เจาะปัญหา “เว็บพนัน” สายสัมพันธ์ บิ๊กสีกากี อิทธิพล วงศ์วาน และมูลค่าเงินหมุนเวียนมหาศาล....

ตอนนี้สังคมกำลังตั้งคำถาม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการ “สีกากี” ไทย ตั้งแต่คดี “กำนันนก” ที่มีนายตำรวจหลายนายเข้าไปพัวพัน เกิดการยิงกัน ไม่ระงับเหตุ เท่านั้นยังไม่พอ ยังช่วยคนร้ายหลบหนี ศักดิ์ศรีการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ถูกสั่นคลอนด้วย “อิทธิพลเถื่อน” และอำนาจแห่งเงินตรา 

ล่าสุด ก็มีปัญหาเรื่อง “เว็บพนันออนไลน์” ที่มีเจ้าหน้าที่หลายนาย รวมถึง พลเรือน ถูกจับกุม ตั้งข้อหาฉกรรจ์ เดือดร้อนไปถึงผู้บังคับบัญชาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ขอค้นบ้าน ภาพที่ออกมาสังคมมองว่า “อาจจะ” มีความขัดแย้ง ขัดแข้งขัดขากันภายในองค์กรหรือไม่ หรือจะมีต้นตอจากปัญหา “การเมือง” การแย่งอำนาจกันหรือไม่ 

จากข้อมูลที่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ สืบเสาะ มีการอ้างถึงเบื้องหลังเว็บพนันเหล่านี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับ “คนใหญ่คนโต” ในวงการสีกากี เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจให้คุณให้โทษเข้ามาเกี่ยวพัน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ... 

...

อยากจะเปิดกาสิโนออนไลน์ ให้ได้เท่าไรล่ะ!!? มีสัก 100 ล้านไหม ถ้ามี...เราก็มี “เว็บพนันออนไลน์” ให้พร้อมรูปแบบต่างๆ ที่เขียนโปรแกรมไว้ให้เสร็จสรรพ หน้าตาเว็บไซต์ก็คล้ายๆ เว็บหนังผู้ใหญ่ ที่ปิดกั้นไม่ได้สักที ส่วนที่เหลือเพียงอย่างเดียว ก็คือ “ชื่อเว็บ” จะใช้ 777, 888, 999 ก็แล้วแต่จะรังสรรค์ ที่แถมมาให้นั้น “ระบบป้องกัน” ระดับ “เทพ” ของเมืองไทย ที่หน่วยราชการบางแห่งของไทยใช้บริการ 

ที่สำคัญ ของสำคัญ คือ “การดูแลหลังการขาย” นี่แหละ คือ สาเหตุที่ต้องจ่ายแพง... แต่ที่แพงนั้น ก็ยังไม่จบแค่นั้น เพราะเป็นไปได้จะส่งวงศ์วาน เข้าร่วม “หุ้นลม” กินกันไปตามน้ำด้วย...

หากแต่วันใดถึง “คราวซวย” ถูกจับ ก็มักไม่ค่อยแถลงข่าว ทั้งที่ของกลาง เงินหมุนเวียน บางรายสูงถึง 300-1,000 ล้าน หรือบางราย รายเล็ก 100-300 ล้าน ถ้ารีบเคลียร์ก็อาจโดนสัก 50-60 ล้าน 

หากแต่...ไม่เคลียร์ หากถูกจับโดยตำรวจตงฉินทำงานถูกต้องจับ เงินทั้งหมดจะถูกอายัด ถูกตรวจสอบเส้นทางเงิน 

โดยในยุคแรกๆ จะใช้สรรพากรในการตรวจสอบ และมีการปรับ กระทั่งต่อมาก็จะให้ทาง ปปง. ดำเนินคดี “ฟอกเงิน” ซึ่งหากใช้กฎหมาย “ฟอกเงิน” เมื่อไหร่ ก็จะเรียกว่า “ล้มละลาย” เพราะจะถูกยึดทรัพย์หมด 

ฉะนั้นโดยมากจะไม่ค่อยเป็นข่าว คนที่มีหน้าที่เคลียร์จะรีบมาจัดการ... “คุณให้ได้เท่าไร ก็เขียนมา”

นี่เป็นที่มาว่าทำไม เราจึงเห็น “เจ้าหน้าที่” นอกแถวบางคน มักไปสนิทชิดเชื้อกับ เจ้าของเว็บพนัน เพราะนอกจากจะมีเงินทองใช้แล้ว ยังมีวงศ์วานเป็นหุ้นส่วนด้วยน่ะสิ! ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “คนดี” ในองค์กร ทำงานเพื่อบ้านเมือง รักและห่วงใยเยาวชน ต้องพบกับอุปสรรค ทั้งการทำงานแก้ปัญหา รวมไปถึงความเจริญในหน้าที่การงานด้วย 

ปัญหาประการสำคัญ คือ “อำนาจเงิน” หรือชาวบ้านเรียกว่า “ส่วย” นั้น หลายหน่วยงานก็เป็นที่รู้กันว่า “ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร...” เรียกว่ารู้หมด แต่...อำนาจเงินมันช่างหอมหวานและดึงดูดใจไม่น้อย มันทำให้กลายเป็นการทำงาน “ลูบหน้าปะจมูก” 

...

“เงินซื้อไม่ได้” ถ้าไม่มากพอ คำที่เป็น “มีม” ล้อกันโลกออนไลน์ หากเข้าสู่วงการนี้จริงๆ คงใช้คำว่า มากพอไม่ได้ เพราะต้องใช้คำว่า “มโหฬาร” จนอาจจะเกินหักห้ามใจ เพราะเขาก็รู้กันทั่วว่า “ผลประโยชน์” มันมหาศาลขนาดไหน...

บางเรื่องที่รู้กัน ก็คือการเติบโตในหน้าที่การงาน แบบ คุณธรรม จริยธรรม และ อาวุโส กลับพ่ายแพ้คำว่า “ค่าของคน มันคือคนของใคร” ก็ยังมีให้เห็น และมักจะมี “การเมืองภายใน” และการอุปถัมภ์ค้ำชูมาเกี่ยวข้องเสียด้วย 

ความหวังลึกๆ ของคนที่ทำงานภายใต้องค์กรนี้อยากจะเห็น คือ การได้บุคคลที่ดีเข้ามาปกครอง อย่างน้อยก็จะช่วยส่งเสริมคนดีๆ ขึ้นมามีอำนาจ เพื่อขจัดคนไม่ดีออกจากระบบยุติธรรมไทย เพื่อให้ประเทศไทย ลูกหลานคนไทย อยู่รอดปลอดภัยได้ 

สังคมไทย กับปัญหา “การพนันออนไลน์” 

จากการศึกษาปัญหาการพนันออนไลน์ในปี 2566 ของ “ศูนย์ศึกษาการพนัน” คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบสถิติที่น่าสนใจ คือ คนรุ่นใหม่อยู่สภาวะเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของพนันออนไลน์ จากการเก็บข้อมูลมากกว่า 5 พันตัวอย่าง ในรอบ 12 เดือน พบว่ามีเด็กเล่นพนันออนไลน์ อายุ 19-25 ปี จำนวน 1,382 ตัวอย่าง อายุ 15-18 ปี จำนวน 244 ตัวอย่าง 

หากถามว่าคนรุ่นใหม่ มีมุมมองอย่างไรกับการพนันออนไลน์ คำตอบของคำถามนี้ คือ เข้าถึงง่าย สะดวก มีโอกาสติด และเสียเงินได้ง่าย มีการโฆษณาชักชวน จากช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะเว็บพนันและสื่อออนไลน์ 

...

สำหรับ “สิ่งเร้า” ที่ส่งผลให้อยากเล่นพนัน คนรุ่นใหม่ร้อยละ 92.5 บอกว่ามีคนรอบตัวเล่นการพนันออนไลน์ ร้อยละ 87.7 เคยเห็นโฆษณาหรือถูกชักชวน โดยมี ร้อยละ 13.8 เข้าไปลองเล่นพนัน 

การพนัน ในกลุ่มเด็กอายุ 15-18 ปี เล่นพนัน ร้อยละ 14.6 หรือประมาณการเท่ากับ 465,635 คน แบ่งเป็นเด็กชาย 296,296 คน และเด็กหญิง 169,339 คน เกินครึ่งเป็น “นักพนันหน้าใหม่” หรือเคยเล่นครั้งแรก 

ส่วน 5 อันดับแรกในการเล่นพนัน ได้แก่ สลอตแมชชีน/ตู้พนัน, หวยใต้ดิน, ไพ่, สลากกินแบ่งรัฐบาล และพนันฟุตบอล 

สำหรับ “นักพนันหน้าใหม่” อาจจะเริ่มต้นด้วยเงินทุนไม่มาก แต่เมื่อติดพนันไปแล้ว ก็จะเพิ่มวงเงิน จากวงเงินมากสุด ของหน้าใหม่ คือ 7,000 บาท เล่นพนัน 1-2 ปี ก้าวกระโดดไปถึง 80,000 บาท ถ้ามากกว่านั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก 

มาดูที่ผลกระทบ งานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า สิ่งที่จะเกิดตามมาหลังจากการติดพนัน คือ ขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน, มีปัญหาความเครียด/เสียสุขภาพ, เสียเวลาทำงาน/การเรียน, สุขภาพเสื่อมโทรม และมีปากเสียงกับคนในครอบครัว 

...

เมื่อให้คนรุ่นใหม่ ตอบแบบประเมินปัญหาการพนัน The Problem Gambling Severity Index (PGSI) พบว่ามีแนวโน้มสูงที่จะเข้าข่าย “นักพนันที่เป็นปัญหา”

จากข้อมูลที่ไล่เรียงมาทั้งหมด พบว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มมากขึ้น ที่อาจจะเล่นการพนันจนเกินขอบเขตและนำไปสู่ปัญหา และสถานการณ์ในเวลานี้ เสมือนการตอกย้ำกับภาคส่วนต่างๆ ว่า กลไกในการดูแลปกป้องคนรุ่นใหม่ จากภัยการ “พนันออนไลน์” ยังขาดความเข้มแข็ง ไม่ทันต่อเหตุการณ์ สมควรได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วน

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ