ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ มีข่าวเกี่ยวกับการลักลอบล่า “ลิงแสม” อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มคนไปดักใช้ลูกดอกยาสลบจับลิงแสมไปส่งขายชายแดนไทยกับเพื่อนบ้าน โดยสนนราคาตัวละ 3,000 บาท และเมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ มักอ้างว่านำไปขายให้นายหน้า และส่งตัวเจ้าจ๋อเหล่านี้ไปทำเมนู “เปิบพิสดาร”
ข่าวสารเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องมาโดยตลอด กระทั่งล่าสุด กลุ่มผู้ต้องหาก็รับสารภาพว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่มาตามจับนั้น เพราะถูกว่าจ้างให้จับไปเป็น “สัตว์ทดลอง”
เรื่องนี้จริงหรือไม่ ก็ยากที่จะได้รับคำตอบ อย่างไรก็ดี ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อ.พจ.วีรชัย สุทธิธารธวัช อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ได้กล่าวถึงปัญหานี้ พร้อมวิเคราะห์ว่า จากการติดตามข่าว เห็นว่ามีการล่าตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปีนี้มันก็ยังไม่หมด และเชื่อว่าการล่าน่าจะมีมากขึ้นไปอีก เพราะ “ลิงแสม” นั้น มีราคาค่อนข้างสูง!!
...
สรรพคุณทางยาจีนของ "ลิงแสม"
ก่อนจะไปถึงเรื่องราคา เรามาฟังสิ่งที่คนอยากรู้กันก่อนว่า “ลิงแสม” กินได้หรือไม่ และในทางแพทย์แผนจีนเป็นอย่างไร อ.พจ.วีรชัย กล่าวว่า จากตำราสมุนไพรจีน ที่มีการบันทึกเกี่ยวกับ “ลิง” ไว้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเล่มคัมภีร์ของ “เปิ่นเฉ่ากังมู่” ของหมอหลีสือเจิน ในช่วงปลายราชวงศ์หมิง (ประมาณ ค.ศ.1500 กว่าๆ)
โดยตำราเล่มนี้กล่าวถึงสมุนไพรที่ทำมาจากสัตว์หลายชนิด โดยมี “ลิง” ชนิดต่างๆ ผสมอยู่ด้วย และ “ลิงแสม” ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยภาษาจีนที่บันทึกไว้ เรียกว่าเป็น “ลิงกินปู”
ตำรานี้ระบุว่า หากจะนำลิงแสมมาทำยา จะเลือกใช้เนื้อ กระดูกที่หัว อุจจาระ และผิวหนัง ซึ่งเอามาทำยาได้หมด
“เนื้อลิงจะนำมาใช้ปิ้งย่างเหมือนเอาไว้รับประทานแค่นั้น ส่วนการจะนำลิงแสมมารักษานั้น ส่วนมากจะนำไปประกอบทำยารักษาไข้มาลาเรีย (ไข้ป่า) เป็นโรคที่พบมากบริเวณทางใต้ของประเทศจีน”
ส่วนในบันทึกของ “หลีสือเจิน” ที่คัดลอกมาจากตำราเล่มอื่น ที่พูดถึงการ “กินสมองลิง” มีบันทึกไว้ว่า ส่วนมากคนที่ชอบกิน จะอาศัยแถบกวางตุ้ง และอ้างว่า “รสชาติดี” ซึ่งบันทึกมีเพียงเท่านี้..
อ.พจ.วีรชัย สรุปว่า สำหรับลิงแสมนั้น ไม่มีคุณประโยชน์ทางยาเท่าไรนัก และไม่ถูกนำมาบรรจุในตำรับยาในสมัยโบราณ แค่มีบันทึกไว้เท่านั้น เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้
“เชื่อว่าประเด็นของลิงแสมนั้น ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเปิบพิสดาร หรือเอามาทำเป็นยา แต่ถูกสร้าง Story ขึ้นมาหลอกลวง เวลาโดนจับให้บอกว่านำไปเปิบพิสดาร แต่ความจริงการล่า “ลิงแสม” มีเป้าหมายมาทำเป็น สัตว์ทดลอง”
โควิดระบาด “ลิงแสม” ตกเป็นเป้าใช้เป็นสัตว์ทดลอง
อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน ม.หัวเฉียว ให้ความเห็นว่า ส่วนตัวเชื่อว่าตอนนี้ “ลิงแสม” กลายเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ในการนำมาใช้เป็นสัตว์ทดลอง
“สมัยก่อนอาจจะเป็นหนู สุนัข หรือหมู ที่ถูกนำมาใช้ทดลองมาก แต่จากการวิจัยที่ทั่วโลกกำลังทำอยู่ ที่เรียกว่า Human Cell Atlas (แผนที่เซลล์มนุษย์) โดยในหลายปีก่อนพบว่า “ลิงแสม” มีเซลล์ใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่า 80% แต่จากการค้นคว้าวิจัยในช่วง 2-3 ปีหลัง กลับพบว่ามีความสอดคล้องกับมนุษย์เพิ่มเป็น 93% จากวิจัยดังกล่าว พบว่าแม้ลิงจะมีความแตกต่างกับมนุษย์อยู่ แต่ก็ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก ดังนั้น ลิงแสมจึงถูกนำไปศึกษาทุกด้านที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ ทั้งกลไกการเกิดโรค หรือการติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคโควิด”
...
สาเหตุที่ไม่เชื่อว่าจะนำลิงไปเปิบพิสดาร เพราะราคาแพง!!
คุณหมอแพทย์แผนจีน เชื่อว่า การเปิบพิสดารมันเป็นเพียงการสร้างข่าวเท่านั้น เพราะในเมืองจีนมีบริษัทที่จัดตั้งเพื่อทำเป็น “ฟาร์ม” ลิงแสม มีอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะทางใต้ของจีน กวางซี ยูนนาน หรือไหหลำ โดยวัตถุการเปิดฟาร์มลิงแสม เพื่อนำมาใช้เป็น “สัตว์ทดลอง”
“ไม่กิน เพราะจากตัวเลขที่ทาง อย.ของจีน ประกาศการจัดซื้อลิงแสมในปี 2014 ลิงแสม ตัวละ 30,000 บาท (6,000 หยวน) ปี 2018 ตัวละ 70,000 บาท ปี 2019 ตัวละ 150,000 บาท ปี 2022 มีประกาศและจัดซื้อ 660,000 บาท และล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา 2023 ประกาศจัดซื้อตัวละ 850,000 บาท ฉะนั้น คงไม่มีใครที่อยากจะกินสมองลิงในราคาเกือบล้าน ใครจะเปิบพิสดารได้ หรือราคาแบบนี้ใครจะนำมาทำยา”
อ.พจ.วีรชัย กล่าวว่า ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงมั่นใจว่าไม่น่าจะนำมารับประทานแน่นอน และงบปีล่าสุดของ อย.จีน คือให้ 20 ล้านหยวน คือ ซื้อได้เพียง 120 ตัว
เมื่อถามว่า ด้วยมูลค่า “ลิงแสม” มีราคาสูง ถือเป็นแรงจูงใจหรือไม่ อาจารย์หมอแพทย์แผนจีนตอบสั้นๆ ว่า “แน่นอน”
แม้ประเทศจีนจะมีฟาร์มเลี้ยงลิงแสม แต่กว่าจะได้ใช้งานลิงจริงๆ ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี การใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลิง 1 ตัว ประมาณ 5 หมื่น/3 ปี ซึ่งบริษัทที่เปิดฟาร์มเหล่านี้มีมากกว่า 20 บริษัท แต่มี 4 บริษัทใหญ่เข้าตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าของฟาร์มมีหลักร้อยล้านหยวน
“ความเห็นส่วนตัวเชื่อว่า ความต้องการของ “ลิงแสม” มีมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุเพราะโรคร้ายมีเยอะขึ้น โรคที่รักษายากก็มีมากขึ้น ฉะนั้น สัตว์ทดลองจึงกลายเป็นที่ต้องการ เริ่มจาก “หนูทดลอง” แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้ลิง เพราะเขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ก่อนที่จะนำมาใช้ในมนุษย์”
...
บทลงโทษ ลอบค้าลิงแสมในจีน รุนแรง เด็ดขาด!
อ.พจ.วีรชัย เผยว่า สำหรับตัวบทกฎหมายในการลักลอบค้าลิงแสมในจีนนั้น หนักกว่าบ้านเรามาก “ลิงแสม” ในบ้านเรา ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งที่ประเทศจีนก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทเดียวกัน แต่โทษของเขา หากพบว่ามีการลอบค้าขายเกิน 10 ตัวขึ้นไป ก็มีโทษแรงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ยึดทรัพย์ หรือถึงขั้นประหาร
ด้วยกฎหมายที่แรงแบบนี้ หน่วยงานสำหรับการวิจัยจึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยง และเขาก็มีงบประมาณ มีแหล่งเพาะเลี้ยง
“ส่วนคนร้ายจะนำมาไปขายต่อให้ใคร ประเทศใดนั้น เป็นสิ่งที่ตอบยาก เพราะเราก็ไม่รู้ ซึ่งอาจจะมีการส่งต่อประเทศที่ 3 ที่ไม่ใช่ประเทศจีนก็เป็นไปได้ เพราะลิงแสมในจีนเองก็สามารถเพาะได้”
เตือนอย่ากินสัตว์ป่า กินยาสมุนไพรต้องศึกษาให้ดีก่อน
ในช่วงท้าย อาจารย์หมอแพทย์แผนจีน ได้เตือนว่า การกินสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นชนิดอะไร ก็มักมีเชื้อโรคมากมายอยู่แล้ว ยิ่งการกินสัตว์นั้นเป็นๆ ด้วยการเปิดหนังหัวแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ และหากดูในตำราสมุนไพร เนื้อสัตว์ป่าเหล่านี้ก็ห้ามกินกันสดๆ อยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นแพทย์แผนโบราณ การใช้งานสัตว์เหล่านี้ก็มีคุณธรรม จริยธรรมควบคู่อยู่
...
อ.พจ.วีรชัย ย้ำว่า อย่าเข้าใจผิดว่าการกินสัตว์ป่า หรือสมุนไพร แล้วจะบำรุงสารพัด เพราะความจริงมันมีทั้งประโยชน์และโทษ สมุนไพรบางชนิดมีพิษ และมีการสะสมในร่างกาย การใช้ทุกอย่างต้องมีการศึกษาให้รอบคอบก่อน ขอแค่ว่าอย่าปฏิเสธ หรือรับ แบบไม่ลืมหูลืมตา
“หากสนใจเรื่องสมุนไพรจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ ที่มีใบรับรองจาก ก.สาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีน หรือไทย สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือเรื่อง “ความเชื่อ” ในลักษณะ “คิดไปเอง” เพราะมันจะได้ไม่คุ้มเสีย”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์รายงาน
อ่านบทความที่น่าสนใจ