ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ ดราม่าวงการครูในโรงเรียนขนาดเล็ก จ.ร้อยเอ็ด เมื่อครูชั้นผู้น้อยรายหนึ่งนั่งเก้าอี้หัวโต๊ะในห้องประชุม ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่พอใจ เป็นเรื่องบาดหมางถึงขั้นสั่งซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ตั้งธงสอบ 2 ฝ่าย รู้ผล 7 วัน พร้อมเป็นกาวใจ เผย ผอ.ยังมีโอกาสกลับไปนั่งเก้าอี้เดิม

ดราม่าสนั่นโซเชียล เมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด แสดงความไม่พอใจผ่านกลุ่มไลน์ กรณีครูชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน 4 เดือน เผลอไปนั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ ในห้องประกันคุณภาพการศึกษา โดยครูชั้นผู้น้อยออกมาให้รายละเอียดว่า ตอนนั้นต้องประเมินผลงานครูเพื่อปรับเงินเดือน ตนเองเป็นผู้ที่เปิดพรีเซนต์ในคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้ไปนั่งที่เก้าอี้ดังกล่าว แต่พอผู้อำนวยการเข้ามา ก็ได้ลุกให้นั่ง ท่านไม่ยอมนั่ง ก่อนแยกย้ายกลับบ้าน และมีการแสดงข้อความไม่พอใจผ่านกลุ่มไลน์ โดยผู้อำนวยการมองว่าเป็นพฤติกรรมไม่สมควร ครูผู้น้อยเลยตัดสินใจว่าจะซื้อเก้าอี้ให้ใหม่ ด้านผู้อำนวยการตอบกลับมาว่า ทางโรงเรียนจะใช้งบในการซื้อเก้าอี้ใหม่เอง

...

หลังจากแชตดังกล่าวหลุดมาในโลกโซเชียล มีหลายคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นต่อว่าผู้อำนวยการ จนกระทรวงศึกษาธิการสั่งย้ายผู้อำนวยการออกจากพื้นที่ชั่วคราว และมีการดำเนินการต่อไปในวันจันทร์ ด้านผู้อำนวยการพยายามโทรศัพท์หาครูชั้นผู้น้อย แต่ยังไม่กล้ารับ

ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ สอบใน 7 วันรู้ผล

จากการโต้เถียงกันในโลกโซเชียล มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยกับครูชั้นผู้น้อย และเห็นใจครูผู้อำนวยการโรงเรียน ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ พยายามติดต่อไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว แต่ไม่มีการรับสาย จึงได้สอบถามไปยัง “นายสุชาติ พุทธลา” ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 ที่ดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ จะลงไปยังโรงเรียนดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 18 มี.ค.นี้ และรู้ผลสอบภายใน 7 วัน เบื้องต้นได้ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนย้ายมาช่วยราชการในจังหวัดร้อยเอ็ด จนกว่าผลสอบเสร็จสิ้น

ขณะนี้นักเรียนในโรงเรียนเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงครูในโรงเรียนที่มีจำนวน 4 คน ดังนั้นเขตการศึกษาจึงต้องรีบเข้าไปแก้ปัญหา ด้านผู้อำนวยการ และครูที่ถูกกล่าวหา ได้คุยกับทั้งสองฝ่ายแล้ว ทั้งคู่ต่างเข้าใจ ซึ่งท่านผู้อำนวยการได้รู้สึกถึงสิ่งที่กระทำไป ส่วนครูผู้สอน ทางคณะกรรมเตรียมลงไปซักถามเพื่อปรับความเข้าใจร่วมกัน

“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงสอบ และปิดภาคเรียน ทำให้ก่อนจะเปิดภาคเรียน เจ้าหน้าที่ส่วนกลางจะต้องลงเข้าไปสื่อสารทำความเข้าใจกับเด็กอีกครั้ง ตอนนี้รอการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสรุปผลใน 7 วัน ปกติโรงเรียนแห่งนี้มีครู 4 คน โดยครูที่เป็นข่าวสอนอยู่ในระดับประถมวัย เหตุที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงการประชุมเพื่อพิจารณาความดีความชอบในการประเมินผลงานครู”

เหตุการณ์นี้ยังไม่มีการคาดโทษร้ายแรงกับผู้อำนวยการโรงเรียน แต่มีผลกระทบต่อด้านจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชา เบื้องต้นอยากให้ทั้งสองฝ่ายจบกันด้วยดี และได้ทำงานให้กับเด็กๆ ต่อไป เพราะโรงเรียนที่เกิดเหตุเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ทางหน่วยงานพยายามเน้นย้ำผู้บังคับบัญชาทุกโรงเรียนอยู่กันแบบพี่น้องพึ่งพาอาศัยกัน และให้นึกถึงนักเรียนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง.