เหยื่อของแอม ไซยาไนด์ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ อีก 1 รอดชีวิต ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแอม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และคาดว่าตำรวจจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เป็นฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ และเอาสารพิษให้ผู้อื่นบริโภคและลักทรัพย์ ล้วนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต และตำรวจยังเชื่อว่าแอม ลงมือเพียงคนเดียว จากการตีสนิททำให้เหยื่อไว้ใจ
เป็นอีกคดีสะเทือนขวัญ ทำให้คนในสังคมต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อย่าไว้ใจใครง่ายๆ อาจถูกวางยาพิษเหมือนคดีของแอม ไซยาไนด์ เพื่อหวังเอาทรัพย์สิน หรือฆ่าล้างหนี้ และการกระทำอย่างเหี้ยมโหดในลักษณะเดียวกัน อาจเคยเกิดขึ้นกับผู้เคราะห์ร้ายหลายรายมาแล้ว แต่ทางญาติและคนในครอบครัว อาจไม่ติดใจในการเสียชีวิต เพราะต่างคิดว่าเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว หรือจากอาการวูบหัวใจวายเฉียบพลัน จนทำให้ผู้กระทำผิดลอยนวล
วิธีการสังเกตเบื้องต้นของคนได้รับพิษไซยาไนด์ ร่างกายจะอ่อนแรง สับสน พฤติกรรมผิดปกติ นอนมากเกินไป หายใจสั้น ปวดหัว เวียนหัว อาเจียน ปวดท้อง และอาจดูไม่ออก หรือหากได้กลิ่นอัลมอนด์ หรือกลิ่นถั่วไหม้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะไซยาไนด์ เป็นสารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สามารถปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ อาหาร และในพืชบางชนิด
...
สังเกตอาการตัวเอง ระวังอาจโดนวางยา ไม่รู้ตัว
สังคมดูเหมือนจะอยู่ยากมากยิ่งขึ้น ทำให้หลายคนเกิดอาการผวาต้องระวังตัวให้มาก เกรงว่าอาจจะโชคร้ายถูกวางยาพิษ แล้วจะมีวิธีอย่างไรในการป้องกันและขับพิษในเบื้องต้น ด้วยวิธีง่ายๆ ตามแบบฉบับหมอพื้นบ้าน “หมอประเดิม ส่างเสน” หมอพื้นบ้านไทยใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชนเผ่าสมุนไพรนวลจันทร์เชียงใหม่ ในฐานะผู้คลุกคลีกับสมุนไพรมาทั้งชีวิต บอกว่า อาการของคนโดนวางยาพิษมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารพิษ โดยกรณีของไซยาไนด์ จะกัดตั้งแต่ลิ้นลงมา หากได้รับในปริมาณมากจะน้ำลายฟูมปาก เหมือนกับการกินน้ำยาล้างห้องน้ำ และสารแลนเนท
“หากไซยาไนด์ลงไปในท้อง ก็จะปวดท้อง ท้องเสีย เพราะไปทำลายธาตุทั้งสี่ในร่างกาย แต่หากเป็นสารพิษอื่นจะมีอาการง่วงซึม ถ่ายออกมาเป็นเลือด และกรณีโดนยาพิษใส่ไปในน้ำ หากกินเข้าไปจะเริ่มใจสั่นหวิว อาการส่วนใหญ่เหมือนโดนยากล่อมประสาท รู้สึกมึนหัว ตาลาย จากนั้นจะท้องเสีย มวนท้องปวดท้องแบบบิด อยากจะอาเจียน เพราะลำไส้บีบตัวแรง และจะเสียชีวิตภายใน 3-5 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับมากหรือน้อย หรือบางคนประมาณ 10-30 นาที ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ขึ้นอยู่กับการดูดซึม ยิ่งเป็นพวกสารเคมีราวด์อัพ น่ากลัวมากพอๆ กับไซยาไนด์”
การโดนยาพิษกับยาสั่งมีความแตกต่างกัน โดยยาสั่งเป็นการนำสมุนไพรมีพิษบางอย่างไปผสมให้กิน ส่วนใหญ่ใช้ในกลุ่มชนเผ่าและชนพื้นบ้านเมื่อมีเรื่องขัดแย้งกัน หากผสมกับเหล้า 35 ดีกรี จะเกิดอาการทันที หรือหากกินเมนูอาหารที่เคยกินแล้วไม่เคยเป็นอะไร แต่หากวันหนึ่งกินแล้วรู้สึกผิดปกติ ก็ให้สันนิษฐานไปก่อนว่าโดนยาสั่ง และส่วนมากจะผสมยาสั่งกับน้ำดื่ม เพราะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น และเมื่อดื่มมากกว่า 1 ครั้ง ก็จะเสียชีวิต เช่น รากฟักทอง ห้ามกินกับเหล้า
วิธีขับพิษ ตำรับหมอพื้นบ้านชาวไทยใหญ่
สำหรับวิธีการขับพิษ ให้ใช้ดอกปีบ ต้นปีบ ต้นเหมือดคน และชองระอา นำมาต้มกิน หรือนำมาฝนกับน้ำ ก็ได้ และใช้ได้กับการโดนยาพิษ แต่ให้เพิ่มรางจืด และเหมือดคน อีก 1 เท่า หากหาสมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้ ให้ใช้วิธีฝังตัวเองในดินหรือทรายที่ราดน้ำให้แฉะ หรือลงไปแช่ในน้ำที่มีการไหลเวียน ไม่ใช่แหล่งน้ำขัง หรือแช่ในอ่างอาบน้ำให้น้ำล้นออกมา หรือใช้ฝักบัวอาบน้ำเพื่อล้างพิษ ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที
“กรณีฉุกเฉินให้กินน้ำมะนาวหลายๆ ลูก ผสมกับเกลือเยอะๆ หรือนำผักบุ้งชนิดใดก็ได้ เอามาปั่นกินล้างพิษ เพื่อช่วยรักษาม้าม ปอด กับตับ และในพืชบางชนิด อย่างมันสำปะหลัง ยางพารา หรือหน่อไม้ จะมีสารไซยาไนด์ ควรต้องระวัง กรณีจะกินหน่อไม้ ต้องล้างให้สะอาด แล้วใส่น้ำใบย่านาง สามารถกินได้โดยไม่ต้องกังวล หรือหากหาอะไรไม่ได้ ให้เอาผักตำลึง เสลดพังพอน มาเคี้ยวกินใช้ล้างพิษได้เลย”
...
อีกหนึ่งวิธีป้องกันการโดนวางยาพิษแบบง่ายๆ ให้พกเข็มเงิน หรือปิ่นเงิน นำติดตัวเวลาออกไปข้างนอก หากไม่มั่นใจในเรื่องปลอดภัยของอาหารและเครื่องดื่ม ให้นำเข็มเงิน หรือปิ่นเงิน ไปจิ้มลงไปในน้ำหรืออาหาร ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 2 นาที หากเข็มเงิน หรือปิ่นเงิน มีสีดำ ก็ไม่ควรกิน สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าอาจมียาพิษผสมลงไป.