อากาศหนาวแน่ๆ มาแล้ว สำหรับการรอคอยของหลายๆ คน เพราะเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 ธ.ค. 2566 รู้สึกว่ามีลมหนาวพัดมาให้สัมผัสความเย็นบ้าง และทำให้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ดีขึ้นในขณะนี้ แต่อากาศหนาวจะยาวนานกี่วัน หรือแค่ระยะสั้นๆ สลับกับอากาศอุ่นค่อนไปทางร้อน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน
ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศอากาศหนาวเย็น ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 22-25 ธ.ค. 2566 โดยเฉพาะภาคเหนือ อุณหภูมิลดลง 4-6 องศาฯ ส่วนภาคอื่นลดลง 1-3 องศาฯ ยอดดอยหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ขณะที่ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น
อากาศหนาวเย็นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าอุณหภูมิต่ำสุด 19.5 องศาฯ ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และคาดการณ์ในวันที่ 23 ธ.ค. 2566 จะยังเย็นลงได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นรอบที่หนาวเย็นที่สุด และอากาศจะยังเย็นต่อเนื่อง กระทั่งหลังวันที่ 26 ธ.ค. 2566 อากาศจะอุ่นขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า
...
กทม.-ปริมณฑล อากาศหนาวช่วงเช้า แต่บ่ายร้อนมาก
เช่นเดียวกับ “รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาระบุว่า ลมหนาวเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ในพื้นที่ภาคอีสาน และวันที่ 23 ธ.ค. เริ่มเข้าภาคเหนือ แต่จะอยู่ไปจนถึงวันที่ 25 ธ.ค. เท่านั้นก่อนสภาพอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น แต่ยังเย็นสบายๆ ในช่วงเช้า ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อากาศหนาวในช่วงเช้า แต่ช่วงบ่ายร้อนมาก แสดงว่าสภาพอากาศแปรปรวน ก่อนจะกลับมาร้อนเหมือนเดิมหลังปีใหม่
“กลางคืนยังต้องเปิดแอร์นอน เตรียมเงินจ่ายค่าไฟกันหรือยัง หากใครอยากสัมผัสความหนาวต้องขึ้นดอยไปเหนือ และอีสานตอนบนช่วงคริสต์มาสถึงปีใหม่ ขณะที่ภาคใต้ตอนล่าง ฝั่งอ่าวไทย จะเจอฝนวันที่ 24-25 ธ.ค.นี้ จากอิทธิพลพายุ หรือหย่อมในทะเลจีนใต้ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งด้วย”
เย็นสลับอุ่น ถึงเดือนม.ค.ปี 67 ก่อนแล้ง 6 เดือนแรก
กูรูด้านสภาพอากาศอีกราย “ดร.สุทัศน์ วีสกุล” ที่ปรึกษา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ย้ำว่า อากาศจะหนาวเย็นไปจนถึงวันที่ 25 ธ.ค. และวันที่ 26 ธ.ค.จะอุ่นขึ้น จากตัวแปรหลักมาจากมวลอากาศในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่จากทะเล เห็นความแตกต่างชัดเจนทำให้รู้สึกได้และเป็นอยู่อย่างนี้ประมาณอาทิตย์เดียว ส่วนภาคอีสานและเหนือ ยังคงหนาวมีลม แต่ลมไม่แรงมาก ไม่เกิดวาตภัย แต่ก็ควรระมัดระวังในช่วงเช้า เพราะความกดอากาศมีมากกว่า
จากการประเมินอุณหภูมิในภาพรวม เนื่องจากปริมาณฝนปีนี้มาช้ากว่า 1 เดือน ทำให้อุณหภูมิอากาศเย็นมาช้า 1 เดือนเช่นกัน โดยอุณหภูมิจะเย็นบ้างอุ่นบ้างสลับกัน มีโอกาสจะเป็นเช่นนี้ไปถึงเดือนม.ค.ปี 2567 ซึ่งดูจากสถิติไม่ได้ดูจากด้านกายภาพ และต้องประเมินแบบเป็นรายอาทิตย์ในการคาดการณ์สภาพอากาศ
ขณะที่สถานการณ์แล้งในปีหน้านั้น จะแล้งในช่วง 6 เดือนแรก มีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ จากนั้นช่วง 6 เดือนหลังของปี จะมีฝนมากกว่าปกติ เป็นการพลิกกลับเร็วมาก โดยเฉพาะภาคใต้ฝนจะตกหนัก ซึ่งปีนี้ก็ถือว่าฝนตกหนักแล้ว แต่ปีหน้าจะตกหนักมากกว่าค่าเฉลี่ย และมีโอกาสจะเปลี่ยนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ มาเป็นลานีญาในช่วงกลางปีหน้าโดยเฉพาะภาคใต้ อาจเหมือนกับปี 2516
“เอลนีโญเริ่มลดลงมาแล้ว ทำให้ฝนมาช้า นอกจากผลกระทบจากเอลนีโญ ยังมาจากการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ จนทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกกลับ”
อากาศหนาวปีนี้ คล้ายปี 65 สลับกับอุ่น ลมช่วยลดฝุ่น
สรุปแล้วปี 2566 อากาศหนาวคล้ายๆ กับปี 2565 คือหนาว 3-4 วัน แล้วก็อุ่นขึ้น 5-6 วัน จะหมุนเวียนกัน และต้องดูเดือนม.ค.ปี 2567 อากาศจะเย็นบ้าง อย่างเมื่อเช้าวันที่ 22 ธ.ค.ในพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มมีลมหนาว ซึ่งจริงๆ แล้วลมหนาวมาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศจีน พัดมากรุงเทพฯ จากนั้นในวันจันทร์ที่ 25 ธ.ค. อุณหภูมิจะเริ่มอุ่น ต้องดูเป็นรายอาทิตย์ว่าช่วงตั้งวันที่ 25-26 ธ.ค.จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ลมหนาวที่เข้ามาทำให้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ดีขึ้นจะช่วยลดฝุ่นได้บ้าง
...
ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เฉพาะไทย แต่ยังเกิดขึ้นในคาบมหาสมุทร ซึ่งอยากให้หมั่นติดตามฟังข่าวสารข้อมูลสภาพอากาศทุกๆ 3-4 วัน เพื่อการเตรียมพร้อม ส่วนประเทศที่เป็นเกาะอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน อากาศหนาวมาช้า เพราะอยู่ติดมหาสมุทร มีกระแสน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่จีนอยู่ติดกับทิเบตและเทือกเขาสูง ไม่มีอะไรมาช่วยเป็นเกราะป้องกัน ทำให้ปีนี้อากาศหนาวมากกว่าทุกปี
“ขอย้ำว่าช่วงศุกร์เสาร์ 22-23 ธ.ค.นี้ ฝนจะตกหนักในภาคใต้ตอนล่าง จากหย่อมความกดอากาศมาจากเวียดนามพัดผ่านมาเลเซีย จากอ่าวไทยจะมาลงอันดามัน ทำให้จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา และพัทลุง ฝนตกหนัก มีความเสี่ยงน้ำท่วม จะต้องเตรียมพร้อมรับมือ”.