“ผู้การแต้ม” เล่าเบื้องหลัง ความเครียดของ ผกก.เบิ้ม ก่อนตัดสินใจ ช่วงตี 4 ทั้งที่เพิ่งล้อมวงกินข้าว พร้อมชี้ ตร.ที่เหลือในงานเลี้ยง จะเจอวิบากกรรมอย่างไร...
จากคดี “กำนันนก” หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 35 ปี อดีตกำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม ที่ให้ “หน่อง” นายธนัญชัย หมั่นมาก ลูกน้องกระหน่ำยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิตในงานเลี้ยง ต่อมา ตำรวจตามไปวิสามัญ “หน่อง“ ได้หลังจากยิงต่อสู้กับตำรวจ
กระทั่ง ล่าสุด ช่วงบ่าย วันที่ 11 ก.ย. พบศพ พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผกก.เบิ้ม ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. นอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่ห้องนั่งเล่น คาดว่า ใช้ปืน 9 มม.จ่อยิงตัวเองที่ขมับขวากระสุนทะลุขมับซ้าย เบื้องต้น คาดว่า มาจากความเครียด จากการตายของ “สารวัตรศิว” กลายเป็นศพที่ 3
จากการตายของ “ผู้กำกับเบิ้ม” ก็มีข่าวลือต่างๆ ออกมามากมาย อาทิ ว่าถูกกดดันให้ก่อเหตุ หรือ ต้องการตัดตอน ซึ่งในประเด็นดังกล่าวเหล่านี้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตตำรวจมือปราบ เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” ที่ตามติดคดีนี้ เชื่อว่า ข่าวลือที่ออกมานั้น ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด พร้อมกับเล่าถึงเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ได้รับรู้มา
...
ผู้การแต้ม กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า เชื่อว่าการตายของ ผู้กำกับเบิ้ม มาจากความเครียด เพราะก่อนจะก่อเหตุสลด เขาไม่ได้นอนมาถึง 4 วัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเครียดอย่างมาก 1. เขาพาน้องเข้าไปแล้วน้องเสียชีวิต 2. ความเครียดจากผู้บังคับบัญชา 3. ไม่กล้าไปพบหน้าเพื่อน อายเพื่อน อายน้อง อายผู้บังคับบัญชา ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้น
“เรื่องนี้ ทุกคนรับรู้ แม้แต่ผู้ใหญ่ ก็ส่งคนเข้ามาดูแล ตามประกบ ป้องกันไม่ให้คิดสั้น การที่เขาเคยเป็นหัวหน้าคอมมานโด มันมีความรับผิดชอบที่สูง ภาพลักษณ์การเป็นหัวหน้าคอมมานโดนี่เอง เป็นสิ่งที่ทำให้กดดัน อาจจะเป็นการใช้อารมณ์ชั่ววูบ เลยตัดสินใจไปอย่างนั้น”
ก่อนเกิดเหตุนั้น มีการเปิดโรงแรมให้กับผู้กำกับเบิ้ม ได้นอน กระทั่ง ตี 3 ยังนั่งกินข้าวกันอยู่ กระทั่ง ช่วงตี 4 เขาหนีออกไปจากโรงแรม และไปก่อเหตุสลด คิดสั้น เรื่องนี้ถือว่าทางตำรวจเขาเฝ้าระวังอยู่แล้ว
กระแสข่าวลือต่างๆ เช่น เรื่องการ “ตัดตอน” ผู้การแต้ม เชื่อว่า มีคนพยายามปล่อยข่าว ทำให้คนสงสัย ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น
“สิ่งที่น่ากังวลในเวลานี้คือ ห่วงตำรวจคนอื่นๆ จะเครียดกันมากไปอีก กับกลุ่ม ตำรวจ 6 คน ที่ถูกจับ มันไม่เป็นไรหรอก มันก็อยู่ในคุก มีคนดูแลอยู่ ส่วนคนอื่นๆ ตำรวจบางคนที่ยังไม่ถูกจับ คนกลุ่มนี้จะมีอาการเครียด กังวล ว่าจะถูกตามจับหรือไม่ ความเครียดนี่แหละจะทำให้ความคิดเตลิดไป ฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำด่วนในเวลานี้ คือ ผู้บังคับบัญชา จะต้องคอยดูแล สอดส่องให้กำลังใจ”
ผู้การแต้ม ย้ำว่า ถึงแม้ตำรวจบางคนที่เดินทางไปงานเลี้ยงของกำนัน จะมีความผิด หรือไม่มีความผิด เรื่องนี้ต้องรอดูกันต่อ
หลักฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันมีอยู่แล้ว แม้ที่ผ่านมา จะมีความพยายามซ่อนเร้นและทำลาย แต่ก็สามารถตามเก็บหลักฐานได้ เพราะมีพยานบุคคล, พยานวัตถุ พยานนิติวิทยาศาสตร์ สามารถนำมาใช้ประกอบความผิดได้ทุกคน สำหรับการดำเนินคดีกับ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง อาจจะมีหลายระดับ
“ผมบอกตรงๆ นะ ตำรวจบางคนในงานเลี้ยง ...ไม่น่าให้เป็นตำรวจ เพราะ..ไม่มีใจจะคิดสู้ ไม่มีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจ แต่การดำเนินคดี เราต้องดำเนินคดีตามหลักฐาน บางคนไม่เกี่ยวข้อง อาจโดน การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดนเล่นเรื่องวินัย การข้ามเขต จะมากินเหล้ามางานเลี้ยงในเวลาราชการหรือไม่ ความผิดเหล่านี้ก็แบ่งแยกกันไป...”
...
แต่สำหรับ 6 นายตำรวจที่ถูกดำเนินคดี ชุดแรกนี้มันชัดเจน คือ การช่วยเหลือ ไม่จับกุม ปล่อยหนี พาหนี เอาปืนไปซ่อน ทำลายหลักฐาน ต้องถูกดำเนินคดีอาญาและวินัย ส่วนคนอื่น อาจจะผิดวินัยอย่างเดียว เพราะบางคนอาจจะไปนั่งกินด้วย แต่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็คงต้องโดนตั้งกรรมการสอบสวน ผิดหรือไม่ ก็ต้องรอดูผลการสอบ
สำหรับ กลุ่มที่พา คนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล กลุ่มนี้ อาจจะรอด กับคำถามว่า ทำไมไม่จับกุม คำตอบ คือ พาไปโรงพยาบาล แต่อาจจะมีความผิดเรื่องวินัยหรือไม่ ตอนยิงทำไมไม่ยิงตอบโต้ หรือจัดการ อันนี้คือต้องรอการตั้งกรรมการสอบต่อไป
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ
...