ยังเมืองชเวโก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นรัฐอิสระ แม้แต่รัฐบาลเมียนมาก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ถ้าประเทศจีนไม่เข้าไปกดดัน ก็ไม่สำเร็จ ทำให้วันนี้ไทยกลายเป็นประเทศที่ถูกขนาบข้างด้วย 2 เมืองที่เป็นศูนย์กลางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินคนไทย และคนทั้งโลก แค่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียว เสียหายปีละหลายหมื่นล้านบาท สามารถติดตาม #ข่าวแสบเฉพาะกิจ รายการวาไรตี้ข่าวสุดแสบ ที่จะพิสูจน์ ตรวจสอบ พร้อมลงทุกพื้นที่ ขยี้ทุกความจริง ทุกวันเสาร์ 6 โมงเย็น ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.