มันเป็นซากเอเลี่ยน ซากมนุษย์ต่างดาว ที่ไม่ใช่มนุษย์จริงหรือ? ภายหลังรัฐสภาเม็กซิโกนำซากฟอสซิลหน้าคล้ายมนุษย์ 2 ร่าง แต่ขนาดเล็กกว่ามนุษย์ มีร่างสีเทา ศีรษะยาว นิ้วมือยาว 3 นิ้ว ออกมาแสดงเพื่อตอกย้ำในประเด็นสิ่งมีชีวิตนอกโลก จนสร้างความทึ่งอึ้งประหลาดใจและก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายในเชิงล้อเลียน ว่าหน้าตาของซากฟอสซิลนั้นช่างเหมือนกับเอเลี่ยนในหนังภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซี เรื่องอี.ทีเพื่อนรัก ออกฉายเมื่อปี 2525 จากผลงานของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ผู้กำกับมือรางวัลออสการ์

ภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซี เรื่องอี.ทีเพื่อนรัก ออกฉายเมื่อปี 2525
ภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซี เรื่องอี.ทีเพื่อนรัก ออกฉายเมื่อปี 2525

ไฮเม เมาส์ซัน นักข่าวและนักวิจัยชาวเม็กซิโก ซึ่งสนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว และจานบินยูเอฟโอ มานานหลายสิบปี เป็นผู้นำซากฟอสซิลเอเลี่ยน 2 ร่างบรรจุในกล่องใส ออกมาแสดงกลางรัฐสภาเม็กซิโก ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ เพื่อสะท้อนว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้เพียงลำพัง

...

เมาส์ซัน อ้างว่าซากฟอสซิลเอเลี่ยน 2 ร่างนี้ มีอายุประมาณ 1,000 ปี ถูกพบในประเทศเปรู ใกล้กับลายเส้นโบราณนาซกา เมื่อปี 2560 และยืนยันว่าไม่ใช่มนุษย์ แต่ยังไม่เรียกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว เพราะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตใด และได้เปิดกว้างให้สถาบันทางวิทยาศาสตร์ทุกแห่งบนโลกตรวจสอบ 

ขณะที่ องค์การนาซา เตรียมหารือในการศึกษาจากการค้นพบครั้งนี้ และมีรายงานว่าก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก แต่ได้มีความพยายามจะปกปิดข้อมูลกับสาธารณชน โดยกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐฯ

เมื่อย้อนไปในช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2555 ได้มีนักโบราณคดีค้นพบกะโหลกรูปร่างประหลาดอายุกว่า 1,000 ในประเทศเม็กซิโก เบื้องต้นหลายฝ่ายคาดว่าเป็นกะโหลกมนุษย์ต่างดาว เนื่องจากมีรูปทรงยาวผิดปกติ แต่ภายหลังผู้เชี่ยวชาญได้อออกมายืนยันว่าเป็นกะโหลกคนที่ผ่านกระบวนการดัดศีรษะ ตามพิธีกรรมโบราณในทวีปอเมริกาใต้ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของฐานะทางสังคม หรือสมาชิกชนเผ่าต่างๆ

ซากฟอสซิลเอเลี่ยน นำออกมาแสดงกลางรัฐสภาเม็กซิโก
ซากฟอสซิลเอเลี่ยน นำออกมาแสดงกลางรัฐสภาเม็กซิโก

ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ไทย "ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์" ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่วิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นว่า การตรวจรหัสพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ จากซากฟอสซิลดังกล่าวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุใดนั้น ต้องขอบอกว่าดีเอ็นเอ สลายตัวได้ง่ายมาก และโอกาสที่สิ่งมีชีวิตจะมีดีเอ็นเอหลงเหลือให้ตรวจสอบหลังตายไปเมื่อพันปีก่อนคงยากมาก และยิ่งพูดยากว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว เพราะยากมากจริงๆ อาจไม่มีดีเอ็นเอ แต่อาจจะเป็นโปรตีนก็ได้

“ถ้ามีจะตรวจดีเอ็นเอได้หรือไม่ อีกทั้งดีเอ็นเอไม่สามารถอ้างอิงได้ และซากสิ่งมีชีวิตอายุเก่าแก่ต้องพิเศษมากๆ ต้องอยู่ในอำพันในยางไม้ มีหิมะปกคลุม เหมือนกรณีแมมมอธ ทำให้รักษาดีเอ็นเอไว้ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยากมาก อย่างดีเอ็นเอมนุษย์มีโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ หรือ 46 แท่ง ก็กินข้อมูลเป็นหลัก 100 ล้านหน่วย และเวลาเราเอาสิ่งมีชีวิตเก่าแก่มาตรวจดู ก็กระจัดกระจาย บอกแทบไม่ได้ว่าเป็นดีเอ็นเอจากไหน หรือถ้าโชคดีก็จะสามารถบอกได้ว่ามาจากกลุ่มไหน”

...

การทำงานของนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง หรือแม้แต่คนที่เชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาว เวลาจะอ้างอิงอะไรที่แปลกประหลาดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มากๆ ก็ต้องการหลักฐานเพื่อตรวจสอบ จะต้องมีซากเอามาให้เห็น ไม่ใช่ตรวจสอบคนเดียวจะต้องส่งไปให้ตรวจหลายๆ แห่ง เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะยุคนี้หลักฐานเชื่อไม่ได้ อาจมีการสร้างขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาข้ออ้างเกี่ยวกับมนุษย์ต่าวดาว ก็พบว่ายังไม่จริงสักครั้ง ถ้าเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงจากหลักฐานที่มีอยู่ ก็ต้องส่งไปตรวจเพิ่มจากแล็บหลายๆ แห่ง เพื่อตรวจพิสูจน์ แต่ที่ผ่านมาไม่รอดสักราย.