จากเคส หนุ่มแอบถ่ายใต้กระโปรง คือ อาชญากรรม ป่วย ไม่ป่วยจิต ก็รับโทษเท่ากัน โฆษกกรมสุขภาพจิต ชี้ปัญหา “กามวิปริต” มีหลายแบบ พร้อมให้คำแนะนำ...  

มาอีกแล้ว สำหรับกรณี หนุ่มแอบถ่ายใต้กระโปรงสาว หรือเด็กผู้หญิง ซึ่งคราวนี้นอกจากไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยังไม่กลัวกล้องวงจรปิดซะด้วย แถมลงมืออุกอาจกลางห้างดังกลางเมือง

โดยในเบื้องต้น ตำรวจ สน.ปทุมวัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ชุด PCT5 ควบคุมตัว นายทรรศน์ หรือ “ไตเติ้ล” วัย 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.902/2566 ลงวันที่ 15 ก.ย. 2566 พร้อมตั้งข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการรังแก หรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณสถาน พร้อมตรวจยึดของกลาง 2 รายการ
1. โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง (กู้ข้อมูลพบคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงกว่า 873 ภาพ ใบหน้าเหยื่อ 430 ราย)
2. คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (พบข้อมูลการฝึกแอบถ่ายใต้กระโปรง-รอกู้ข้อมูล)

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่คำสารภาพ อ้างว่า ครอบครัวดี มีฐานะ จบมหาวิทยาลัยดัง มีรสนิยมทางเพศ ชอบดูหนังโป๊แนวพิสดาร แอบถ่ายในห้องน้ำ หรือใต้กระโปรงหญิงสาว และทำมานาน 7 ปี จนมีความมั่นใจ และที่ลงมืออุกอาจก็เพราะความมั่นใจในฝีมือ และสุดท้ายก็เกม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ขจัดภัยร้าย “จิ้งจอกสังคม”

ที่มารูป : สืบนครบาล IDMB
ที่มารูป : สืบนครบาล IDMB

...

รสนิยมทางเพศ ไม่ผิด แต่ แอบถ่ายใต้กระโปรง คือ อาชญากรรม 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ จิตแพทย์ ในฐานะโฆษกกรมสุขภาพจิต มองประเด็น การแอบถ่ายใต้กระโปรง ว่า เวลาคนร้ายไปก่อเหตุและเป็นข่าว คนทั่วไปรู้สึกว่า คนเรามักมีปัญหาทางเพศ และมีบางเคสที่คนสงสัยว่า “นี่เกิดอะไรขึ้น” ทำไมถึงทำแบบนี้ เช่น แอบถ่ายใต้กระโปรง ขโมยกางเกงใน ชอบโชว์

พฤติกรรมแบบนี้ ในทางการแพทย์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

1. รสนิยมทางเพศ : บางคนมีรสนิยมทางเพศบางอย่าง เช่น แต่งตัวแฟนซี ระหว่างมีอะไรกับคู่ครอง แบบนี้ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เรียกว่าอยู่ในพื้นที่ปิด ทำกิจกรรมของตนเอง

2. มีอาการป่วย : คนบางกลุ่มไม่ได้มีความสุขทางเพศตามปกติ แล้วทำผิดกฎหมาย เช่น ป่วยด้วยโรคใคร่เด็ก (Pedophilia) กลุ่มนี้จะเรียกว่า “กามวิปริต” สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน ผิดศีลธรรม และผิดกฎหมาย แบบนี้ไม่ต้องเถียงกันเลยว่า “รสนิยม” ทางเพศ หรือไม่

คุณหมออภิชาติ อธิบายว่า บางคนมีเพศสัมพันธ์ในที่เปิด ถามว่าเขารู้ไหมว่าไม่เหมาะ ก็เชื่อว่ารู้ หรือทำในบ้านตัวเองและให้คนอื่นดู แบบนี้ก็พอเกิดขึ้นได้ อาจจะอยู่ข่ายรสนิยมทางเพศ

“แต่ถ้าบางคนนี่ทนไม่ได้เลย ต้องไปทำอะไรในที่สาธารณะเพื่อให้คนอื่นเห็นและตกใจ แบบนี้เข้าข่ายมีปัญหา อาจจะอยู่ในข่าย “ชอบโชว์” หรือ exhibitionism คือ ไม่อาจหักห้ามใจได้”

กรณีชอบ “แอบดู” เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เมื่อก่อนอาจจะไปซุ่มแอบดูตามห้องน้ำคนอื่น แต่พอมาถึงปัจจุบัน มีเทคโนโลยีทันสมัย ก็กลายเป็นแอบถ่าย แอบส่อง เรื่องนี้จะพิสูจน์กันยากว่าป่วยหรือไม่ ต้องมีการทดสอบกันเป็นรายบุคคล มีเพศสัมพันธ์ในแบบปกติหรือไม่ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ปกติไม่ได้ จะต้องแอบดู แอบส่องเท่านั้น แบบนี้จะจัดอยู่ในกลุ่ม “กามวิปริต”

โฆษกกรมสุขภาพจิต ย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันบอกได้ยาก บางคนอาจจะขาด “ความยับยั้งชั่งใจ” บางคนอาจจะอยู่ในข่าย “กามวิปริต” ไม่สนใจศีลธรรม ความเดือดร้อนของคนอื่น หรือกฎหมาย

โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การแอบถ่าย บางกรณีนั้นเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ เช่น เอาคลิปไปขายในโลกออนไลน์ คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่เป็น “อาชญากร” โดยหวังเอาทรัพย์สินเงินทอง หรือ “แบล็กเมล์”

“กลับกัน หากเป็นการแอบถ่าย โดยมุ่งไปที่ความสุขทางเพศ เพราะเขาหาความสุขทางเพศไม่ได้ โดยไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง เคสแบบนี้อาจจะเข้าข่ายป่วย”

อย่างไรก็ตาม นพ.อภิชาติ ย้ำว่า คุณจะป่วยหรือไม่ป่วย หากไปถ่ายใต้กระโปรง หรือแอบถ่ายใคร มันก็คือ ความผิดทางกฎหมาย การจะมาอ้างป่วยก็ไม่มีผลอะไร เพราะคุณก็ต้องรับโทษทางกฎหมายตามปกติ

ที่สำคัญ คือ คนที่ป่วยด้วยกามวิปริต ไม่ใช่ทุกคนจะทำผิด เพราะบางคนอาจจะมีความรู้สึกอยากจะแอบดู แต่เขาไม่เคยทำผิดกฎหมาย กลุ่มนี้ก็สามารถมาปรึกษาจิตแพทย์ให้ช่วยเหลือได้ เข้ามารักษาได้ ซึ่งก็มีมากมาย เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ประกาศให้ชาวบ้านรับรู้

...

“ไม่ใช่ว่า ทุกคนที่ป่วยด้วยโรคเหล่านั้น จะทำความผิดทุกคน และคนที่ทำผิดกับการกระทำเหล่านี้ “ไม่ใช่ทุกคน” จะเป็นโรค แต่ถึงจะป่วยหรือไม่ป่วยก็รับโทษเท่ากัน! บางคนมีอาการแต่ไม่ยอมมาหาหมอ ก็อาจจะป่วยด้วยโรคอื่น เช่น กลายเป็นซึมเศร้า ดังนั้น หากมาหาหมอก็อาจจะเข้าคอร์สจิตบำบัด หรือบางกรณีอาจจะต้องใช้ยาร่วมด้วย และบางคนมาหาหมอ ก็สามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคู่ครองได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องกลายเป็นผู้ก่อปัญหาตนเองและคนอื่น”

เสพ หนังโป๊ หนังพิสดาร เยาวชนอาจเข้าใจผิด 

การที่เสพติด หนังโป๊ หนังพิสดาร มีผลกระตุ้นหรือไม่ นพ.อภิชาติ ยอมรับว่า เป็นการอธิบายยาก เพราะเรื่องแบบนี้ต้องดูที่ประสบการณ์เก่าๆ ของแต่ละบุคคลด้วย แต่คนที่ดูคลิปโป๊ โดยเฉพาะในกลุ่ม “เยาวชน” มันอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

เช่น หนังโป๊ บางกรณีกระทำบางอย่าง ทำให้เข้าใจผิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะคลิปหรือหนังเหล่านั้น เป็นการแสดงที่ทำขึ้นมา หรือทำขึ้นเป็นมโนภาพของคนเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องในชีวิตจริงของมนุษย์ปกติ แต่เมื่อเยาวชนดูมากๆ ก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ และอาจเผลอนำมาทำในชีวิตจริง ซึ่งบางครั้งเมื่อทำไปแล้ว ก็ไม่ได้มีความสุข อย่างที่อยากก็มี...

...

“ดีที่สุด คือ เพศศึกษา ควรสอนให้เด็กๆ เข้าใจ ตามสภาพวัย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายภายในครอบครัว พ่อแม่สามารถสอนลูกได้ตามวัย แต่...ต้องไม่ผิดกฎหมาย และทำให้คนอื่นเดือดร้อน”

ทั้งนี้ หลักสูตรของพ่อแม่ คือ การสอนลูกให้รู้จักร่างกายตัวเองตามช่วงวัย อาทิ ร่างกายเรามีเพศแบบไหน ดูแลร่างกายตัวเองอย่างไร โตขึ้นมาก็บอกไปเลยว่า หากคบหากับใคร ควรปฏิบัติอย่างไร เพศเดียวกัน ก็สามารถคบหากันได้ เพราะเรื่อง “รสนิยมทางเพศ” คือ เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่หากจะมีเพศสัมพันธ์ต้องมีความปลอดภัย ไม่ทำอะไรที่เป็นละเมิด หรือผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการบังคับ ขู่เข็ญ และการข่มขืน ทุกอย่างต้องสอนกันตามวัย..

ไม่แน่ใจตัวเอง ให้ปรึกษาจิตแพทย์ 

ไม่แน่ใจว่าป่วย หรือไม่ป่วย ควรสังเกตอย่างไร ทำอย่างไร โฆษกกรมสุขภาพจิต แนะนำว่า หากเกิดคำถามกับตัวเอง และไม่แน่ใจ สิ่งที่จะแนะนำ คือ อาจจะปรึกษากับคน “ไว้ใจได้” หรือบางเรื่องยิ่งไม่แน่ใจว่า คนที่เราปรึกษามีศักยภาพพอที่จะตอบหรือไม่ หรืออายที่จะถาม ก็สามารถโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ ซึ่งเขาจะสามารถแนะนำเบื้องต้นให้ได้ แต่ถ้ามันหนัก มันลึกจริงๆ ทางสายด่วน ก็จะแนะนำ “จิตแพทย์” ที่ขึ้นตรงกับกระทรวง และอยู่ใกล้บ้านท่านได้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

...